'รพ.สต.' บุกทำเนียบฯกดดัน 'บิ๊กตู่' เร่งถ่ายโอน รพ.สต. 3,384 แห่งให้ อบจ. ในปีงบฯ 66

รพ.สต. บุกทำเนียบฯ กดดัน 'บิ๊กตู่' เร่งถ่ายโอน รพ.สต. 3,384 แห่ง ให้อบจ. ในปีงบฯ 66 ยัน จะทำให้การบริการประชาชนดีกว่าเดิม ลั่นพรรคการเมืองใดดูแลเพื่อให้เราไปดูแลประชาชนได้พร้อมที่จะสนับสนุน

25 มี.ค.2565 - ที่ศูนย์รับเรื่องราวร้องทุกข์ของทำเนียบรัฐบาล นายสมศักดิ์ จึงตระกูล ประธานชมรมผู้อำนวยการโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล หรือ รพ.สต. (ประเทศไทย ) พร้อมด้วย สมาชิก รพ. สต จังหวัดต่างๆ ยื่นหนังสือถึงพลเอกประยุทธ์จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เพื่อขอให้พิจารณาทบทวน มติคณะรัฐมนตรี วันที่ 15 มีนาคม 2565 ที่ได้เห็นชอบกรอบวงเงินปีงบประมาณ 2566 เพื่ออุดหนุน ให้แก่รพ. สต ถ่ายโอน จำนวน 3,384 แห่ง บุคลากรสมัครใจ 22,265 คน

โดยชมรมเห็นว่า รายละเอียดกรอบวงเงิน ที่สำนักงบประมาณเสนอครม.นั้น ไม่เป็นไปตามพระราชบัญญัติ กำหนดแผนและขั้นตอน การกระจายอำนาจ ให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น พ. ศ. 2542 และไม่เป็นไปตาม ประกาศคณะกรรมการ กระจายอำนาจ ให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ในเรื่องหลักเกณฑ์ และขั้นตอน การถ่ายโอนภารกิจสถานีอนามัย เฉลิมพระเกียรติ 60 พรรษา นวมินทราชินี และโรงพยาบาล ส่งเสริมสุขภาพตำบล ให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น และ ประกาศราชกิจจานุเบกษา เมื่อวันที่19 ตุลาคม 2564 ซึ่งไม่เป็นไปตามมติ คณะอนุกรรมการ บริหารภารกิจถ่ายโอน ด้านสาธารณสุข ให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ที่เห็นชอบให้มีการถ่ายโอนภารกิจดังกล่าวให้แก่อบจ. 49 แห่ง ในปีงบประมาณ 2566 ซึ่งสำนักงบประมาณ เสนอครม เห็นชอบตามกรอบวงเงินงบประมาณ ให้มีการถ่ายโอนเพียง 512 แห่ง ทำให้เกิดข้อขัดข้องทางกฎหมาย และไม่เป็นไปตามหลักการกระจายอำนาจ ขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น


ดังนั้น จึงขอเร่งรัดให้มีการถ่ายโอนรพ.สต. ให้ครบทั้งหมด ตามที่เคยเป็นมติคณะอนุกรรมการบริหารภารกิจถ่ายโอนด้านสาธารณสุขให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นภายในปีงบประมาณ 2566 โดยมี นาย ธีรภัทร ประยูรสิทธิ ปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีเป็นผู้รับมอบหนังสือ


ขณะที่นายสมศักดิ์ ระบุว่า การถ่ายโอนรพ. สต ให้อบจ. พวกเราเชื่อมั่นว่า จะทำให้การบริการประชาชนดีกว่าเดิมเพราะเราจะได้รับงบประมาณและคนอย่างเต็มที่ และเมื่อไปอยู่ภายใต้อบจ.สายการบังคับบัญชาจะสั้นลง และจะตอบสนองการแก้ไขปัญหาได้รวดเร็ว และวันนี้เรามีรพ.สต.ทั้งประเทศประมาณ 10,000 แห่ง แต่ละแห่งมีบุคลากร 5 คนและยังมี อสม.ดูแลประชาชนทั่วประเทศอยู่ประมาณ 1.04 ล้านคน แต่ละคนดูแลประชาชน 15 ครัวเรือน แต่ละหลังเฉลี่ย 3 คน เราถือว่ามีคนในเครือข่ายเยอะมากสามารถตั้งพรรคการเมืองได้เลย หากพรรคการเมืองใดดูแลเราเพื่อให้เราไปดูแลประชาชน เราก็พร้อมที่จะสนับสนุน และหากพลเอกประยุทธ์ ผลักดันในเรื่องนี้ เราก็พร้อมที่จะสนับสนุนพลเอกประยุทธ์ต่อ แต่ขอให้สนับสนุนเราจริงๆ


ทั้งนี้หากรัฐบาลชุดปัจจุบัน ไม่สามารถตอบสนองได้ แสดงว่าไม่ตอบสนองประโยชน์ประชาชนอย่างแท้จริง เราจะเอาประชาชนเป็นตัวตั้งในการดูแลสุขภาพ และหากรัฐบาลไม่ตอบสนองก็จะแสดงปฏิกิริยาอย่างใดอย่างหนึ่งออกมา

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

3 องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ยื่นหนังสือ เลขาธิการพรรคภูมิใจไทย แก้ไขปัญหาในส่วนของท้องถิ่น 4 เรื่อง

วันที่ 12 พ.ย.2567 ที่พรรคภูมิใจไทย คณะกรรมการบริหารพรรค นำโดยนายไชยชนก ชิดชอบ เลขาธิการพรรค, นายสิริพงศ์ อังคสกุลเกียรติ รองหัวหน้าพรรค, นายเจเศรษฐ์ ไทยเศรษฐ์ รองเลขาธิการพรรค, นางสาวพิมพฤดา ตันจรารักษ์ รองเลขาธิการพรรค, นายกรวีร์

นครพนม ตกผลึก จัดงานประเพณีไหลเรือไฟ 67 ยิ่งใหญ่ 11 วัน 11 คืน

นครพนม-ตกผลึก ! งานประเพณีไหลเรือไฟ 67 ยิ่งใหญ่ 11 วัน 11 คืน ลุ้นเลขสลากกาชาด คว้ารถยนต์ 2 คัน แข่งเรือชิงจ้าวลำน้ำโขง กินข้าวพาแลงแยงเรือไฟ

เมืองโอ่งคึกคัก ใช้สิทธิ์เลือกตั้ง นายกอบจ.ราชบุรี ‘ปธ.กกต.’ ลงตรวจใกล้ชิด

ประธาน กกต.ลงสังเกตการณ์หน่วยเลือกตั้ง นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดราชบุรี เพื่อให้เป็นไปด้วยความเรียบร้อยและถูกต้องตามระเบียบคณะกรรมการการเลือกตั้ง

'หมอชูชัย' ชงยุทธศาสตร์แก้ PM2.5 หนุน HIA สร้างความเข้มแข็งชุมชนท้องถิ่น ภาคธุรกิจร่วมรับผิดชอบ

'หมอชูชัย' ชี้ปัญหาหมอกควันและฝุ่น PM 2.5 เป็นปัญหามลพิษทางอากาศที่สำคัญ เกิดขึ้นต่อเนื่องมาเป็นประจำทุกปี ยังไม่ได้รับการแก้ไขอย่างจริงจัง เสนอยุทธศาสตร์สนับสนุน HIA สร้างความเข้มแข็งอบจ.และชุมชนท้องถิ่นทั่วประเทศ เรียกร้องภาคธุรกิจมีความรับผิดชอบพัฒนาอย่างยั่งยืน

'นักวิชาการสิ่งแวดล้อม' แฉ โรงงานสีเทาผิดกฎหมายจำนวนมาก ตั้งอยู่ในพื้นที่ของท้องถิ่น

ดร.สนธิ คชวัฒน์ ผู้ทรงคุณวุฒิด้านสิ่งแวดล้อมและสุขภาพ ชมรมนักวิชาการด้านสิ่งแวดล้อมไทย โพสต์เฟซบุ๊กว่า

องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น บ่มเพาะสร้างสังคมแห่งการเรียนรู้

ปี 2564-2565 เป็นปีที่ท้าทายสำหรับเด็ก เยาวชน และครอบครัว เพราะต้องเผชิญกับวิกฤติ 3 ด้าน สถานการณ์โรคระบาดโควิด-19 ความเหลื่อมล้ำและการพัฒนาสังคมกับการเมือง