นายกฯ สั่งช่วยแรงงานถูกรุมทำร้ายเจ็บสาหัสในเกาหลี กลับมารักษาตัวที่ไทยแล้ว

18 มิ.ย.2565 - นายสุชาติ ชมกลิ่น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน เปิดเผยถึงกรณีญาติของแรงงานไทยที่ได้รับบาดเจ็บถูกทำร้ายร่างกายบริเวณศีรษะในเกาหลีใต้ ได้ร้องขอความช่วยเหลือให้หน่วยงานรัฐส่งกลับมารักษาตัวที่ประเทศไทย เนื่องจากค่ารักษาพยาบาลในเกาหลีใต้มีค่าใช้จ่ายสูง ซึ่งตนเองได้รับการประสานกับ ส.ส.นิยม เวชกามา ส.ส.จังหวัดสกลนคร เขต 2

เบื้องต้นกระทรวงแรงงานได้ตรวจสอบฐานข้อมูลกรมการจัดหางาน พบว่า แรงงานไทยรายดังกล่าวทราบชื่อคือ นายกฤษฎา ศรีอาจ อายุ 25 ปี มีภูมิลำเนาอยู่บ้านเลขที่ 71 ม.1 ต.บ้านโพน อ.โพนนาแก้ว จ.สกลนคร ได้เดินทางไปทำงานประเทศเกาหลีใต้แบบถูกกฎหมาย โดยกรมการจัดหางานจัดส่งเมื่อเดือนพฤศจิกายน 2559 และเป็นสมาชิกกองทุนเพื่อช่วยเหลือคนหางานไปทำงานในต่างประเทศ

ต่อมาเมื่อวันที่ 1 พฤษภาคม 2565 ถูกเพื่อนร่วมงานทำร้ายร่างกายบริเวณศีรษะ มีอาการปวดหัวอย่างรุนแรงและล้มบ่อย แพทย์วินิจฉัยว่ามีเลือดออกในเยื่อหุ้มสมองชั้นนอกและทำการรักษาด้วยการผ่าตัดเปิดกะโหลกศีรษะ อาการปัจจุบันยังไม่ได้สติและไม่สามารถช่วยเหลือตนเองได้ ต้องใช้เครื่องช่วยหายใจ

นายสุชาติ กล่าวต่อว่า ท่านนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ท่าน พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีที่กำกับดูแลกระทรวงแรงงาน ได้มีความห่วงใยกรณีดังกล่าว จึงได้ให้กระทรวงแรงงานเร่งประสานความช่วยเหลือและติดตามสิทธิประโยชน์ตามกฎหมายโดยด่วน ซึ่งนายบุญชอบ สุทธมนัสวงษ์ ปลัดกระทรวงแรงงาน ได้มอบหมายให้นางบุปผา พันธุ์เพ็ง รองปลัดกระทรวงแรงงาน เป็นหัวหน้าคณะ เดินทางพร้อมเจ้าหน้าที่สำนักประสานความร่วมมือระหว่างประเทศ ไปยังสนามบินสุวรรณภูมิ โดยมีเจ้าหน้าที่ด่านตรวจคนหางานสุวรรณภูมิ ฝ่ายการแพทย์ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิคอยอำนวยความสะดวกในการรับนายกฤษฎา ที่ได้เดินทางมาเมื่อวันที่ 17 มิถุนายน 2565 ด้วยสายการบินโคเรียนแอร์ เที่ยวบินที่ KE 651 ออกเดินทางจากท่าอากาศยานนานาชาติอินชอน เวลา 19.50 น. ถึงสนามบินสุวรรณภูมิ เวลา 23.20 น.ตามเวลาในประเทศไทย โดยมี นางพนาวรรณ อินธิแสง ซึ่งเป็นน้า เดินทางมารับด้วย

นายสุชาติ ยังกล่าวถึงความคืบหน้าการช่วยเหลือแรงงานไทยรายดังกล่าวว่า สำนักประสานความร่วมมือระหว่างประเทศ สำนักงานปลัดกระทรวงแรงงานได้ประสานกระทรวงสาธารณสุข ขอความอนุเคราะห์รถพยาบาลพร้อมเจ้าหน้าที่รับส่งนายกฤษฎา จากสนามบินไปยังโรงพยาบาลบางพลี จ.สมุทรปราการ เพื่อเข้ารับการรักษาโดยไม่มีค่าใช้จ่าย ก่อนกลับภูมิลำเนาจังหวัดสกลนคร ส่วนของค่าใช้จ่ายค่ารักษาพยาบาลที่เกาหลีใต้ จำนวน 2,250,000 บาท นั้น ทางสถานเอกอัครราชทูตและโรงพยาบาลที่เกาหลีใต้กำลังประสานขอรับเงินช่วยเหลือจากกระทรวงสาธารณสุขของเกาหลีใต้ ทางด้านค่าใช้จ่ายในการส่งผู้ป่วยกลับไทย จำนวน 360,000 บาท นั้น ขณะนี้ญาติได้ชำระหมดแล้ว โดยได้รับเงินบริจาคจากเพื่อนคนงานที่เกาหลีใต้ จำนวน 100,000 บาท ส่วนสิทธิประโยชน์ที่แรงงานไทยจะได้รับมีเงินประกันการเดินทางกลับและเงินประกันการทำงานครบสัญญาจ้าง จำนวน 151,000 บาท และสิทธิประโยชน์จากการเป็นสมาชิกกองทุนเพื่อช่วยเหลือคนหางานไปทำงานในต่างประเทศ 30,000 บาท

“ท่านนายกรัฐมนตรีห่วงใยมาก และกำชับให้กระทรวงแรงงานเร่งประสานความช่วยเหลือและติดตามสิทธิประโยชน์ตามกฎหมายโดยด่วน เพื่อให้ได้เดินทางกลับมาพักรักษาตัวกับครอบครัว กรณีนี้ถือเป็นตัวอย่างของแรงงานไทยที่เดินทางไปทำงานอย่างถูกต้องตามกฎหมาย และได้สมัครเป็นสมาชิกกองทุนเพื่อช่วยเหลือคนหางานไปทำงานในต่างประเทศ หากประสบเหตุไม่คาดคิดในต่างประเทศ เงินสงเคราะห์ในส่วนนี้จะเป็นประโยชน์มากในการดูแลคุ้มครองสิทธิประโยชน์และบรรเทาความเดือดร้อนในเบื้องต้นได้” นายสุชาติ กล่าวในท้ายสุด

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ดร.ณัฏฐ์-นักกม.มหาชน ชี้ 'กฎอัยการศึก' สส.ไทยไม่สามารถยกเลิกได้ แตกต่างจากเกาหลีใต้

“ดร.ณัฏฐ์” มือกฎหมายมหาชน เผย กฎอัยการศึกสถานะเป็นพระราชบัญญัติ การยกเลิกในประเทศเกาหลีใต้กระทำโดยมติสภา แตกต่างจากประเทศไทย สส.ตัวแทนประชาชน ไม่สามารถยับยั้งยกเลิกได้ 

อดีตบิ๊กข่าวกรองยก 'เกาหลีใต้โมเดล' หากไม่อยากมีรัฐประหาร การเมืองต้องสะอาด!

นายนันทิวัฒน์ สามารถอดีตรองผู้อำนวยการสำนักข่าวกรองแห่งชาติ โพสต์เฟซบุ๊ก เรื่อง ”เกาหลีใต้โมเดล“ ระบุว่าค่ำคืนที่ผ่านมาเกาหลีใต้ประกาศใช้กฏอัยการศึก เหตุผลที่ประธานาธิบดีชี้แจงคือ

'รังสิมันต์' สบช่องโหนแดนกิมจิบอกไทยถ้าประกาศกฎอัยการศึกควรขอสภาก่อน!

'โรม' บอกเรื่องเกาหลีใต้ประกาศกฎอัยการศึก เป็นเรื่องภายในประเทศ มองเทียบไทยถ้าประกาศควรขอความเห็นสภา ชี้หลักการสำคัญทั่วโลก ทหารต้องอยู่ใต้พลเรือน

​'เอกนัฏ' ​ไม่กล้าคอมเมนต์ปม​เกาหลีใต้

'เอกนัฏ'​ ไม่ขอลงความเห็นปม​เกาหลีใต้ ประกาศกฎอัยการศึก​ หวั่นกระทบความสัมพันธ์​ระหว่าง​ประเทศ​ บอก​ คิดอย่างเดียวทำอย่างไรให้เป็นโอกาสของประเทศไทยมากกว่า