ศาลปค.กลาง พิพากษาเพิกถอนคำสั่ง ให้อดีตรมว.ทส.-พวก ชดใช้ค่าสินไหมทดแทนคดีคลองด่าน

30 ส.ค.2565 - ศาลปกครองกลางมีคำพิพากษา คดีหมายเลขดำที่ 1877/2559 คดีหมายเลขแดงที่ 1833/2565ระหว่าง นายประพัฒน์ ปัญญาชาติรักษ์ อดีตรัฐมนตรี​ว่าการ​กระทรวง​ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กับพวกรวม 7 คน ผู้ฟ้องคดี และอธิบดีกรมควบคุมมลพิษ (อธิบดี คพ.) ปลัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (ปลัด ทส.) ผู้ถูกฟ้องคดีที่ 1-2 คดีการชดใช้ค่าสินไหมทดแทน กรณีบอกเลิกสัญญาโครงการบ่อบำบัดน้ำเสียคลองด่าน โดยกรมควบคุมมลพิษต้องชดใช้ให้กิจการร่วมค้าฯ 4,983 ล้านบาทเศษ และ 31 ล้านเหรียญดอลลาร์สหรัฐฯ พร้อมดอกเบี้ยร้อยละ 7.5 ต่อปี

โดยศาลปกครองกลาง พิเคราะห์แล้วสรุปได้ว่า นายประพัฒน์ กับพวกมีคำสั่งให้เอกชนยุติการก่อสร้างใด ๆ ในโครงการบ่อบำบัดน้ำเสียคลองด่านโดยสิ้นเชิง เป็นเหตุให้เอกชนยกขึ้นอ้างเป็นเหตุบอกเลิกสัญญา ทำให้การก่อสร้างโครงการดังกล่าวต้องยุติลง และโครงการไม่อาจสำเร็จตามวัตถุประสงค์ ย่อมเป็นเหตุให้กรมควบคุมมลพิษ ได้รับความเสียหายแล้ว จึงเป็นกรณีที่นายประพัฒน์ กับพวก ปฏิบัติหน้าที่ด้วยความประมาทเลินเล่อ ให้เสียหายแก่ทรัพย์สินของกรมควบคุมมลพิษ อันถือเป็นการกระทำละเมิด โดยการบอกเลิกสัญญาดังกล่าวมีผลเมื่อ 28 ก.พ. 2546 ซึ่งถือเป็นวันที่กรมควบคุมมลพิษได้รับความเสียหาย

อย่างไรก็ตามกรมควบคุมมลพิษ มีคำสั่งเมื่อ 11 พ.ค. 2559 เพื่อให้นายประพัฒน์ กับพวกชดใช้ค่าสินไหมทนดแทน จึงเป็นการใช้สิทธิเรียกร้องให้นายประพัฒน์ กับพวกชดใช้ค่าสินไหมทดแทนพ้น 10 ปี นับตั้งแต่วันทำละเมิด คดีจึงขาดอายุความ ตามมาตรา 448 วรรคหนึ่ง แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ คำสั่งของอธิบดีกรมควบคุมมลพิษ (ผู้ถูกฟ้องคดีที่ 1) ที่ให้นายประพัฒน์ กับพวกรวม 7 ราย ชดใช้ค่าสินไหมทดแทนกรมควบคุมมลพิษดังกล่าว จึงไม่ชอบด้วยกฎหมาย

ศาลปกครองกลางจึงมีคำพิพากษาเพิกถอนคำสั่งกรมควบคุมมลพิษที่ให้นายประพัฒน์ กับพวกรวม 7 คน ผู้ฟ้องคดี ชดใช้ค่าสินไหมทดแทนจากกรณีที่ศาลปกครองสูงสุดพิพากษาให้กรมควบคุมมลพิษชำระเงินค่าจ้างและค่าเสียหายในโครงการก่อสร้างระบบบำบัดน้ำเสียคลองด่าน โดยให้การเพิกถอนมีผลย้อนหลังไปถึงวันที่มีคำสั่งและคำวินิจฉัยอุทธรณ์ดังกล่าว เมื่อคำสั่งของอธิบดีกรมควบคุมมลพิษ (ผู้ถูกฟ้องคดีที่ 1) ดังกล่าวไม่ชอบด้วยกฎหมาย ย่อมทำให้คำวินิจฉัยอุทธรณ์ของปลัด ทส. (ผู้ถูกฟ้องคดีที่ 2) ลับ ที่ 4/2559 ลงวันที่ 2 ก.ย. 2559 ที่ยกอุทธรณ์ของนายประพัฒน์ กับพวกรวม 7 ราย ไม่ชอบด้วยกฎหมายเช่นกัน

จึงพิพากษาเพิกถอนคำสั่งของอธิบดีกรมควบคุมมลพิษ ที่ให้นายประพัฒน์ กับพวกรวม 7 ราย ที่ให้ชดใช้ค่าสินไหมทดแทนดังกล่าว และคำวินิจฉัยอุทธรณ์ของปลัด ทส. ที่ยกอุทธรณ์ของนายประพัฒน์ กับพวกรวม 7 ราย โดยให้การเพิกถอนมีผลย้อนไปถึงวันที่มีคำสั่ง และคำวินิจฉัยอุทธรณ์ดังกล่าว

รายละเอียดคำวินิจฉัยโปรดอ่านจากคำพิพากษาศาลปกครองกลางที่แนบมาพร้อมนี้

คพษ. 1833-2565

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

'ครช.' บุกกกต.จี้ให้เลื่อนการเลือกสว.จนกว่าศาลรธน.มีคำวินิจฉัย เตือนผิดม.157

ที่สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) นายพลภาขุน เศรษฐญาบดี ตัวแทนผู้ประสานงานคณะราษฎรไทยแห่งชาติ (ครช.) ได้ยื่นหนังสือถึงคณะกรรมการการเลือกตั้ง เลขลงรับที่ 7414 โดยเนื้อหาในหนังสือระบุ

กกต. ไม่อุทธรณ์คำสั่งศาลปกครองกลาง ยันไม่แก้ไขระเบียบแนะนำตัวผู้สมัคร สว.

ที่สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) มีการประชุมหารือเกี่ยวกับแนวทางการเลือกสมาชิกวุฒิสภา (สว.)

ผู้สมัคร สว. ยื่น 4 ข้อ จี้ กกต.ห้ามอุทธรณ์คำสั่งศาลปค.กลาง เพิกถอนกฎเหล็ก 

ผู้สมัคร สว. ยื่นข้อเรียกร้อง 4 ข้อ จี้กกต.ห้ามอุทธรณ์คำสั่งศาลปค.กลาง  หลังมีคำพิพากษาเพิกถอนระเบียบแนะนำตัวบางส่วน เพื่อให้คำสั่งมีผลทันที ให้ทุกคนแนะนำตัวอย่างเท่าเทียม

ระเบียบแนะนำตัว สว. ส่อวุ่น ตุลาการผู้แถลงคดี เสนอองค์คณะเพิกถอน 5 ข้อกำหนด

ศาลปกครองกลาง ออกนั่งพิจารณาคดีครั้งแรกในคดีที่ นายเทวฤทธิ์ มณีฉาย บรรณาธิการสำนักข่าวประชาไท และนายพนัส ทัศนียานนท์ อดีตอธิการบดีมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์และพวก