ศูนย์จีโนมฯ พร้อมถอดรหัสพันธุกรรมจับ 'ลางยา' ไวรัสตัวใหม่ในจีน

12 ส.ค. 2565 – ศูนย์จีโนมทางการแพทย์ โรงพยาบาลรามาธิบดี โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กว่า เตรียมพร้อมถอดรหัสพันธุกรรมเพื่อตรวจจับไวรัส “ลางยาเฮนิปาห์” (Langya henipavirus) หรือ “เลย์วี” (LayV) หลังพบผู้ติดเชื้อไวรัสนี้ในประเทศจีนแล้วกว่าสามสิบคน ด้วยเทคนิค “Metagenomic NGS หรือ mNGS”

นักวิทยาศาสตร์จากจีน สิงคโปร์ และออสเตรเลีย แถลงว่า ได้ตรวจพบไวรัส “ลางยาเฮนิปาห์” หรือ “เลย์วี” จากการสุ่มตรวจบรรดาผู้ที่มีอาการไข้ (febrile patients) ในภาคตะวันออกของจีน มีประวัติสัมผัสกับสัตว์ซึ่งผู้ป่วยส่วนใหญ่เป็นเกษตรกร โดยผู้ติดเชื้อจะมีอาการเหนื่อยล้า ไอ สูญเสียความอยากอาหาร และปวดศีรษะ นอกจากนี้ยังมีอาการผิดปกติของเซลล์เม็ดเลือด รวมถึงความเสียหายของตับและไต

ผู้เชี่ยวชาญพบว่าไวรัสชนิดนี้อยู่ตระกูลเดียวกับไวรัสอันตราย นิปาห์ (Nipah) ที่พบในอินเดีย ที่ทำให้มีผู้เสียชีวิตถึง 40% แต่กลุ่มผู้ป่วยที่พบติดเชื้อ “ไวรัสลางยาเฮนิปาห์” ยังไม่พบว่ามีอาการรุนแรง โดยผู้ป่วยมีอาการคล้ายหวัดคือมีไข้ ไอ อ่อนเพลีย ปวดกล้าม เม็ดเลือดขาวและเกล็ดเลือดลดลง ในผู้ป่วยบางรายประสิทธิภาพการทำงานของตับถูกทำลายมาถึง 30-50% คาดว่าต้นตอของการระบาดหรือรังโรคมาจากสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมขนาดเล็ก เช่น หนูผี เม่น และ ตุ่น

ทีมวิจัยได้ใช้เทคนิค “Metagenomic sequencing” หรือ “mNGS” ในการถอดรหัสพันธุกรรมจีโนมพบ “ไวรัสลางยาเฮนิปาห์”จากตัวอย่างสวอปจากลำคอของผู้ป่วยรายแรก(index case) เมื่อปี 2561 เป็นสตรีอายุ 53 ปี ที่เมือง “ลางยา” ในมณฑลซานตง

จีโนมของไวรัสลางยา มีขนาดเล็กว่าไวรัสโคนา 2019 และไวรัสฝีดาษลิงมาก

ไวรัสลางยา จีโนมมีขนาด 18,402 นิวคลีโอไทด์ หรือเบส ในขณะที่

ไวรัสโคโรนา 2019 จีโนมมีขนาด 30,000 นิวคลีโอไทด์ หรือเบส และ

ไวรัสฝีดาษลิงมีจีโนมขนาดใหญ่มากประมาณ 196,858 นิวคลีโอไทด์ หรือเบส

ศูนย์จีโนมทางการแพทย์ฯ ได้ถอดรหัสพันธุกรรมสิ่งส่งตรวจจากการสวอปผู้ป่วยที่มีอาการคล้ายกับการติดเชื้อแต่ตรวจไม่พบจุลชีพต้นเหตุ โดยอาศัยเทคนิค “Clinical metagenomic next generation sequencing” หรือเรียกย่อ “Metagenomic NGS (mNGS)” มาตั้งแต่ปี 2562 ที่เริ่มมีการระบาดของไวรัสโคโรนา 2019

“mNGS” เป็นเทคนิคการนำกรดนิวคลิอิกทั้งหมดจากสิ่งส่งตรวจไม่ว่าจะเป็น “ดีเอ็นเอหรืออาร์เอ็นเอ” ของไวรัสและจุลชีพต่างๆ มาสกัดจากนั้นนำไปถอดรหัสพันธุกรรม เพื่อให้ทราบว่ามีจุลชีพหรือไวรัสชนิดใดอยู่ในตัวอย่างส่งตรวจบ้างและในสัดส่วนเท่าใด โดยเปรียบเทียบกับฐานข้อมูลไวรัสและจุลชีพอ้างอิงประกอบการวิเคราะห์ “mNGS” เป็นแพลตฟอร์มใหม่ที่ทรงประสิทธิภาพสามารถระบุสายพันธุ์หลัก สายพันธุ์ย่อย ทั้งจุลชีพและไวรัส ได้อย่างรวดเร็วภายใน 48 ชั่วโมงทันต่อการป้องกันและรักษา

การใช้งานทางคลินิกมีหลากหลายเช่น การวินิจฉัยโรคติดเชื้อ การติดตามการระบาด การเฝ้าระวังการควบคุมการติดเชื้อ การกลายพันธุ์และการค้นพบเชื้อโรคใหม่ และอื่นๆ อีกมากมาย สำหรับตัวอย่างส่งตรวจ เช่น ไม้สวอปจากลำคอ และจมูก น้ำไขสันหลัง เลือด สารคัดหลั่งจากระบบทางเดินหายใจ ของเหลวในระบบทางเดินอาหาร และของเหลวจากตา เป็นต้น.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

'อุ๊งอิ๊งออนทัวร์' เตรียมบินไปจีนแก้ปัญหาแก๊งเทา ลัดฟ้าไปเปรู ประชุมเอเปค

นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี มีกำหนดเข้าร่

'น้องมิลค์-วรรรญา'ที่2บุคคลหญิง FAIโดรนเรซซิ่งชิงแชมป์โลก ประจำปี2567ที่จีน

“น้องมิลค์-วรรรญา วรรณผ่อง” สร้างชื่อเสียงให้ประเทศไทยอีกครั้ง คว้าอันดับ 2 ประเภทบุคคลหญิง เอฟเอไอโดรนเรสซิ่งชิงแชมป์โลก ประจำปี 2567 ที่สาธารณรัฐประชาชนจีน

อัปเดตเส้นทางดีเปรสชัน 'หยินซิ่ง' ทวีรุนแรงเป็น 'พายุโซนร้อน'

กรมอุตุนิยมวิทยา อัปเดตสถาการณ์พายุหมุนเขตร้อนในมหาสมุทรแปซิฟิกและทะเลจีนใต้ ล่าสุดเช้าวันนี้ : ในมหาสมุทรแปซิฟิกตะวันตก พายุดีเปรสชันได้ทวีกำลังแรงขึ้นเป็นพายุโซนร้อน "หยินซิ่ง (YINXING)" แล้ว

“รมว.นฤมล”หารือ เอกอัครราชทูตจีน กระชับความสัมพันธ์ด้านเกษตร ขยายตลาดส่งออก “ผลิตภัณฑ์จากผึ้ง” เพิ่มโอกาสการค้าภาคปศุสัตว์ไทย

ศ.ดร.นฤมล ภิญโญสินวัฒน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เปิดเผยว่า ตนพร้อมด้วย นายอิทธิ ศิริลัทธยากร รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ได้หารือร่วมกับ นายหาน จื้อเฉียง