17 ก.ค.2565 – นายเมธา มาสขาว เลขาธิการคณะกรรมการรณรงค์เพื่อประชาธิปไตย (ครป.) กล่าวภายหลังมีมติคณะรัฐมนตรี (ครม.) ให้ชาวต่างชาติสามารถถือครองที่ดินเพื่ออยู่อาศัยได้ ว่า เรื่องนี้รัฐบาลผลักดันมาตั้งแต่ต้นปีที่แล้วแต่โดนคัดค้าน จึงยังไม่ผ่านมติคณะรัฐมนตรี คิดจะมาทิ้งทวนปีนี้เพื่อทิ้งหายนะไว้ให้คนไทย เท่าที่ติดตามเมื่อวันที่ 12 ก.ค.65 มีการพิจารณา เรื่อง ร่างประกาศสำนักนายกรัฐมนตรีและกระทรวงมหาดไทย เรื่อง กำหนดจำนวนคนต่างด้าวซึ่งจะมีถิ่นที่อยู่ในราชอาณาจักร ประจำปี พ.ศ. …. แต่ยังไม่มีการนำเข้ารายละเอียดในเว็บไซด์ของสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีเพื่อให้ประชาชนทราบข้อมูลจนถึงวันนี้
นายเมธา กล่าวว่า โฆษกรัฐบาลแถลงว่า รัฐบาลต้องการให้ต่างชาติถือครองที่ดินเพื่อดึงดูดต่างชาติลงทุนให้ได้ 1 ล้านล้านบาท ซึ่งถือเป็นตลกร้ายสำหรับคนไทย ถ้าแลกกับให้ถือครองที่ดินคนละไม่เกิน 1 ไร่ เป้าหมายของรัฐบาล 5 ปีคือ 1 ล้านคน เท่ากับ 1 ล้านไร่ แล้วคนไทยจะไปอยู่ที่ไหน คนส่วนใหญ่พลัดที่นาคาที่อยู่ เช่าที่ดินทำการเกษตร เช่าห้องพักในเมืองใหญ่ ไม่มีที่ดินสักตารางวา แต่พล.อ.ประยุทธ์ มีนโยบายจะประเคนให้ต่างชาติถือครองกรรมสิทธิ์ได้ตลอดไป ประเทศไทยเหลื้อมล้ำอันดับ 1 ไม่พอ แต่นี่ถึงกับต้องขายชาติ ขายแผ่นดิน แลกกับเม็ดเงินลงทุนที่เป็นมายา
“รัฐบาลพล.อ.ประยุทธ์ เดินนโยบายผิดทางมาโดยตลอด และกำลังถอยหลังลงคลองท่ามกลางวิกฤตเศรษฐกิจและหายนะของชาติ คิดมาตรการสร้างแรงจูงใจเพิ่มเงินลงทุนในประเทศเพื่อบูสต์อัพเศรษฐกิจ แต่เงินที่สะพัดไม่ได้เข้ากระเป๋าประชาชนนะครับ คนจนจนลง เงินไปเข้ากระเป๋านักลงทุนเท่านั้น ถ้าปล่อยกลไกตลาดไปยึดครองทรัพยากรสาธารณะที่มนุษย์ไม่สามารถผลิตหรือสร้างสรรค์ขึ้นได้เองแบบนี้ เช่น ที่ดิน ทะเล ดิน น้ำ ป่า อากาศ พลังงาน ต่อไปทุนบรรษัทข้ามชาติที่มีกำลังซื้อมหาศาลกวาดต้อนทุกอย่างในเมืองไทยจนกลายเป็นเมืองขึ้นแน่นอน”
นายเมธา กล่าวต่อว่า กลุ่มทุนที่มั่งคั่งในต่างประเทศมีมหาศาล ทั้งในจีนและอเมริกา กำลังซื้อมหาศาลอยู่แล้ว นี่จะแก้กฎหมายหลายกระทรวงบูรณาการผลประโยชน์ประเคนให้ต่างชาติอีก บทเรียนที่ผ่านมาของรัฐบาลทั้งโครงการ EEC และ BOI คือความล้มเหลวที่หลงทิศผิดทาง มีการลงทุนใหม่ใน EEC น้อยมากแต่มีการเก็งกำไรที่ดินมหาศาล ผลกระทบชุมชนกว้างขวางยาวนาน ไปแก้ผังเมืองทำลายสิ่งแวดล้อมจนย่อยยับไปหมดแล้ว
“ประชาชนคนไทยตื่นได้แล้ว นายกรัฐมนตรีมาผิดทางคิดว่าเดินไปข้างหน้าแต่เดินสวนทางประชาชน ถอยหลังลงเหว ไปติดกับดักรายได้ปานกลาง โดยไม่ดูโครงสร้างเศรษฐกิจ ที่สุดท้ายรายได้ทั้งหมดไปกระจุกตัวกับกลุ่มผู้มั่งคั่ง แล้วจะเอาตัวเลขมาหารเฉลี่ยกับคนจนที่มีรายได้ต่ำกว่าเส้นยากจนอีกนับ 10 ล้านคนได้อย่างไร เขามีรายได้ไม่ถึง 3 พันบาทต่อเดือน แต่จะไปมโนรวมรายได้เจ้าสัวแล้วถือเฉลี่ยว่าคนไทยมีรายได้หมื่นกว่าบาทต่อคนไม่ได้ ถ้าไม่แก้โครงสร้างการกระจายรายได้ทางเศรษฐกิจไม่ให้มีช่องว่างกว้างขนาดนี้”
นายเมธา กล่าวว่าการพัฒนาและนโยบายของรัฐบาลที่ผ่านมา ทำให้ที่ดินหลุดลอยไปจากคนจนมากเท่าไหร่แล้ว เกิดการกระจุกตัวและเกร็งกำไรมหาศาล สถาบันการเงินการธนาคาร การเกษตรและสหกรณ์เคยเข้าไปแก้ไขอย่างเป็นรูปธรรมไหม เคยนับอาชญากรรมที่เกิดจากความยากจนไหมว่ามีมากเท่าไหร่ เคยสอบถามนักโทษในเรือนจำไหมว่าติดคุกคดีอะไรบ้าง การแก้ปัญหาบ้านเมืองไทยต้องไปสอบถามนักโทษทั่วประเทศ แก้ที่สาเหตุและโครงสร้าง ไม่ใช่ไล่จับกุมคนเห็นต่างจนล้นเรือนจำ
“ขอถาม พล.อ.ประยุทธ์ ถ้าให้ต่างชาติถือครองที่ดินคนละ 1 ไร่ จำนวน 1 ล้านคน 1 ล้านไร่ตามเป้าหมาย แล้วคนไทยจะไปอยู่ไหน มีประชาชนไทยที่ไม่มีที่ดินอยู่อาศัย ต้องเช่าเขาอยู่กี่ล้านคน ไม่รู้นายกฯ มีข้อมูลไหม และที่ผ่านมาขอให้เปิดเผยว่า มีชาวต่างชาติได้กรรมสิทธิ์ในที่ดินกี่แสนไร่แล้วในประเทศไทยผ่านโครงการ EEC และ BOI เดิม นี่คือนโยบายสิ้นคิดของพล.อ.ประยุทธ์ ที่จนปัญหาจนต้องขายชาติ ขายแผ่นดิน อย่างแท้จริง” นายเมธา กล่าว.
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
'นพดล' ฟังทางนี้! 'หมอวรงค์' จับโป๊ะ คำชี้แจง 'MOU 44'
นพ.วรงค์ เดชกิจวิกรม ประธานพรรคไทยภักดี โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กในหัวข้อ "ถึงนพดล ปัทมะ" โดยระบุว่า คำพูดของนายนพดล ปัทมะ ที่ชี้แจงพันธมิตรฯ เรื่อง MOU 44
สั่ง สคบ. คุมเข้มกระเช้าปีใหม่ 'ตรงปก-สินค้าครบ-ราคาชัด'
'จิราพร' สั่ง สคบ. คุมเข้มกระเช้าของขวัญปีใหม่ ต้องตรงปกสินค้าครบราคาชัด ตัดตอนผู้ประกอบการเอาเปรียบผู้บริโภค
'นายกฯอิ๊งค์' มอบคำขวัญวันเด็ก ปี 68 'ทุกโอกาสคือการเรียนรู้'
'นายกฯอิ๊งค์' มอบคำขวัญวันเด็กประจำปี 68 ‘ทุกโอกาสคือการเรียนรู้ พร้อมปรับตัวสู่อนาคตที่เลือกเอง‘ ยันรัฐบาลเห็นคุณค่าเด็กทุกคน มีสิทธิ์ทำให้ประเทศนี้น่าอยู่