นายกฯ ถกคืบหน้า 'ไทย-ซาอุ' ร่วมลงทุนโรงกลั่นปิโตรเคมี รถไฟฟ้า คาดเป็นรูปธรรมภายใน มี.ค.นี้

นายกฯ ถกรับทราบความคืบหน้าแผนการลงทุนของไทย พร้อมหารือราคาพลังงาน ให้ทุกหน่วยงานร่วมพิจารณาเสนอแนวทางที่เหมาะสม เกิดผลกระทบปชช.น้อยที่สุด

11 มีนาคม 2565 - เวลา 13.30 น. ที่ห้องสีเขียว ตึกไทยคู่ฟ้า ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ได้เป็นประธานการประชุมคณะที่ปรึกษา เพื่อหารือเกี่ยวกับแผนการลงทุนกลุ่มอุตสาหกรรมอนาคต (S-curve) โดย นายธนกร วังบุญคงชนะ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรีเปิดเผยผลการประชุมว่า นายกรัฐมนตรีได้รับทราบการดำเนินการเพื่อสนับสนุนการลงทุนโครงการอุตสาหกรรมอนาคต (S-curve) ในด้านต่าง ๆ ทั้งอุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้า (Electric Vehicle: EV) ซึ่งมีพัฒนาการในการดำเนินการที่ดี มีความก้าวหน้า และได้รับเสียงตอบรับที่ดีจากนักลงทุน คาดว่าจะเห็นผลเป็นรูปธรรมในเร็ววันนี้ การพัฒนารูปแบบการรับวีซ่าแบบ Long-Term Resident เพื่ออำนวยความสะดวก และปรับรูปแบบให้สอดคล้องกับความต้องการ ปัญหา อุปสรรค สำหรับทั้งชาวไทย และชาวต่างประเทศที่ประสงค์พักในประเทศไทยระยะยาว อุตสาหกรรมดิจิทัล อุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์ และอุตสาหกรรมยา เป็นต้น

นายธนกร กล่าวว่า รวมทั้ง ที่ประชุมได้รายงานนายกรัฐมนตรีเพื่อทราบความคืบหน้าการดำเนินการเกี่ยวกับการหารือเพื่อเปิดการค้าการลงทุนระหว่างไทย-ซาอุดีอาระเบีย ในด้านสำคัญ ๆ อาทิ แนวทางเพื่อการลงทุนร่วมกันด้านอุตสาหกรรมโรงกลั่นและปิโตรเคมี (Downstream partnership) การลงทุนด้านรถไฟฟ้า ( EV Hub) การลงทุนเกี่ยวกับเชื้อเพลิงชีวภาพและชีวเคมี รวมทั้งการลงทุนสมัยใหม่อุตสาหกรรมวิดีโอเกมส์ อุตสาหกรรมบันเทิง เป็นต้น ซึ่งคาดว่าความร่วมมือระหว่างกันจะมีความคืบหน้าเป็นรูปธรรมภายในเดือนมีนาคมนี้

นายธนกร กล่าวว่า ในที่ประชุม นายกรัฐมนตรีได้ให้แนวทางในการทำงานแก่ที่ประชุมว่าให้ทำงานเชิงรุก ก้าวทันต่อการเปลี่ยนแปลงและสถานการณ์ รวมทั้งต้องทำงานแบบก้าวหน้าและยั่งยืน รวมทั้งพิจารณาโอกาสทางเศรษฐกิจอย่างรอบคอบ ซึ่งในส่วนของสถานการณ์การค้าการลงทุนที่มีแนวโน้มที่ดีนั้น ขอให้คิดคำนึงให้รอบด้าน ปรับแนวทางการทำงานให้เหมาะสมสอดคล้อง รองรับกับสถานการณ์ เพื่อประโยชน์สูงสุดของประเทศไทย

นายธนกร กล่าวว่า นายกรัฐมนตรียังได้หารือด้านราคาพลังงานที่สูงขึ้นจากสถานการณ์โลกด้วย โดยให้ทุกหน่วยงานร่วมพิจารณาเสนอแนวทางที่เหมาะสม เกิดผลกระทบน้อยที่สุด เพื่อประชาชนทุกคน