'บิ๊กป้อม' สั่งเร่งศึกษายก 'สทนช.' ขึ้นเป็นกระทรวงน้ำ!

รัฐเล็งตั้งกระทรวงน้ำเร่งยกระดับการบริหารจัดการน้ำภาพรวม แบบก้าวกระโดด รับการเผชิญวิกฤตและความมั่นคงน้ำที่ยั่งยืน

23 มิ.ย.2565 - พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการกำหนดนโยบายขับเคลื่อนการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำของประเทศ ครั้งที่ 2 / 65 ผ่านสื่ออิเล็กทรอนิกส์ ณ ห้องประชุมมูลนิธิอนุรักษ์ป่ารอยต่อฯ โดยที่ประชุมร่วมพิจารณาให้ความเห็นและข้อเสนอแนะ ต่อผลการศึกษาโครงการวิจัยการศึกษานวัตกรรมเชิงระบบ โครงสร้างและกลไกการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำของประเทศ โดย สำนักงานสภานโยบายการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรมแห่งชาติ (สอวช.) ร่วมจัดทำกับสถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศไทย (ทีดีอาร์ไอ) โดยสรุปภาพรวม แนวโน้มบริบทของน้ำในอนาคต มีความต้องการน้ำสูง ปริมาณมีความแปรปรวนสูงจากปัญหาสภาพอากาศ การใช้น้ำมีผลิตภาพต่ำ ใช้น้ำสิ้นเปลืองและน้ำต้นทุนไม่เพียงพอต่อความต้องการใช้น้ำ ปัญหาการบริหารจัดการน้ำยังขาดเอกภาพและการบูรณาการที่เชื่อมโยงอย่างเป็นระบบ ทั้งอำนาจหน้าที่ แผนงาน โครงการและงบประมาณ มีหน่วยงานรับผิดชอบด้านน้ำมากเกินไป

ทั้งนี้ หน่วยงานรัฐ ยังเน้นแก้ปัญหาด้วยการลงทุนก่อสร้าง และไม่ให้ความสำคัญกับการจัดการด้านความต้องการ พร้อมเสนอ การออกแบบ Roadmap การพัฒนานวัตกรรมเชิงระบบ เพื่อการบริหารจัดการน้ำ ที่ประชุมจึงเห็นชอบหลักการ ในการเสริมสร้างความเข้มแข็งให้กับสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (สทนช.) ให้สามารถขับเคลื่อนภารกิจ เพื่อนำไปสู่การพัฒนา เป็นการจัดตั้งกระทรวงในอนาคตต่อไป โดยขยายบทบาทให้ครอบคลุมทั้งมิติอุปสงค์และอุปทาน

พล.อ.ประวิตร ย้ำว่า การบริหารจัดการน้ำ เกี่ยวข้องกับหน่วยงานมากกว่า 38 หน่วยงาน และกฎหมายหลายฉบับ มีปัญหาด้านต่างๆที่ยังไม่สามารถแก้ไขได้ จึงต้องอาศัยความร่วมมือ วิเคราะห์แนวทางแก้ปัญหาแบบก้าวกระโดด เพื่อเร่งให้เกิดความยั่งยืนด้านการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำของประเทศโดยเร็ว ทั้งนี้ รัฐบาลมีความจำเป็นยิ่ง ที่จะต้องยกระดับการบริหารจัดการน้ำให้มีความสำคัญ โดยนำไปสู่การจัดตั้งหน่วยงานระดับกระทรวง เพื่อเผชิญกับวิกฤตและความมั่นคงด้านน้ำในอนาคตอันใกล้นี้

รองนายกฯ ยังได้กำชับ ขอให้ สทนช. ร่วมกับกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) ทีดีอาร์ไอ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เร่งยกร่างพิมพ์เขียวการปรับปรุงกลไกล การบริหารจัดการน้ำของประเทศ เพื่อแก้ปัญหาเชิงโครงสร้าง กฎหมายและงบประมาณ พร้อมทั้ง ยกร่างพระราชบัญญัติปรับปรุงกระทรวง ทบวง กรมให้แล้วเสร็จภายใน 30 วัน และขอให้นำข้อเสนอแนะเชิงนโยบายต่อปัญหาและจุดอ่อน เพื่อพัฒนาเพิ่มศักยภาพ บุคลากร หน่วยงาน และเทคโนโลยีของ สทนช. ให้มีความเข้มแข็ง โดยเฉพาะ คณะกรรมการลุ่มน้ำ 22 ลุ่ม และคณะอนุกรรมการจังหวัด จำเป็นต้องเร่งดำเนินการคู่ขนานในช่วงเปลี่ยนผ่าน ทั้งนี้ ขอให้เน้นความสำคัญ ข้อมูลและนวัตกรรม รวมทั้งความต้องการประชาชน เป็นส่วนหนึ่งของเป้าหมายแผนงานไปพร้อมกัน

 

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

'ตรีนุช' สยบข่าวถอนตัวแคนดิเดตนายกฯ พปชร.ลั่นยังไม่ไปไหน!

'ตรีนุช' สยบข่าวถอนตัวแคนดิเดตนายกฯ 'พปชร.ยันยังไม่ไปไหน ชี้ข่าวลือ 'ลุงป้อม' วางมือให้รอฟังจากปาก ลั่นไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น พปชร.ต้องมูฟออน แย้มบ่ายนี้ชัดเจนทุกเรื่อง

‘เท้ง’พลาดซ้ำ รีบผลัก‘ภท.’ พา‘พรรคส้ม'ผูกมัดตัวเอง

ไม่ว่าจะคิดมาดีแล้ว หรือไม่ทันระวัง การรีบประกาศว่า หากพรรคภูมิใจไทยเป็นรัฐบาล พรรคประชาชนจะไปเป็นฝ่ายค้านของ ‘เท้ง’ นายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ หัวหน้าพรรคประชาชน ถือเป็นเรื่องที่นักเลือกตั้งซึ่งมีประสบการณ์ทางการเมืองสูงไม่เลือกจะทำ

จบข่าว! บวรศักดิ์บอกชัดเลือกคำถามของ ครม.คำถามเดียว

'บวรศักดิ์' เผย ครม.เตรียมเคาะคำถามประชามติของ ครม.เพียงคำถามเดียว เหตุไม่ขัดคำวินิจฉัยศาล รธน.-กม. เผยกฤษฎีกา-สลค. เห็นด้วย บอกหากเลือกคำถามของ ภท.ตั้งแต่แรกก็ไร้ปัญหา

'บวรศักดิ์' นำทีมถก 'กกต.' ขอใช้งบ 'คนละครึ่งเฟส 2' ปัดหาเสียงล่วงหน้า

'บวรศักดิ์' นำทีมหารือ 'กกต.' ขอใช้งบประมาณโครงการคนละครึ่งเฟส 2 - ครม.สัญจร ยันเป็นไปตามนโยบายที่แถลงไม่ใช่หาเสียงล่วงหน้า เตรียมพิจารณาคำถามประชามติอังคารนี้