นายกฯ ห่วงเด็กช่วงปิดเทอมใหญ่ เกิดอุบัติเหตุจมน้ำ ขอผู้ปกครองดูแลบุตรหลานใกล้ชิด เน้นการป้องกัน ฝึกว่ายน้ำให้เด็กมีพื้นฐานช่วยเหลือตัวเอง แนะสวมเสื้อชูชีพ-ห่วงยางเพื่อความปลอดภัย
21 เม.ย.2565 - ที่ทำเนียบรัฐบาล นายธนกร วังบุญคงชนะ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม รับทราบข้อมูลการเฝ้าระวังของกรมควบคุมโรค ระบบรายงานผู้บาดเจ็บหรือเสียชีวิตจากการตกน้ำ จมน้ำ ระหว่างวันที่ 1 มกราคม - 30 มีนาคม 2565 พบเหตุการณ์เด็กอายุต่ำกว่า 15 ปี จมน้ำรวมทั้งหมด 64 เหตุการณ์ เสียชีวิต 57 ราย บาดเจ็บ 13 ราย แหล่งน้ำที่เกิดเหตุการณ์มากที่สุด ได้แก่ คลอง แม่น้ำ แหล่งน้ำที่ใช้ในเกษตรกรรม ทะเล และสระว่ายน้ำ ตามลำดับ ลักษณะเหตุการณ์ที่พบบ่อยได้แก่ เด็กลงเล่นน้ำโดยไม่แจ้งผู้ปกครองหรือไม่มีผู้ปกครองดูแลใกล้ชิดตลอดเวลา อุบัติเหตุพลัดตกแหล่งน้ำที่ไม่มีขอบกั้น และเล่นน้ำในบริเวณที่มีคลื่นลมแรง ซึ่งนายกรัฐมนตรีมีความห่วงใยในชีวิตของเด็กทุกคน โดยเฉพาะเด็กที่อยู่ในพื้นที่ต่างจังหวัด เนื่องจากขณะนี้เป็นช่วงปิดเทอมใหญ่ที่เด็ก ๆ อาศัยอยู่ที่บ้านเป็นหลัก ประกอบกับสภาพอากาศร้อน เด็กอาจชวนกันไปเล่นน้ำตามแหล่งน้ำธรรมชาติ แหล่งน้ำที่ใช้ในการเกษตร หรือบ่อน้ำชุมชน จึงอาจมีความเสี่ยงเหตุการณ์เด็กได้รับบาดเจ็บจากอุบัติเหตุตกน้ำหรือจมน้ำ ในกลุ่มเด็กอายุน้อยกว่า 15 ปี มากขึ้นได้ พร้อมเตือนให้ผู้ปกครองระวังดูแลบุตรหลานอย่างใกล้ชิด
โฆษกประจำสำนักนายกฯ กล่าวอีกว่า นายกรัฐมนตรีไม่ต้องการเห็นภาพการเสียชีวิตจากการจมน้ำในช่วงปิดเทอมใหญ่ โดยได้กำชับให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น เทศบาล อบต. ที่มีแหล่งน้ำธรรมชาติอยู่ในพื้นที่ของตนเอง ต้องพยายามควบคุมพื้นที่เสี่ยง รวมทั้งบุคลากรสาธารณสุขในพื้นที่ต้องร่วมกับชุมชนสำรวจแหล่งน้ำเสี่ยง จัดการแหล่งน้ำให้ปลอดภัย เช่น การสร้างรั้วกั้น ป้ายเตือน เตรียมอุปกรณ์ช่วยคนตกน้ำไว้บริเวณแหล่งน้ำเสี่ยง และให้ความรู้เรื่องแหล่งน้ำเสี่ยง การป้องกัน และการปฏิบัติตัวเมื่อพบคนตกน้ำ หรือจมน้ำให้กับประชาชน รวมถึงเน้นย้ำโรงเรียนให้ความรู้เรื่องดังกล่าวกับนักเรียนอย่างต่อเนื่องตามบริบทพื้นที่ ให้ทุกพื้นที่ทั่วประเทศร่วมมือกันลดปัญหาเด็กจมน้ำเสียชีวิตในช่วงปิดเทอมให้เป็นศูนย์ ลดความสูญเสียให้ได้ เพราะเด็ก ๆ คือบุตรหลานของเราทุกคน
“นายกรัฐมนตรีห่วงใยในช่วงฤดูร้อนนี้ที่เด็กกับน้ำมักเป็นของคู่กัน พร้อมย้ำว่าการป้องกันเหตุการณ์เด็กจมน้ำต้องอาศัยความร่วมมือจากทุกภาคส่วน ผู้ปกครองควรดูแลความปลอดภัยเด็กอย่างใกล้ชิด ช่วยกันตรวจตรา คอยให้คำชี้แนะ เตือนบุตรหลานของตัวเองอยู่เสมอ เน้นย้ำไม่ให้เด็กไปเล่นน้ำตามลำพัง ไม่ไปตรงบริเวณห้ามเล่นน้ำ เช่น แหล่งน้ำลึก มีคลื่นลมแรง เป็นต้น รวมทั้งขอให้ผู้ปกครองเห็นความสำคัญในเรื่องการว่ายน้ำ ให้เด็กมีพื้นฐานการเอาตัวรอดขณะตกน้ำ หากผู้ปกครองสามารถที่จะให้บุตรหลานฝึกว่ายน้ำ ร่วมกับการขอความช่วยเหลือ สวมอุปกรณ์ป้องกันก่อนลงเล่นน้ำ เช่น เสื้อชูชีพหรือห่วงยาง ก็จะเป็นตัวช่วยอย่างดีหากเกิดเหตุการณ์จมน้ำขึ้น สิ่งสำคัญที่สุดคือต้องเน้นเรื่องการป้องกัน ให้ความรู้เด็ก ให้ช่วยเหลือตัวเองได้ขณะเกิดเหตุ” นายธนกรกล่าว
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
ขนลุก! 'อุ๊งอิ๊ง' ลั่นกลางที่ประชุมครม.! ถ้าหาต้นเหตุตึกสตง.ถล่มไม่ได้ ประเทศไทยจะอยู่ยาก
ที่ทำเนียบรัฐบาล นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ในการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) น.ส.แพทองธาร ชินวัตร
เปิดภาพ 'ลุงตู่' ทำบุญไหว้พระ 'วัดมหาธาตุวชิรมงคล' จ.กระบี่
เพจเฟซบุ๊ก "วัดมหาธาตุวชิรมงคล" ซึ่งเป็นวัดที่มีชื่อเสียงโด่งดังของ อ.อ่าวลึก จ.กระบี่ นำภาพของ “ลุงตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา องคมนตรี อดีตนายกรัฐมนตรี มาโพสต์ลงบนเพจ
สนุกดี 'อิ๊งค์' ชอบซักฟอกวันแรก ตลกพ่อมอนิเตอร์ตลอด ส่งข้อความหาเพียบ ลั่น!ไม่กลัวฝ่ายค้าน ชั้น 14 ให้ 'ทวีไอพี'ตอบ
ที่อาคารรัฐสภา น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เดินทางถึงสภาเพื่อเข้าร่วมประชุมญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจ วันที่2 พร้อมให้สัมภาษ
'ปชน.' ซัดเพื่อไทยทรยศประชาชน ผ่านมา 2 ปี ยังไม่ทำอะไร 'บิ๊กตู่' ปมเหมืองทองอัครา
นายอิทธิพล ชลธราศิริ สส.ขอนแก่น พรรคประชาชน อภิปรายถึงเหมืองทองอัครา ที่สมัยพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นนายกฯ สส.พรรคเพื่อไทย ทั้งนายสุทิน คลังแสง สส.บัญชีรายชื่อ นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว สส.น่าน และน.ส.จิราพร สินธุไพร
ระวัง! หน้าร้อน เสี่ยงป่วยฮีทสโตรก
รัฐบาล แนะ หน้าร้อนต้องระวัง ทำประชาชนป่วยฮีทสโตรก ขอเลี่ยงกิจกรรมกลางแดด เตือน นักดื่มเสี่ยงป่วยฮีทสโตรก อันตรายถึงชีวิต เผยปี 67 คนไทยเสียชีวิตเพราะอากาศ จำนวน 63 ราย
ซูเปอร์โพลเผยผู้ปกครองห่วงบุหรี่ไฟฟ้าระบาดกลุ่มเด็กและเยาวชน
ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.นพดล กรรณิกา ผู้อำนวยสำนักวิจัย ซูเปอร์โพล เสนอผลสำรวจเรื่อง ความกังวลของผู้ปกครองต่อบุหรี่ไฟฟ้าในกลุ่มเด็กและเยาวชน กรณีศึกษาตัวอย่างประชาชนทุกสาขาอาชีพทั่วประเทศ ดำเนินโครงการทั้งการวิจัยเชิงปริมาณ (Quantitative Research) และการวิจัยเชิงคุณภาพ