สร้างโอกาสในชีวิต 'ลูกนักโทษ'

ปัญหาเด็กถูกทอดทิ้ง เพราะพ่อแม่ถูกจำคุกไม่ลดน้อยลง ซ้ำร้ายยังมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นอีก ไทยมีนักโทษหญิงสูง ในจำนวนนั้นผู้หญิงจำนวนมากที่เป็นแม่คนต้องทอดทิ้งลูกของตัวเองไว้ข้างนอก และบางรายถูกจับขณะตั้งครรภ์จนจำเป็นต้องคลอดลูกในเรือนจำ

แม้นักโทษแม่ลูกอ่อนจะสามารถเลี้ยงลูกในเรือนจำได้ แต่ตามกฎหมายของกรมราชทัณฑ์เด็กติดผู้ต้องขังจะอาศัยอยู่กับแม่ได้จนกระทั่งอายุ 2 ขวบเท่านั้น เนื่องจากเกรงว่าเด็กจะเติบโตมาในสภาพแวดล้อมที่ไม่เหมาะกับวัยและมีผลต่อพัฒนาการ ซึ่งการสร้างโอกาสของลูกแม่นักโทษนั้นเป็นสิ่งที่จำเป็นและทุกภาคส่วนในสังคมไทยต้องช่วยกัน

ปัจจุบันมีมูลนิธิอย่าง “บ้านพระพร” ที่รับเลี้ยงดูเด็กจนกว่าแม่จะพ้นโทษ เนื่องในโอกาสวันแม่แห่งชาติมีโอกาสไปมูลนิธิบ้านพระพร ซึ่งตั้งอยู่ใจกลางชุมชนพระราม 9 ซึ่งตั้งขึ้นมา โดยมีเป้าหมายช่วยเหลือผู้พ้นโทษ เยาวชนต้องคดี และลูกผู้ต้องขังโดยเฉพาะ โดยไปพร้อมกับมิลเลนเนียม ออโต้ กรุ๊ป ซึ่งจัดกิจกรรมเพื่อสังคม “ดีต่อใจ By Millennium Auto” ครั้งที่ 3 ภายใต้แนวคิด Millennium Auto Big Love ความรักที่ยิ่งใหญ่จากมิลเลนเนียม ออโต้ จัดคาราวานบีเอ็มดับเบิลยู,มินิ และมอเตอร์ไซค์ บีเอ็มดีบเบิลยู มอเตอร์ราด นำสิ่งของไปบริจาค เลี้ยงอาหารกลางวัน และสนับสนุนให้ลูกผู้ต้องขังมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น ที่นั่นกลุ่มเด็กน้อยอยู่ในชุดไปรเวทสีสดใสมองดูแล้วไม่ต่างจากเด็กทั่วไป เขาและเธอมีรอยยิ้มต้อนรับ กระตือรือร้นที่จะพูดคุยกับผู้มาเยือน

สุนทร สุนทรธาราวงศ์ ประธานมูลนิธิบ้านพระพร กล่าวว่า เด็กทั้งหมดที่อยู่ในการดูแลของบ้านพระพรมีเกือบ 100 คน มีทั้งเด็กที่คลอดในเรือนจำและเด็กที่ผู้ปกครองกำลังถูกจำคุกโดยเฉพาะช่วง 2 ปีที่ไทยเผชิญโควิดระบาดรุนแรง บ้านพระพรรับเด็กอ่อนมาดูแล เดิมดูแลเด็กอายุ 1 ขวบขึ้นไป แต่โควิดเข้าในเรือนจำ แม่นักโทษออกมาคลอดลูกข้างนอกแล้ว ไม่สามารถอยู่กับลูกอ่อนได้ ทารกจะแยกไปไว้นอกเรือนจำ เด็กส่วนหนึ่งส่งมาที่บ้านพระพร เด็กๆ ในความดูแลของมูลนิธิจะได้รับการสนับสนุนด้านการศึกษาจนถึงชั้น ม.6 หลังจากนั้นจะสนับสนุนให้ศึกษาต่อตามความสมัครใจ รวมถึงมีโครงการฝึกวิชาชีพ

“  เด็กเหล่านี้แทบไม่เคยเห็นหน้าแม่ พวกเขาต้องการการสนับสนุนและต้องการกำลังใจ ต้องการบ้านที่จะดูแลเพื่อให้เติบโต มีชีวิตที่ดี อนาคตของเด็กมีความสำคัญ ถ้าเราให้การศึกษา ให้อาชีพ เขาและเติบโตเป็นคนที่มีคุณภาพของสังคม ” ประธานมูลนิธิบ้านพระพร กล่าว 

เด็กในบ้านพระพร หลังพ้นโทษจากเรือนจำแล้ว ผู้เป็นแม่จะต้องมารับลูกกลับไป แต่สุนทรบอกว่า ด้วยภาวะทางเศรษฐกิจที่ยังตกงานหรือไม่มีที่อยู่อาศัยเป็นหลักแหล่ง ทำให้ผู้เป็นแม่ส่วนหนึ่งยังไม่พร้อมจะเลี้ยงดูลูก

“ บางรายเราจะรับแม่มาอยู่ด้วย ดูแลไปพร้อมกัน จนสามารถกลับคืนสู่สังคมได้ แล้วยังมีกรณีแม่ตั้งครรภ์โดนคดียาเสพติด เราได้รับการประสานให้ไปรับทารกวัย 3 เดือนจากเรือนจำสตูล แม่เซ็นมอบสิทธิในตัวบุตรให้มูลนิธิอย่างเด็ดขาดไม่เอาลูกตัวเอง แล้วยังมีแม่ที่หายไปเลย เด็กหลายคนที่อยู่บ้านพระพรกลายเป็นกำพร้า ” สุนทร บอก

ขณะที่จำนวนเด็กที่บ้านพระพรต้องเลี้ยงดูมีมากขึ้นทุกวัน จำนวนเด็กที่ได้รับผลกระทบจากการที่พ่อแม่ต้องเข้าคุกก็เพิ่มขึ้นเช่นกัน แต่พี่เลี้ยงเด็กที่ทำหน้าที่เป็นแม่ของเด็กๆ อีกนับร้อยชีวิต คอยโอบอุ้มลูกแทนแม่นักโทษมีจำนวนแค่สิบกว่าคน 

อัมพร เย็นชื่น อดีตผู้ต้องขังหญิง หัวหน้าทีมงานบ้านแม่และเด็กบ้านพระพร กล่าวว่า เด็กๆ ที่ดูแลส่วนใหญ่เป็นลูกผู้ต้องขังตั้งแต่เด็กแรกเกิดถึงอายุ 12 ปี เด็กทารกถึงหนึ่งปี เราจะส่งเสริมพัฒนาการตามวัยและฉีดวัคซีน เมื่ออายุ 2 ขวบเข้าสู่การเรียนการสอนสำหรับอนุบาล มีครูพี่เลี้ยงสอน เด็กครบ 4 ขวบ มูลนิธิจะส่งเข้าระบบการศึกษาจนจบ ม. 6 เพื่อให้เด็กไม่เสียอนาคต บางรายสนับสนุนจนสำเร็จการศึกษาระดับมหาวิทยาลัย เด็กที่เลี้ยงที่สถานพยาบาลในเรือนจำ เมื่อมาอยู่บ้านพระพรที่ดูแลแบบครอบครัวบนกฎกติกาของบ้าน เด็กๆ มีความสุขมากขึ้น 

“ พี่เลี้ยงเด็กบ้านพระพรต้องดูแลเด็ก 24 ชั่วโมง เด็กเหล่านี้ไม่มีใคร เราไม่ได้เป็นแม่ผู้ให้กำเนิด แต่ทำหน้าที่เป็นแม่ของพวกเขา ป้อนนม ป้อนข้าว อาบน้ำ เข้านอน เด็กเติบโต พูดได้ พอเรียกเราว่า “แม่” มันสุดยอดแล้ว   เราทำเต็มที่เพื่อให้ความรัก ผลักดัน และสร้างโอกาสให้เด็กๆ ไม่เพียงการศึกษา ส่งเสริมด้านกีฬา ดนตรี เติมเต็มอนาคต เพราะตนเคยเป็นนักโทษ เมื่อพ้นโทษได้โอกาสมาอยู่กับลูกที่บ้านพระพร จนปัจจุบันลูกอายุ 12 ปีแล้ว “ อัมพร กล่าว

อัมพร อดีตนักโทษ บอกว่า เด็กๆ รู้ว่าพ่อแม่อยู่ในเรือนจำก่อนโควิดพาเด็กไปเยี่ยมทุกเดือน เราสอนพวกเขาด้วยความจริงว่า ผู้ใหญ่ทำผิดโดนจับ เด็กทำผิดก็โดนลงโทษ  เด็กๆ ในบ้านพระพรกว่า 80% แม่พ้นโทษมาแล้ว แต่ฝากเอาไว้ เพราะพ่อแม่ยังเริ่มต้นชีวิตใหม่ไม่ได้ บางรายมารับลูกกลับไปแล้ว นำกลับมาให้เราดูแลต่อ  เพราะอยากให้ลูกมีอนาคต 

ขณะเดียวกันในช่วงเวลาแห่งความรักอย่างวันแม่ อัมพรฝากคนที่เป็นแม่ ขอให้เป็นแม่ที่ดี ดูแลลูก เลี้ยงดูลูกให้เป็นคนดีของสังคม ส่วนลูกที่อยู่กับแม่ ขอให้ดูแลแม่ในตอนที่ยังมีโอกาส 

ในการสนับสนุนบ้านพระพรอุปการะลูกผู้ต้องขังนั้น  สามารถสนับสนุนเครื่องใช้ไฟฟ้า เช่น เครื่องซักผ้า เครื่องกรองน้ำ พัดลม  เตารีด  ตู้เย็น กระติกน้ำร้อน หม้อหุงข้าว คอมพิวเตอร์  ตลอดจนของใช้จำเป็นทุกอย่าง ไม่ว่าจะแพมเพิร์ส นมผง ครีมอาบน้ำเด็ก น้ำเกลือ อุปกรณ์ทำแผล เสื้อผ้าทารกและเด็กเล็ก  รวมถึงเครื่องปรุงประกอบอาหารน้ำตาล น้ำปลา น้ำมัน อาหารสดต่างๆ นอกจากนี้ สามารถสมทบทุนการศึกษา-ค่ารักษาพยาบาล อีกทั้งเปิดรับอาสาสมัครสอนดนตรี กีฬา ภาษา ให้ลูกผู้ต้องขัง สิ่งเหล่านี้เป็นการแบ่งปันรอยยิ้มสู่เด็กที่ขาดพ่อแม่ ทั้งนี้ บ้านพระพรเตรียมก่อสร้างอาคารหอพักหลังใหม่เพื่อเยาวชนและผู้พ้นโทษ

การพัฒนาคุณภาพชีวิตลูกผู้ต้องขังต้องขับเคลื่อนจากทุกภาคส่วน สำหรับภาคเอกชน ศรัณย์ อรรถเวทยวรวุฒิ ผู้อำนวยการฝ่ายขาย บ.มิลเลนเนียม ออโต้ กรุ๊ป จำกัด ได้เน้นย้ำความตั้งใจหลังทำกิจกรรมและเยี่ยมชมบ้านพระพรว่า โครงการ”ดีต่อใจ” ซึ่งมุ่งส่งเสริมคุณภาพชีวิตเด็กด้อยโอกาสจะจัดต่อเนื่องตลอดปี 62 ก่อนหน้านี้ จัดกิจกรรมร่วมกับมูลนิธิออทิสติกไทยพัฒนาศักยภาพให้กับเด็กออทิสติกโดยใช้ศิลปะ นำผลงานศิลปะจัดประมูล รายได้สนับสนุนมูลนิธิเดียวกัน 

“ เดือนสิงหาคมนี้ บริษัทจัดกิจกรรมที่บ้านพระพร ซึ่งอุปการะลูกผู้ต้องขัง จะช่วยเพิ่มโอกาสเพื่อการเปลี่ยนแปลงคุณภาพชีวิตของเด็กๆ ให้ดีขึ้น เด็กเหล่านี้พ่อแม่ไม่มีความสามารถที่จะดูแล นอกจากนี้ ตลอดเดือนสิงหาคม เราเชิญชวนลูกค้าร่วมสนับสนุนบ้านพระพร โดยทุกการส่งมอบรถบีเอ็มดับเบิลยู, มินิ และมอเตอร์ไซค์ บีเอ็มดีบเบิลยู มอเตอร์ราด ในเดือนนี้ เราจะบริจาคเงินให้กับมูลนิธิบ้านพระพรจำนวน 500 บาทต่อคัน โดยหวังว่าจะเติมเต็มคุณภาพชีวิตให้เด็กไทย ถ้าทุกๆ ภาคส่วนเห็นความสำคัญส่งเสริมการศึกษาเยาวชน ช่วยเหลือผู้ต้องขัง ผู้พ้นโทษ จะมีพลังพอเปลี่ยนแปลงสังคมให้ดีขึ้น “ ศรัณย์ กล่าวทิ้งท้าย