เปิดโพล 'สสช.' ประชาชนพอใจภาพรวมรัฐบาลระดับมาก 33.9% ปลื้ม 'คนละครึ่ง' สูงสุด

"ดีอีเอสโพล" เผยผลสำรวจความคิดเห็นประชาชน พอใจภาพรวมการดำเนินงานของรัฐบาลอยู่ในระดับมาก-มากที่สุดร้อยละ 33.9 พึงพอใจระดับปานกลางร้อยละ 40.9 พึงพอใจในระดับน้อย-น้อยที่สุดร้อยละ 18.9 พึงพอใจโครงการคนละครึ่งมากที่สุดร้อยละ 66.9

29 มี.ค.2565 - น.ส.ไตรศุลี ไตรสรณกุล รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรีกล่าวว่า คณะรัฐมนตรี(ครม.)รับทราบผลการสำรวจความคิดเห็นของประชาชนต่อการบริหารงานของรัฐบาล พ.ศ.2565 (ครบ 2 ปี 6 เดือน) และการปรับเปลี่ยนการใช้ชีวิตวิถีใหม่(New Normal Life) ปี 2565 โดยสำนักงานสถิติแห่งชาติ(สสช.) ได้สัมภาษณ์สมาชิกในครัวเรือนที่มีอายุตั้งแต่ 18 ปีขึ้นไปทั่วประเทศจำนวน 6,970 คน ระหว่างวันที่ 5-18 มกราคม 2565 โดยพบว่าในประเด็นเรื่องการติดตามข้อมูลข่าวสารของรัฐบาล ประชาชนร้อยละ 83.7 ติดตามข้อมูลข่าวสารของรัฐบาล ร้อยละ 16.3 ไม่ติดตาม เหตุผลคือ ไม่สนใจ ไม่มีเวลาว่าง และอื่นๆ เช่น ไม่ชอบ โดยติดตามทางโทรทัศน์มากที่สุดร้อยละ 71.8 รองลงมาคือ สื่อสังคมออนไลน์ เช่น เฟซบุ๊ก ไลน์ ทวิตเตอร์ และยูทูบ ร้อยละ 55.5 ทั้งนี้ผู้ที่มีอายุน้อยได้ติดตามจากสื่อสังคมออนไลน์สูงกว่าผู้มีอายุมาก และผู้มีการศึกษาสูงได้ติดตามจากสื่อสังคมออนไลน์สูงกว่าผู้มีการศึกษาต่ำกว่า

สำหรับความพึงพอใจในภาพรวมต่อการดำเนินงานของรัฐบาล พบว่า ประชาชนมีความพึงพอใจอยู่ในระดับมาก-มากที่สุดร้อยละ 33.9 พึงพอใจระดับปานกลางร้อยละ 40.9 พึงพอใจในระดับน้อย-น้อยที่สุดร้อยละ 18.9 และไม่พึงพอใจเลยร้อยละ 6.3 โดยภาคใต้และภาคใต้ชายแดนมีความพึงพอใจในระดับมาก-มากที่สุดสูงกว่าภาคอื่นคือร้อยละ 57.9 และร้อยละ 54.5 ตามลำดับ ขณะที่ภาคอื่นมีประมาณร้อยละ 26-35

ส่วนความพึงพอใจต่อนโยบายของรัฐบาลนั้น นโยบายที่ประชาชนมีความพึงพอใจมาก-มากที่สุด 5 อันดับแรก ได้แก่ โครงการคนละครึ่งร้อยละ 66.9 ,โครงการบัตรสวัสดิการแห่งรัฐร้อยละ 63.6, โครงการเราชนะ ร้อยละ 62.9, มาตรการเยียวยาแรงงานในระบบและนอกระบบร้อยละ 48.2 และโครงการประกันรายได้เกษตรกรร้อยละ 32.4 ขณะที่มาตรการเยียวยา หรือโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจที่มีประโยชน์ต่อประชาชน 5 อันดับแรก ได้แก่ โครงการคนละครึ่งร้อยละ 81.5,โครงการบัตรสวัสดิการแห่งรัฐร้อยละ 70,โครงการเราชนะร้อยละ 62.2,มาตรการลดค่าน้ำ ค่าไฟร้อยละ 57.2 และ โครงการ ม.33 เรารักกันร้อยละ 32.1 โดยประชาชนในเกือบทุกกลุ่มอาชีพระบุว่า โครงการคนละครึ่งมีประโยชน์ต่อคนในประเทศมากที่สุด

น.ส.ไตรศุลีกล่าวว่า ในประเด็นเรื่องความเชื่อมั่นต่อรัฐบาลในการแก้ไขปัญหาต่างๆของประเทศ พบว่า ประชาชนเชื่อมั่นในระดับมาก-มากที่สุดร้อยละ 30.4 เชื่อมั่นระดับปานกลางร้อยละ 39.7 เชื่อมั่นในระดับน้อย-น้อยที่สุดร้อยละ 21.3 และไม่เชื่อมั่นเลยร้อยละ 8.6 โดยภาคใต้และภาคใต้ชายแดนมีความเชื่อมั่นในระดับมาก-มากที่สุดในสัดส่วนที่สูงกว่าภาคอื่นคือร้อยละ 52.8 และร้อยละ 52.2 ตามลำดับ ขณะที่ภาคอื่นมีประมาณร้อยละ 21-31 และประชาชนได้มีข้อเสนอแนะต่อการบริหารงานของรัฐบาล 5 อันดับแรก ได้แก่ การแก้ไขปัญหาค่าครองชีพสูงร้อยละ 17.6 ,การช่วยเหลือเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด 19 ให้ครอบคลุมทุกกลุ่มร้อยละ 10.6, การแก้ไขปัญหาโดยคำนึงถึงประชาชนเป็นหลัก รวดเร็ว ตรงจุด และโปร่งใส ร้อยละ 9 ,การควบคุมการแพร่ระบาดของโควิด 19 ร้อยละ 5.9 และการแก้ไขปัญหาด้านการเกษตร ร้อยละ 4.9

ขณะที่การปรับเปลี่ยนการใช้ชีวิตวิถีใหม่(New Normal Life) ปี 2565 ผลสำรวจพบว่า ประชาชนร้อยละ 97.7 มีความกังวลต่อสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ร้อยละ 2.3 ไม่มีความกังวล ส่วนการปรับเปลี่ยนการใช้วิถีชีวิตเป็นแบบ New Normal Life 3 อันดับแรกได้แก่ จัดเตรียมอุปกรณ์ก่อนออกจากบ้าน เช่นหน้ากากอนามัย ร้อยละ 90.4 หลีกเลี่ยงการไปอยู่ในสถานที่แออัด การอยู่รวมกันเป็นกลุ่มหรืองานเลี้ยงสังสรรค์ร้อยละ 64.1 และออกนอกบ้านเท่าที่จำเป็นร้อยละ 60.5 สำหรับการใช้สื่อสังคมออนไลน์และแอปพลิเคชัน ประชาชนใช้แอปพลิเคชันเกี่ยวกับติดต่อการสื่อสารและการรับข้อมูลมากที่สุดร้อยละ 81.5 เช่น ไลน์ วอตส์แอปป์ เฟซบุ๊ก ทวิตเตอร์ และอินสตาแกรม รองลงมาแอปพลิเคชันเกี่ยวกับทางการเงินร้อยละ 70.7 และแอปพลิเคชันเกี่ยวกับความบันเทิงร้อยละ 69.7

น.ส.ไตรศุลีกล่าวว่า ความสุขของประชาชนในภาพรวมพบว่า ประชาชนมีความสุขในภาพรวมในระดับมาก-มากที่สุดร้อยละ 53.1 มีความสุขระดับปานกลางร้อยละ 37.3 มีความสุขในระดับน้อย-น้อยที่สุดร้อยละ 8.9 และไม่มีความสุขเลยร้อยละ 0.7 โดยภาคใต้และภาคใต้ชายแดนมีความสุขในภาพรวมอยู่ในระดับมาก-มากที่สุดสูงกว่าภาคอื่น(ร้อยละ 68.5) ส่วนแผนการปรับตัวรับมือหากสถานการณ์การระบาดของโควิด 19 มีความรุนแรงอีกครั้ง ประชาชนมีแผนการรับมือโดยปรับเปลี่ยนวิถีการดำเนินชีวิต เช่น ใส่หน้ากากอนามัยทุกครั้งที่ออกจากบ้านร้อยละ 87.3 ประหยัดและใช้จ่ายน้อยลงร้อยละ 82.2 และแก้ไขปัญหาด้านเศรษฐกิจโดยการนำเงินออมออกมาใช้จ่าย ร้อยละ 25.7 สำหรับนโยบายการให้ประชาชนแสดงหลักฐานการได้รับวัคซีนป้องกันโควิด 19 หรือผลการตรวจโควิด 19 เพื่อเข้าสถานที่ต่างๆ มีประชาชนเห็นด้วยร้อยละ 85.1 และไม่เห็นด้วยร้อยละ 14.9

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

'ทวี' ยังไม่ชงชื่อผู้เข้าเกณฑ์ได้รับพระราชทานอภัยโทษเข้าครม. ระบุเป็นเรื่องของพระราชอำนาจ

ที่ทำเนียบรัฐบาล พ.ต.อ. ทวี สอดส่อง รมว.ยุติธรรม ให้สัมภาษณ์ก่อนประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ถึงการเสนอรายชื่อผู้ที่เข้าห

‘อนุทิน’ สั่ง กทม.เร่งสอบที่มาป้ายโฆษณาขายพาสปอร์ตและสัญชาติ ย่านห้วยขวาง

นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.มหาดไทย ได้ทราบถึงกรณีที่สื่อสังคมออนไลน์ได้เปิดเผยและวิพากษ์วิจารณ์ในวงกว้างถึงกรณีมีการติดตั้งป้ายโฆษณาภาษาจีน

เฉลิมพระเกียรติ ‘ในหลวง‘ ทส.-มท. ลุยแหล่งน้ำบาดาลขนาดใหญ่แก้ภัยแล้ง

‘เกณิกา’ เผย ‘ทส.-มท.’ จับมือเดินหน้าสานต่อ โครงการแหล่งน้ำบาดาลขนาดใหญ่แก้ปัญหาภัยแล้งอันเนื่องมาจากพระราชดำริ 72 แห่งเฉลิมพระเกียรติ ในหลวง ครบ 6 รอบ 72 พรรษา

รัฐบาลชวนปชช. จอง-แลกเหรียญเฉลิมพระเกียรติ 'ในหลวง' เริ่ม 24 ก.ค.

รัฐบาลเชิญชวนประชาชน จอง-แลกเหรียญกษาปณ์ที่ระลึก เหรียญที่ระลึก และเหรียญเฉลิมพระเกียรติ 'ในหลวง' เนื่องในโอกาสพระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 6 รอบ ตั้งแต่ 24 ก.ค.นี้

'เศรษฐา' อย่าสับสน! โพลวัดผลงาน ไม่ใช่เรตติ้งนายกฯ

นายเทพไท เสนพงศ์ อดีต สส.นครศรีธรรมราช พรรคประชาธิปัตย์ โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กว่า อย่าสับสน !!! ระหว่างผลงาน กับการเลือกนายกฯ คนต่อไป

เทวฤทธิ์ -กลุ่มสว.พันธุ์ใหม่ เสรีนิยมก้าวหน้า ปฏิรูปสภาสูง

สมาชิกวุฒิสภา(สว.)ชุดปัจจุบัน 200 คน จะประชุมร่วมกันนัดแรกในวันอังคารนี้ 23 ก.ค. โดยมีระเบียบวาระสำคัญที่จะให้สว.ทั้งหมดร่วมกันประชุมลงมติ นั่นก็คือ