'พีระพันธุ์' ชงผุดกฎหมายกลางปลดล็อกปัญหาความไม่เป็นธรรม!

'พีระพันธุ์' เคลียร์ 3 ความเดือดร้อนประชาชน เล็งชงร่าง กม.ใหม่เป็นตัวกลางเปิดช่องให้สามารถปลดล็อกกฎหมายหลายตัวที่ไม่ชัดเจนจนเกิดความไม่เป็นธรรม

07 ก.ย.2565 - นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค ที่ปรึกษานายกรัฐมนตรี ในฐานะประธานคณะกรรมการอำนวยความเป็นธรรมและเร่งรัดการปฏิบัติราชการ เปิดเผยผลการประชุมเพื่อรับข้อร้องเรียนของประชาชน 3 กรณี ได้แก่ ข้อร้องเรียนของกลุ่มชาวบ้าน ต.ทุ่งตำเสา,ต.ฉลุง อ.หาดใหญ่ และ ต.คลองหลา อ.คลองหอยโข่ง จ.สงขลา กรณีที่ดินที่ทับซ้อนกันระหว่างที่ดินทำกินของประชาชนกับพื้นที่ป่าสงวนของกรมป่าไม้ ซึ่งจากการตรวจสอบหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ทั้งกรมป่าไม้ กรมที่ดิน และ สปก. รวมทั้งตรวจสอบจากกฎหมายและคำสั่งต่างๆ พบว่าพื้นที่ดังกล่าวเคยมีมติคณะรัฐมนตรี (ครม.) เมื่อปี 2525 ให้จำแนกพื้นที่ป่าไม้ และพื้นที่จัดสรรตามประเภท รวมทั้งพื้นที่ที่ประชาชนสามารถทำประโยชน์ในที่ดินได้ แต่เมื่อเวลาผ่านมายังไม่ได้มีการดำเนินการ แม้จะมีการนำเรื่องดังกล่าวกลับมาพิจารณาใน ครม.อีกครั้งในปี 2555 และมีมติให้ดำเนินการแล้ว แต่กระบวนการยังไม่คืบหน้ากลายเป็นปัญหามาโดยตลอด กระทั่งล่าสุดมีชาวบ้านเข้าไปทำมาหากินในพื้นที่ของตนเอง แต่ถูกเจ้าหน้าที่ป่าไม้แจ้งจับดำเนินคดี จนต้องเข้าไปอยู่ในห้องขัง 2 คืน ขณะที่ชาวบ้านในพื้นที่อื่นๆ ก็ประสบปัญหาเช่นเดียวกัน จึงได้เดินทางมาร้องเรียนเพื่อขอความเป็นธรรมดังกล่าว

นายพีระพันธุ์ กล่าวอีกว่า จากการที่ได้ตรวจสอบข้อเท็จจริงจากเจ้าหน้าที่ของหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ทั้งในส่วนของป่าไม้จังหวัด และจากปัญหาที่มีการจับกุมจนทำให้เกิดการร้องเรียนนั้น เป็นเพราะหน่วยงานรัฐยังไม่ได้ดำเนินการให้ชัดเจน เนื่องจากเจ้าหน้าที่เอง อาจจะยังไม่เข้าใจในรายละเอียดของคำสั่งหรือกฎหมาย ทำให้ดำเนินการผิดพลาด ดังนั้นเมื่อได้มีการเชิญมาพูดคุยที่มาที่ไปและทำความเข้าใจกันแล้ว จึงได้สั่งการให้ทั้งสองฝ่ายไปดำเนินการร่วมกัน โดยในส่วนของประชาชน จะต้องนำพื้นที่ที่ตนเองมีเอกสารหรือโฉนดยืนยันดังกล่าว ไปแจ้งให้เจ้าหน้าที่กรมที่ดินตรวจสอบให้ชัดเจน เพื่อให้ทางเจ้าหน้าที่ทราบ ขณะที่เจ้าหน้าที่เองเมื่อทราบแล้ว ก็ควรจะไปถอนแจ้งความ เพราะประชาชนไม่ได้ทำผิดกฎหมาย เพื่อให้สามารถยุติปัญหาที่เกิดขึ้นได้

นายพีระพันธุ์ กล่าวต่อไปว่า ส่วนกรณีที่ 2 เป็นประเด็นร้องเรียนกรณีชาวบ้านในชุมชนแหลมสนอ่อน เทศบาลนครสงขลา จ.สงขลา ได้ยื่นขอความเป็นธรรมกรณีเทศบาลฯ สั่งรื้อที่พักอาศัยที่เคยเช่าทำกิน โดยระบุว่าจะใช้พื้นที่ดังกล่าวเพื่อสร้างสวนเฉลิมพระเกียรติ และแก้ปัญหาผู้ที่สร้างบ้านเรือนขึ้นใหม่ในพื้นที่โดยไม่ได้รับอนุญาต โดยชาวบ้านระบุว่าการดำเนินการดังกล่าว ทำให้ได้รับความเดือดร้อนเรื่องที่ทำมาหากินและอยู่อาศัย ซึ่งตนได้สอบถามรายละเอียดจากทางเทศบาลฯแล้ว ก็ทราบว่าเป็นนโยบายที่ต้องการจะพัฒนาพื้นที่ และแก้ปัญหาการบุกรุกเพิ่มเติมของชาวบ้านกลุ่มใหม่ที่เข้ามาก่อสร้างต่อเติมโดยไม่ได้รับอนุญาต โดยที่ผ่านมาได้มีการเจรจาตกลงกันเกี่ยวกับสัญญาเช่าพื้นที่ให้กับประชาชน แต่ยังมีประชาชนจำนวนหนึ่งไม่ยินยอมที่จะมาทำสัญญาและพูดคุยตกลงกัน จนกลายเป็นปัญหายืดเยื้อ มีการสั่งรื้อถอนอาคารบ้านเรือนดังกล่าว จากการพูดคุยกับทั้งสองฝ่าย พบว่าในส่วนของภาครัฐนั้นต้องการควบคุมไม่ให้มีการบุกรุกพื้นที่เพิ่มเติม หลังจากที่มีประชาชนกลุ่มใหม่ๆ เข้ามาใช้พื้นที่โดยขอให้ประชาชนทำสัญญาเช่าพื้นที่อย่างถูกต้อง เพื่อการควบคุมดูแลให้เกิดระเบียบ แต่ประชาชนบางกลุ่มไม่มาทำสัญญา ขณะที่ประชาชนบางส่วนก็ไม่ดำเนินการตามระเบียบที่ทางภาครัฐกำหนด จนทำให้เกิดปัญหาความขัดแย้งดังกล่าว

“จากการพูดคุยหาแนวทางร่วมกันเบื้องต้น ก็พอมีทางที่จะพูดคุยตกลงกัน เพื่อให้ข้าราชการดำเนินการไปตามหน้าที่ได้ และชาวบ้านไม่ได้รับความเดือดร้อน โดยผมจะเข้าไปดูแลเพิ่มเติมให้ปัญหาคลี่คลาย ในส่วนของประชาชนนั้นได้ขอให้ผู้ที่อยู่ดั้งเดิมรีบไปทำสัญญาให้ถูกต้อง และขอให้ช่วยดูแลอย่าให้เกิดการบุกรุกเพิ่มเติม โดยประชาชนรับปากที่จะทำตามข้อตกลงดังกล่าว ทำให้เป็นที่พอใจทั้งชาวบ้านและเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง” นายพีระพันธุ์ กล่าว

นายพีระพันธุ์ กล่าวอีกว่า ในส่วนของการร้องเรียนประเด็นที่ 3 เป็นกรณีประชาชนมาร้องเรียนและขอความช่วยเหลือ เนื่องจากถูกธนาคารยืดบ้านและกำลังจะถูกนำไปขายทอดตลาด หลังจากที่ขาดส่งค่างวดเพียง 2 เดือน ที่ผ่านมาพยายามร้องเรียนไปตามที่ต่างๆ แต่ยังไม่คืบหน้า ล่าสุดจะถึงกำหนดเส้นตายในเดือนนี้ และครอบครัวอาจจะไม่มีบ้านอยู่ จึงอยากจะขอความเป็นธรรมช่วยเหลือในประเด็นข้อกฎหมายต่างๆ โดยได้ประสานให้นายชื่นชอบ คงอุดม ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำนายกรัฐมนตรี ปฏิบัติหน้าที่ประจำกระทรวงการคลัง ตรวจสอบเกี่ยวกับเงื่อนไขของสถาบันการเงินที่เกี่ยวข้องว่าเป็นไปตามระเบียบข้อกฎหมายที่ถูกต้องหรือไม่ และหาแนวทางช่วยเหลือผู้ร้องเรียนรายนี้ต่อไป

นายพีระพันธุ์ กล่าวอีกว่า จากการรับเรื่องร้องเรียนต่างๆ ไม่ได้มองว่าเป็นปัญหาที่กฎหมายฉบับใดฉบับหนึ่ง แต่มองว่าเป็นปัญหารวมของกฎหมายภาครัฐ คือกฎหมายที่เกี่ยวกับเรื่องการกำกับดูแลประชาชนทั้งหมด ถ้าไปไล่แก้ทีละฉบับไม่ทัน ควรจะต้องมีกฎหมายฉบับเดียว เพื่อเป็นกฎหมายที่เป็นการบริหารราชการเพื่อความเป็นธรรม พ.ร.บ.หรือกฎหมายใดที่หน่วยงานถืออยู่แต่สร้างความเดือดร้อน และทำให้เกิดความไม่เป็นธรรมกับประชาชน จะต้องถูกยกเลิก เพิกถอนด้วย พ.ร.บ.ฉบับกลางฉบับนี้

“ตอนนี้ประเทศเราไม่มีกฎหมายฉบับนี้ ทำให้เวลาเกิดปัญหาก็ต้องไปไล่แต่ละที่ ไปที่กรมที่ดินบ้าง ไปป่าไม้บ้าง ไปทรัพยากรธรรมชาติ ไปประมง ยุ่งไปหมด แต่พื้นฐานปัญหาที่แท้จริงคือเรื่องเดียวกันหมด คือกฎหมายไม่ชัดเจน หรือใช้อำนาจทางกฎหมายไม่ถูกต้องทำให้เกิดปัญหาตามมาในแต่ละเนื้อหาของประเด็น เช่น เรื่องประมง เรื่องป่าไม้ เรื่องทำกิน แต่ทั้งหมดมาจากเรื่องเดียวกัน อย่างน้อยถ้าออกมา ผมเชื่อว่าจะคลี่คลายปัญหาได้สูง เพราะหลายอย่างจะถูกปลดล็อก และผมทำได้เขียนได้เลย ดำเนินการได้เองเลยไม่ต้องให้หน่วยราชการต้องดำเนินการ ซึ่งนี่เป็นแนวทางการทำงานที่จะได้ทำให้เกิดขึ้น เพื่อแก้ปัญหาเรื่องความไม่เป็นธรรมที่เกิดขึ้นกับพี่น้องประชาชนในขณะนี้” นายพีระพันธุ์กล่าว

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

'พีระพันธุ์' ข้องใจนำกัญชากลับสู่ยาเสพติด 'คนเดียวกันพูดคนละอย่างได้อย่างไร' จี้ป.ป.ส.แจง

'พีระพันธุ์' ข้องใจ นำกัญชากลับเข้าสู่บัญชียาเสพติด 'คนเดียวกันพูดคนละอย่างได้อย่างไร' เล็งให้ ป.ป.ส.แจง หลังนโยบายชักเข้าชักออก ขอคุยก่อนประชุม ย้ำต้องอธิบายให้ได้

'วิษณุ' ชี้ไม่แปลก 'ทักษิณ' ช่วยงานรัฐบาล ยกอดีต 'บิ๊กจ๊อด' เคยขี่ นายกฯอานันท์ มาแล้ว!

ที่ทำเนียบรัฐบาล นายวิษณุ เครืองาม ที่ปรึกษาของนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ที่

ครม.ต่ออายุ 'สุรเชษฐ์ เหล่าพูลสุข' นั่งผู้ว่าการการทางพิเศษฯ อีกวาระ

นายชัย วัชรงค์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ว่า ครม.มีมติเห็นชอบตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอการแต่งตั้ง นายสุรเชษฐ์ เหล่าพูลสุข เป็นผู้ว่าการการทาง