'วันนอร์' ยืดหยุ่น! ชี้ทำงานต้องถอยคนละก้าว อย่าไปยึดเอาแต่ความถูกใจตัวเอง

วันนอร์ฯชี้ 5 ปีพรรคประชาชาติเติบโตไม่ใช่พรรคเฉพาะกิจ ยันรักษาสัจจะจึงไม่ล่มจม แจงถูกเชิญร่วมรัฐบาลตั้งแต่แรก เชื่อต้องถอยคนละก้าวถึงเดินหน้าได้ และเกิดความปรองดอง

26 ส.ค.2566 - นายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานสภาผู้แทนราษฎรและประธานรัฐสภา ได้เดินทางไปร่วมประชุมใหญ่สามัญประจำปีพรรคประชาชาติครั้งที่ 2/2566 ที่หอประชุมใหญ่มหาวิทยาลัยราชภัฏยะลา อำเภอเมือง จังหวัดยะลา ในฐานะสมาชิกพรรคประชาชาติ และอดีตหัวหน้าพรรค

โดยนายวันมูหะมัดนอร์ มะทา กล่าวปาฐกถาพิเศษว่าเป็นที่ประจักษ์ชัดว่า วันที่ 1 กันยายนนี้จะครบ 5 ปีของการก่อตั้งพรรคประชาชาติ ซึ่งผมและพวกเราทั้งหลายได้ร่วมกันจัดตั้งพรรคประชาชาติขึ้น 5 ปีถือว่ายังไม่นานนัก ถ้าเปรียบเทียบกับเด็กก็เพิ่งพ้นชั้นอนุบาล แต่ด้วยความเมตตาของพระผู้เป็นเจ้า และพี่น้องประชาชนไทยทั่วประเทศ เพียง 5 ปีเราได้เติบโตทางสมอง ที่คิดต่อสู้กับปัญหาอุปสรรค ทางด้านจิตใจที่เต็มไปด้วยความรับผิดชอบ มีเมตตาธรรม อยู่ในหลักการของคำสั่งสอนทุกศาสนา ที่ผ่านมามีบททดสอบมากมาย หลายคนบอกว่าประชาชาติเป็นพรรคเฉพาะกิจ ตั้งพรรคแล้วก็เลิกไป เพราะไม่ได้รับการสนับสนุนจากประชาชนเท่าที่ควร แต่เราพิสูจน์แล้วว่าเราไม่ใช่พรรคเฉพาะกิจแน่นอน เพราะมีสมาชิกพรรคเพิ่มขึ้นเป็น 24,000 คน และอาจจะเพิ่มเป็น 100,000 คนในอนาคต นี่คือสิ่งยืนยันว่าเราไม่ใช่พรรคเฉพาะกิจ พรรคประชาชาติเติบโตขึ้น แม้จะมีบางพรรคการเมืองจะรั้งความเติบโต พยายามไม่ให้ชนะเลือกตั้ง แต่ด้วยความเมตตาของพระผู้เป็นเจ้า การเลือกตั้งครั้งที่ผ่านมาเขาไม่สามารถทำให้พรรคล่มจมได้ พระผู้เป็นเจ้ายังเมตตาเพราะเรารักษาอามานะห์ (สัจจะ) ตั้งแต่วินาทีแรกของการตัังพรรคจนถึงปัจจุบัน”

ก่อนหน้านี้มีประเด็นข่าวว่าพรรคประชาชาติอาจถูกยุบพรรค ประเด็น กกต.ตัดสิทธิ์ผู้สมัครเลือกตั้งในจังหวัดสงขลา 2 เขต และจังหวัดสตูล 2 เขตนายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ยืนยันไม่มีปัญหาใดๆกระทบต่อหัวหน้าพรรคและพรรคการเมือง โดยชี้แจงว่า “ศาลฎีกาตัดสินว่าผู้แทนประจำจังหวัดทั้ง 4 เขต หมดวาระการดำรงตำแหน่ง ซึ่งเราได้แจ้ง กกต.ไปแล้วว่าเมื่อยังไม่มีการเลือกตั้งใหม่ก็ให้รักษาการไปก่อน แต่อย่างไรก็ตามก็ต้องเคารพคำตัดสินของศาล ส่งผู้สมัครเลือกตั้งที่ไม่มีสิทธิ์ลงสมัครจะมีผลกระทบต่อหัวหน้าพรรค ขอยืนยันว่า ไม่มีผลกระทบแต่อย่างใด คำตัดสินของศาลฎีกาถึงที่สุด ผู้แทนประจำจังหวัดหมดวาระไม่สามารถส่งผู้สมัครได้ เท่ากับว่าผู้สมัครเลือกตั้งสี่คนนั้นถูกตัดออก จึงไม่มีผลกระทบต่อหัวหน้าพรรคและพรรคการเมือง ซึ่งไม่มีข้อกังวลใดๆ และได้ชี้แจงแล้ว รวมทั้งผู้สมัครที่ถูกตัดสิทธิ์ก็ยังสามารถดำรงตำแหน่งกรรมการบริหารพรรคได้”

นายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ย้ำว่า การทำหน้าที่ประธานสภาผู้แทนราษฎรนั้นมีความสำคัญ เพราะเป็นหนึ่งในประมุขของอำนาจอธิปไตยของประเทศ คือนายกรัฐมนตรีเป็นประมุขฝ่ายบริหาร ประธานรัฐสภาเป็นประมุขฝ่ายนิติบัญญัติ ประธานศาลฎีกาเป็นประมุขฝ่ายตุลาการ สามอำนาจนี้คือเสาหลักของประชาธิปไตย พรรคเล็กอย่างเราก็ไม่คิดไม่ฝันว่าจะได้มาเป็นประธานรัฐสภา ผมเคยเป็นประธานสภาผู้แทนราษฎรครั้งแรกเมื่อปี 2539 เมื่อ 27 ปีที่แล้ว นึกไม่ถึงว่าจะได้มาเป็นประธานสภาผู้แทนราษฎรอีกครั้ง นี่คือตักดีร (สิ่งที่พระเจ้าลิขิตไว้) เป็นความโปรดปรานของพระผู้เป็นเจ้าผมก็น้อมรับไว้เพื่อบ้านเมืองและพี่น้องประชาชนจำเป็นต้องทำ เพราะเป็นตำแหน่งสำคัญ ถ้าไม่มีประธานรัฐสภาก็เลือกนายกรัฐมนตรีไม่ได้ เมื่อรับตำแหน่งนี้แล้วผมต้องทำงานหนักกว่าเดิมเพื่อพี่น้องประชาชน เกียรติยศ และศักดิ์ศรีของพวกเราทุกคน”

พร้อมย้ำว่า ในฐานะประมุขฝ่ายนิติบัญญัติ ถ้าประชาชนเดือดร้อนเราไม่สามารถจะบอกได้ว่าเป็นเรื่องของฝ่ายใด ความเดือดร้อนของประชาชนต้องไม่มีฝ่ายใดที่จะไม่รับฟัง เพราะฉะนั้นถึงแม้ผมจะเป็นประมุขฝ่ายนิติบัญญัติ มีเหตุระเบิดที่มูโน๊ะ ผมและสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรก็พร้อมที่จะลงพื้นที่ และไปดูแลความเดือดร้อนเหล่านี้ พี่น้องประชาชนจะต้องได้รับการดูแลไม่เฉพาะแค่ฝ่ายบริหารเท่านั้น เราฝ่ายนิติบัญญัติก็ต้องดูแลท่าน เพราะท่านเดือดร้อน ท่านเสียชีวิตและทรัพย์สิน เราต้องไม่ทอดทิ้งกัน

“ที่สำคัญอีกประการหนึ่ง คือเราได้พูดหาเสียงว่าเราต้องได้เป็นรัฐบาล เรามี สส. 9 คน ทันทีที่มีการจัดตั้งรัฐบาล เราเป็นพรรคแรกๆที่มีการเชิญจากแกนนำจัดตั้งรัฐบาลให้เข้าร่วมรัฐบาล เรามี สส.ไม่มาก จำนวนรัฐมนตรีก็มีไม่มาก แต่เราได้มาถึงบันไดขั้นแรกแล้ว และเราต้องก้าวขึ้นบันไดต่อไปข้างหน้า แน่นอนว่าการก้าวไปข้างหน้าต้องมั่นคง และบางอย่างฝ่ายตรงข้ามอาจจะไม่ชอบ ทำไมต้องไปร่วมรัฐบาลกับพรรคนู้นพรรคนี้ ขอเรียนว่าการทำงานนั้นต้องรู้จักถอยไปคนละก้าว ถึงจะก้าวไปข้างหน้าอย่างมั่นคง จะชอบหรือไม่ชอบ แต่ต้องมีรัฐบาลและต้องเป็นรัฐบาลเพื่อแก้ไขปัญหาความเดือดร้อน ถ้าเรายืนหยัดไม่ถอยเลย โอกาสที่จะมาแก้ไขปัญหาประชาชนก็ไม่มีเหมือนเดิม สิ่งหล่านี้ผมไม่ได้มาพูดเพื่อแก้ตัว แต่จะให้เข้าใจบทบาทหน้าที่ที่จะต้องทำ และความปรองดองของประเทศ ตรงกับหลักศาสนาว่าอะไรที่เป็นการปรองดองก็ควรทำ เราจะจับมือใครโดยไม่ยื่นมือไปก็ไม่ได้ เว้นแต่เราจะเป็นพรรคแกนนำจัดตั้งรัฐบาล เราจะทำอะไรได้มากกว่านี้ และเราก็มีตัวแทนไปร่วมคณะรัฐมนตรี ในรอบ 5 ปีพรรคประชาชาติเรามีตัวแทนในสภาผู้แทนราษฎรเป็นประมุขฝ่ายนิติบัญญัติ และมีตัวแทนไปนั่งเป็นคณะรัฐมนตรี และยังทีอีกหลายคนไปนั่งเป็นคณะทำงาน”

นายวันมูหะมัดนอร์ มะทา กล่าวอีกว่า เป็นประธานรัฐสภาไม่สามารถทำให้ทุกคนชอบเราได้ เหมือนกับเป็นกรรมการแข่งกีฬา คนที่สมหวังก็ชื่นชอบกรรมการ คนที่ผิดหวังก็ตำหนิกรรมการว่าไม่ดี แต่เขาไม่พูดว่าเขาอ่อนซ้อม ผมตระหนักดีและมีกำลังใจเต็มเปี่ยม พร้อมสู้กับอุปสรรคเต็มที่ ไม่มีวันท้อถอย ไม่ใช่เพื่อตนเองแต่เพื่อประชาชนและพระผู้เป็นเจ้า ถ้าเราทำไม่ดี ไม่ใช่ว่ากลัวถูกเขาฟ้อง แต่กลัวว่าจะตอบพระผู้เป็นเจ้าอย่างไร ว่าทำไมตอนเป็นประธานสภาไม่วางตัวเป็นกลาง เราต้องรับโทษ ซึ่งโทษในโลกนี้เราแก้ได้ แต่โทษในวันแห่งการพิพากษาของพระเจ้าเราแก้ไม่ได้ ขอยืนยันว่าในฐานะประธานจะทำหน้าที่อย่างเป็นกลางที่สุด เพื่อประโยชน์ของบ้านเมือง เพื่อประโยชน์สุขของประชาชนทุกๆคน

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

บิ๊กสีกากี ชงปธ.สภาฯ 'ปฎิรูปตำรวจใหม่' เปลี่ยน 'ประธานก.ตร.' มาจากเลือกตั้ง

พล.ต.อ.วินัย ทองสอง นายกสมาคมตำรวจ ในฐานะผู้แทนคณะผู้มีสิทธิ์เลือกตั้ง ได้ลงนามในหนังสือกราบเรียนประธานสภาผู้แทนราษฎร เรื่องขอยื่นเรื่องริเริ่มเสนอร่างพระราชบัญญัติตำรวจแห่งชาติ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. ...

'วันนอร์' ยกตัวอย่างมาเลย์ประชุมสภา 4 วันให้ที่ประชุมสำเหนียก

'ก้าวไกล' ลุกหารือขอเพิ่มวันประชุม เหตุมี กม.ค้างเต่อ ด้าน 'อัครเดช' รับลูกเห็นด้วย บอก มาทำงานให้ปชช.อยู่แล้ว ขณะที่ 'วันนอร์' โยน 'พิเชษฐ์' นัดถกวิปเอง