'สว.สมชาย' รอฟังแถลงตั้งรัฐบาล ลุ้น 'เศรษฐา' เคลียร์ปมที่ดิน

‘สมชาย’ ขอรอฟังพรรคร่วมรัฐบาลแถลง ลุ้น ‘เศรษฐา’ แก้ต่างประเด็น ‘ชูวิทย์’ ชี้เคลียร์ได้พร้อมหนุนนั่งนายกฯ หากแจงไม่ได้ปัดโหวตให้

21 ส.ค. 2566 – ที่รัฐสภา นายสมชาย แสวงการ สมาชิกวุฒิสภา (สว.) กล่าวถึงการโหวตเลือกนายกรัฐมนตรีในวันที่ 22 ส.ค.นี้ ว่า ต้องรอดูการแถลงในช่วงบ่ายวันนี้ (21 ส.ค.) ก่อน ว่าพรรคเพื่อไทยจะส่งชื่อใครเป็นแคนดิเดตนายกฯ ส่วนกรณีที่นายภูมิธรรม เวชยชัย รองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย ยืนยันว่าจะส่งชื่อนายเศรษฐา ทวีสิน แคนดิเดตนายกรัฐมนตรี พรรคเพื่อไทย เป็นนายกฯ นั้น หากยืนยันว่าเป็นนายเศรษฐา ก็พิจารณาตรวจสอบคุณสมบัติตามมาตรา 88 และ 89 รวมถึงมาตรา 160 ด้วย ส่วนตัวขอรอฟังการแถลงข่าวในช่วงบ่ายวันนี้ก่อนว่า ชื่อที่ถูกเสนอจะมีคุณสมบัติอย่างไร มีพฤติกรรมทางจริยธรรมเหมาะสมหรือไม่ พร้อมยืนยันว่า สว.ทำหน้าที่ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 272

ทั้งนี้ หากวันนี้นายเศรษฐามาแถลงด้วยคงจะดี แต่ไม่รู้ว่านายเศรษฐาจะมาด้วยหรือไม่ เพราะเมื่อครั้งที่แล้ว นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล ได้มาแถลงจัดตั้งรัฐบาล เราจะได้รู้รวมถึงเรื่องที่นายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ อดีตนักการเมืองตรวจสอบก็ค่อนข้างจะร้ายแรง ย้ำว่าตนรับฟังทั้งหมด แต่ไม่ได้หมายความว่าจะเชื่อหรือไม่เชื่อ เพราะการแถลงข้อมูลให้ประชาชนรับทราบต้องการคำอธิบาย เนื่องจากอาจจะเกิดปัญหาในเรื่องของความซื่อสัตย์สุจริต

“หากนายเศรษฐาสามารถชี้แจงได้ว่า เรื่องที่นายชูวิทย์กล่าวหานั้น ทั้งในเรื่องของบริษัทนอมินีและกรณีที่แม่บ้านไปซื้อที่ดิน ก็เห็นเพียงเอกสารไปยังไม่ได้รับคำอธิบายที่ชัดเจน เพราะอาจเกี่ยวข้องกับการ “ฉ้อราษฎร์บังหลวง” หากมีความเกี่ยวข้องกับการทุจริตคอร์รัปชันต่อประชาชน ถือว่าเป็นการการ “ฉ้อราษฎร์” ส่วน “บังหลวง” คือการได้ประโยชน์จากรัฐ จึงมองว่าหากชี้แจง สว. ในกรณีข้างต้นได้ สว. ก็โหวตให้ผ่าน แต่หากชี้แจงไม่ได้ สว. ก็ไม่โหวตผ่านให้” นายสมชาย ระบุ

นายสมชาย กล่าวว่า รอดูว่าในเวลา 14.00 น. ของวันนี้ จะมีพรรคใดร่วมรัฐบาลบ้าง เรื่องที่สำคัญ อาจจะไม่ใช่เรื่องหลัก แต่เป็นเรื่องที่ประชาชนควรรู้ คือ นโยบายร่วมของแต่ละพรรค เพราะที่ผ่านมานโยบายของแต่ละพรรคก็แตกต่างกัน ทั้งนโยบายประชานิยม เศรษฐกิจ และอื่นๆ จะทำอย่างไรให้หลอมรวม สลายขั้ว เพื่อประเทศชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ เดินหน้าต่อไป

ส่วนข้อกังวลของ สว. ก่อนหน้านี้ นายสมชาย กล่าวว่า พรรคร่วมรัฐบาลน่าจะมีคำตอบในเรื่องการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ซึ่งสามารถแก้ไขได้โดยที่ไม่ต้องทำประชามติใหม่ เป็นการประหยัดงบประมาณ ซึ่งการแก้ไขรัฐธรรมนูญที่ผ่านมา ใช้เงินในการทำประชามติ 3,000 – 4,000 ล้านบาท ซึ่งครั้งนี้ก็ยังไม่รู้ว่าใครจะเข้ามาเป็นสมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญ (ส.ส.ร.) หรืออาจเป็นนอมินีของพรรคการเมืองหรือไม่ และผู้ทรงคุณวุฒิจะเป็นผู้ที่เคยเสนอสิ่งสุดโต่งของรัฐธรรมนูญเหมือนที่เคยเผยแพร่ออกมาหรือไม่ จนทำให้กระทบต่อหมวด 1 และหมวด 2 เพราะหากเป็นเช่นนั้น ประเทศจะไปต่อไม่ได้ และจะนำไปสู่ความขัดแย้ง ส่วนตัวขอเสนอว่า ถ้าอยากให้การโหวตนายกฯ ได้รับความเห็นชอบ ก็ไม่จำเป็นจะต้องแถลงให้เป็นวาระแห่งชาติ และไม่จำเป็นจะต้องเป็นวาระแรกในการร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่

เมื่อถามว่า มองว่าการที่นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ กลับบ้านในวันเดียวกับที่มีการโหวตนายกฯ เป็นนัยยะอะไรทางการเมืองหรือไม่ นายสมชาย ยืนยันว่า ไม่มี หากนายทักษิณจะกลับบ้านก็กลับได้อยู่แล้วเ พราะเป็นคนไทย ซึ่งที่ผ่านมานายทักษิณก็ออกมาระบุว่า จะกลับบ้านหลายครั้งแล้ว แต่ยังไม่กลับ ยืนยันว่า ไม่มีปัญหาอะไร ในสภาก็ว่ากันไป การโหวตนายกฯ ไม่มีผล หากนายทักษิณยอมเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม ถือว่าเป็นการประนีประนอม เพื่อสลายขั้วอย่างแท้จริง อย่างไรก็ตามมีการพูดคุยเรื่องดีลลับที่สิงคโปร์จริง ซึ่งขึ้นอยู่กับการแถลงข่าวบ่ายนี้ว่าจะดีลกันอย่างไร

ส่วนที่หลายฝ่ายมองว่าแคนดิเดตนายกฯ ตัวจริง จะไม่ใช่นายเศรษฐา แต่เป็น พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐนั้น นายสมชาย กล่าวว่า เราไม่เคยปฏิเสธว่าพรรคเพื่อไทยเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล และตนไม่ได้มีปัญหากับพรรคเพื่อไทย มองว่าพรรคเพื่อไทยจะต้องเสนอแคนดิเดตนายกฯ ทั้งสามคนของพรรคอยู่แล้ว ไม่ว่าจะเป็นนายเศรษฐา น.ส.แพทองธาร ชินวัตร หรือนายชัยเกษม นิติศิริ ส่วนตัวจึงมองว่าจะยังไม่ไปไกลถึงขั้นเสนอชื่อ พล.อ.ประวิตร แต่หากไม่เสนอแคนดิเดตของพรรคเพื่อไทย จะเหมือนกรณีที่พรรคอนาคตใหม่ เสนอชื่อนายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ อดีตหัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ เป็นนายกฯ

เมื่อถามว่า หากเทียบกรณีของนายเศรษฐา กับกรณีที่นายพิธาถูกกล่าวหาอะไรร้ายแรงกว่ากัน นายสมชาย กล่าวว่า ไม่ก้าวล่วง หากชี้แจงอย่างตรงไปตรงมา แต่นายเศรษฐาก็ควรออกมาชี้แจง เพราะนายพิธาก็เคยออกมาชี้แจงแล้วเช่นกัน แต่หากนายเศรษฐายังไม่ชี้แจงให้ชัดเจน ในสภาก็อาจจะมีการอภิปรายในกรณีนี้ ซึ่งอาจเกิดความเข้าใจผิด และส่งผลต่อการโหวตไปในทางลบ.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

เดือดพลั่ก! ยธ. แถลงโต้ กมธ.มั่นคงฯ ไม่มีอำนาจเรียก ทวี-อธิบดีกรมคุก ชี้แจงทักษิณชั้น 14

นายสมบูรณ์ ม่วงกล่ำ ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม พร้อมด้วย นายวรชัย บุตรดาบุตร เลขานุการกรมราชทัณฑ์ นายณรงค์ หนูคง ผู้ตรวจราชการกรมราชทัณฑ์ และ น.ส.วริศรา กุญชร ณ อยุธยา ผอ.กองกฎหมาย

เดือด! 'โตโต้' สวน ยธ. ยันมีอำนาจสอบทักษิณป่วยทิพย์ ลั่น กมธ.มั่นคงฯทำงานครอบจักรวาล

นายปิยรัฐ จงเทพ สส.กทม.พรรคประชน (ปชน.) ในฐานะโฆษกคณะกรรมาธิการ (กมธ.) ความมั่นคงแห่งรัฐ กิจการชายแดนไทย ยุทธศาสตร์ชาติและการปฏิรูปประเทศ สภาผู้แทนราษฎร

'โรม' กล่อม 'ทักษิณ' เข้าแจง กมธ.ความมั่นคง ปมชั้น 14 เชื่อเป็นผลดีต่อรัฐบาล-นายกฯอิ๊งค์

นายรังสิมันต์ โรม รองหัวหน้าพรรคประชาชน ในฐานะประธานคณะกรรมาธิการ (กมธ.) ความมั่นคงแห่งรัฐ กิจการชายแดนไทย ยุทธศาสตร์ชาติและการปฏิรูปประเทศ สภาผู้แทนราษฎร ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีเชิญนายทักษิณ ชินวัตร

มองต่างมุม 'ดร.ณัฏฐ์' เชื่อศาลรธน.ตีตกคำร้อง 'ทักษิณ-เพื่อไทย' ล้มล้างฯ

สืบเนื่องจากกรณีนายธีรยุทธ สุวรรณเกษร  ยื่นคำร้องต่อศาลรัฐธรรมนูญใน 6 ประเด็น เพื่อวินิจฉัยสั่งการให้ นายทักษิณ ชินวัตร และพรรคเพื่อไทย เลิกการก

'ทักษิณ' หลุดปาก 'ยิ่งลักษณ์' จะกลับบ้าน แสดงถึงอาการร้อนรนในสถานการณ์ 22 พ.ย.

'จตุพร' แทงสวน อสส.ส่งความเห็นหลังปล่อยอำนาจหลุดมือ เชื่อ 22 พ.ย. ศาลรธน. มติเอกฉันท์ รับคำร้อง โต้สีอื่นไม่เคยตกใส่เสื้อแดง มีแต่สีคนตระบัดสัตย์ไม่ซื่อตรงปชช. ชี้ 'ทักษิณ' หลุดปาก 'ยิ่งลักษณ์' จะกลับบ้าน แสดงถึงอาการร้อนรนในสถานการณ์ เตือนหลายฝ่ายทนไม่ไหว คดีทุจริตไม่ติดคุกสักวัน หวั่นเหตุการณ์ซ้ำรอย

เข้าทาง! ผู้ร้องคดี 'ทักษิณ-เพื่อไทย' ล้มล้างการปกครอง ฟันธงศาลรธน. รับคำร้องแน่นอน

จากกรณีที่มีข่าวว่านายไพรัช พรสมบูรณ์ศิริ อัยการสูงสุด ได้ส่งหนังสือความเห็นถึงศาลรธน.ในคำร้องคดีที่นายธีรยุทธ สุวรรณเกษร ร้องว่า นายทักษิณ ชินวัตร ผู้ถูกร้องที่หนึ่งและพรรคเพื่อไทย ผู้ถูกร้องที่สอง