'ไทยสร้างไทย' เจาะเป้าหมายรากหญ้า ลุยสร้างอาชีพแก้วิกฤตเศรษฐกิจ

“ไทยสร้างไทย” เดินหน้าดูแลคนตัวเล็ก คิกออฟ โครงการสร้างงานสร้างอาชีพ แจกชุดทดลองขายลูกชิ้น สร้างพ่อค้าแม่ขายหน้าใหม่ 4,000 ชุด

20 มี.ค.2565 – คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ ประธานพรรคไทยสร้างไทย นายเจตน์บัญชา อำรุงจิตชัย รองโฆษกพรรคไทยสร้างไทย นายฐาพล ณ น่าน และนายธวัชชวิน โกพัฒน์ตา ทีมไทยสร้างไทยจังหวัดสมุทรปราการ แถลงข่าวโครงการสร้างงานสร้างอาชีพ กิจกรรมเพื่อคนตัวเล็กโดยพรรคไทยสร้างไทย ร่วมกับ ลูกชิ้นจัง ซึ่งได้เล็งเห็นถึงวิกฤตทางเศรษฐกิจ ความเดือดร้อนของพี่น้องประชาชน โดยเฉพาะปัญหาการว่างงาน การขาดรายได้ และภาระหนี้สินที่เพิ่มพูนขึ้น จากผลกระทบอันสืบเนื่องมาจากสถานการณ์โควิด-19 ผลกระทบจากวิกฤตทางเศรษฐกิจ ผลกระทบ จากราคาสินค้าอุปโภคบริโภค ของกินของใช้ ราคาน้ำมัน ราคาไฟฟ้า ราคาปุ๋ย ซึ่งถือเป็นต้นทุนการผลิตที่สำคัญ พุ่งสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง

พรรคไทยสร้างไทย จึงจัดกิจกรรม โครงการไทยสร้างไทยสร้างอาชีพ เพื่อดูแลพี่น้องคนตัวเล็ก ด้วยการแจกชุดสร้างอาชีพ สามารถสร้างเงินทุนได้ทันทีกว่า 3,000 บาท ถือเป็นการสร้างงานสร้างอาชีพและสร้างรายได้ ให้กับพี่น้องประชาชน ซึ่งทีมไทยสร้างไทยจะลงพื้นที่ หาบุคคลที่เหมาะสมกับการสร้างอาชีพ และทำการแจกคูปอง และเมื่อได้คูปองชุดทดลองขายสร้างงานสร้างอาชีพแล้ว ทีมไทยสร้างไทยในแต่ละพื้นที่ จะติดต่อกลับผู้ได้รับสิทธิ์ จากนั้น”ลูกชิ้นจัง”จะนำส่งสินค้าชุดทดลองขาย มูลค่าเกือบ 2,000 บาท และสามารถนำไปต่อยอด สร้างรายได้สร้างผลกำไรต่อไปได้

สำหรับชุดทดลองขายที่จะมอบให้นั้น ประกอบด้วยไส้กรอกแดง ลูกชิ้นกรอบกลม ลูกชิ้นกรอบแหลม น้ำจิ้ม ขวดน้ำจิ้ม ไม้เสียบลูกชิ้น ถุงหูหิ้ว ผ้ากันเปื้อน ป้ายไวนิล ป้ายเมนูหน้าร้าน และหากในอนาคตท่านใดสนใจ และมองว่าโครงการดังกล่าวจะเป็นลู่ทางสำคัญในการต่อยอดสร้างรายได้สร้างอาชีพต่อไปได้นั้น ก็สามารถเข้าร่วมแฟรนไชส์ เพื่อต่อยอดการประกอบอาชีพต่อไปได้ กิจกรรมดีๆเพื่อคนตัวเล็กนั้น เป็นการร่วมมือกันนะระหว่าง ลูกชิ้นจัง ร่วมกับอาสาไทยสร้างไทย มุ่งหวังดูแลพี่น้องประชาชนคนตัวเล็ก พลิกวิกฤตสร้างอาชีพ เป็นพ่อค้าลูกชิ้นหน้าใหม่ โดยจะเริ่มต้น แจกชุดทดลองขาย เพื่อต่อยอดการประกอบอาชีพ 4,000 รายทั่วประเทศ บุคคลที่สนใจสามารถ ติดต่อทีมไทยสร้างไทยในแต่ละเขตจังหวัด เพื่อขอรับสิทธิ์ ชุดสร้างอาชีพ ซึ่งจะสามารถสร้างเงินทุนได้ทันทีกว่า 3,000 บาท โดยไม่เสียค่าใช้จ่าย.