“ภูมิธรรม” คาดได้โหวตนายกฯ หลังศาลรธน.วินิจฉัยปม เสนอชื่อ “พิธา” ซ้ำ หลัง 16 ส.ค. 1 สัปดาห์ ยังไม่ชัดดีลพรรค 2 ลุง ร่วมรบ. ย้ำ ได้เสียงโหวตครบ ยัน เคลียร์ “ก้าวไกล” แล้ว หลังหย่าเป็นทางการ ไม่กังวล “ชูวิทย์” แฉ “เศรษฐา”
3 ส.ค.2566 - ที่รัฐสภา นายภูมิธรรม เวชยชัย รองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย (พท.) ให้สัมภาษณ์กรณีการเลื่อนแถลงการจัดตั้งรัฐบาลใหม่ออกไป ว่า วันนี้ศาลรัฐธรรมนูญได้รับคำร้อง ของผู้ตรวจการแผ่นดิน และมีคำวินิจฉัยว่าจะรับไปพิจารณา เพราะเป็นเรื่องละเอียดอ่อน และมีความสำคัญ พร้อมทั้งเลื่อนไปถึงวันที่ 16 ส.ค. ฉะนั้น เมื่อศาลรัฐธรรมนูญมีคำวินิจฉัยออกมาเช่นนี้ เราจึงได้ประสานกับทางประธานรัฐสภาว่าหากเป็นเช่นนี้แล้วจะเป็นเช่นไรต่อ ซึ่งก็ต้องรอคำวินิจฉัยของศาลรัญฐธรรมนูญให้ชัดเจน โดยจะมีการเลื่อนวาระโหวตนายกฯไปจนถึงวันที่ 16 ส.ค. และคาดว่าหากไม่มีปัญหาอะไร ภายใน 1 สัปดาห์ ก็สามารถเลือกนายกฯได้ ซึ่งเมื่อการเลือกนายกฯเลื่อนออกไป ในทุกๆอย่างก็ไม่ควรจะทำอะไรให้มาก และรอให้ศาลรัฐธรรมนูญมีความชัดเจน
“จริงๆวันนี้เราเรียกประชุมพรรคร่วม ซึ่งเป็นหัวหน้าและเลขาธิการพรรค เพื่อที่จะหารือกันก่อนที่จะมีการแถลงข่าว แต่เมื่อเกิดเหตุการณ์เช่นนี้ขึ้นเราจึงถือโอกาสเลื่อนไป สำหรับสิ่งที่คิดว่าเราหวั่นใจ หรือว่าเสียงไม่พอ ยืนยันว่าเสียงที่เราได้ตอนนี้เพียงพอในการที่จะจัดตั้งรัฐบาล แต่เมื่อเลื่อนออกไปเราก็มีเวลาทำงานได้มากขึ้น เพราะการจะ แสวงหาความร่วมมือกับทุกฝ่ายยิ่งได้มากก็ยิ่งดี เรียบร้อยแล้ว เมื่อศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยเรียบร้อยแล้ว และประธานรัฐสภาบรรจุวาระแล้ว เราก็จะแถลงข่าว เรื่องของการจัดตั้งรัฐบาล” นายภูมิธรรม กล่าว
ผู้สื่อข่าวถามว่าเสียงที่บอกว่าครบแล้ว สามารถเปิดเผยได้หรือไม่ว่ามีพรรคใดบ้าง นายภูมิธรรม กล่าวว่า “รออีกซักหน่อยก็ดีนะครับ ตอนนี้เรารวบรวมเสียง ทั้งจากขั้ว 8 พรรคเดิม จำนวนหนึ่ง และมีเสียงจากขั้ว 188 เสียงอีกจำนวนหนึ่ง รวมถึงต้องมีเสียงของสว. อีก วันนี้เราอยู่ใต้วิกฤตการณ์ของรัฐธรรมนูญปัจจุบัน ซึ่งกำหนดเงื่อนไขไว้ว่าเราต้องได้เสียงเกิน 375 เสียง ซึ่งขณะนี้เราต้องรวบรวมให้ได้ 375 เสียง ทั้งนี้ เราอยากได้เสียงของสส. ให้มั่นคงที่สุดเพราะการได้เสียงสส.ที่มั่นคงจะทำให้เกิดรัฐบาลที่มั่นคง มีประสิทธิภาพ สามารถบริหารทิศทางการทำงานได้ชัดเจนมากยิ่งขึ้น ซึ่งต้องบวกกับเสียงสว.อีกจำนวนหนึ่ง เราก็ยิ่งอยากได้ให้มากขึ้น เพื่อจะทำให้เห็นว่าเราเป็นรัฐบาลที่มาจากภาวะที่สามารถกู้วิกฤติได้ โดยความร่วมมือของทุกฝ่าย และจะทำให้การคลี่คลายความขัดแย้ง สามารถลดลงได้”
เมื่อถามถึงกรณีที่มีกระแสข่าวว่าจะไม่มีพรรคของ 2 ลุง เข้ามาร่วมรัฐบาล นายภูมิธรรม กล่าวว่า รอให้การตัดสินใจชัดเจนว่าอะไรเป็นอะไร แต่วันนี้เราก็พยายามที่จะแสวงหาความร่วมมือต่างๆ และเราก็รู้ว่ามีข้อจำกัดต่างๆ และมีข้อที่เป็นปัญหาประชาชนอยู่ ซึ่งเราต้องคำนึงสิ่งเหล่านี้ด้วย อย่างไรก็ตาม ขอให้รอวันที่เราจะแถลง ซึ่งวันนั้นจะทราบรายละเอียดทั้งหมด วันนี้เราแค่แสวงหาเสียงสนับสนุน คนละเรื่องกับการจัดตั้งรัฐบาล ซึ่งการแสวงหาจุดร่วมที่ชัดเจนมากขึ้นจะแสดงให้เห็นถึงฉันทามติของการเข้ามาร่วมกันตั้งรัฐบาล
นายภูมิธรรม กล่าวต่อว่า ส่วนประเด็นที่มีกระแสข่าวว่าพรรคพท. ไม่ง้อพรรคก้าวไกล(ก.ก.) เรื่องนี้จริงๆไม่ใช่ ตนได้บอกไปแล้วว่า การแยกตัวครั้งนี้ ในที่ประชุมเมื่อวานนี้(2 ส.ค.) ตนได้รายงานทีมเจรจาทั้ง นายพิจารณ์ เชาวพัฒนวงศ์ น.ส.ศิริกัญญา ตันสกุล สส.บัญชีรายชื่อ รองหัวหน้าพรรคก้าวไกล และนายชัยธวัช ตุลาธน สส.บัญชีรายชื่อ และเลขาธิการพรรค ก.ก. ว่าเมื่อเราได้ยุติเอ็มโอยูแล้ว ก็ถือว่าทุกฝ่ายเป็นอิสระต่อกัน ส่วนการที่พรรคก.ก. จะโหวตหรือไม่โหวตให้แคนดิเดตนายกฯจากพรรคพท. ก็ถือเป็นเอกสิทธิ์ สิ่งที่สำคัญเราอยากสร้างการเมืองมิติใหม่ เรากับพรรคก.ก.สามารถ ทำงานที่เป็นประโยชน์กับพี่น้องประชาชนได้
ทั้งนี้ อะไรที่เป็นประโยชน์กับพี่น้องประชาชนและประเทศ เรายินดีสนับสนุน ไม่จำเป็นต้องเป็นฝ่ายค้านหรือรัฐบาล แล้วต้องคัดค้านกันไปตลอด ไม่ว่าจะเป็นกฎหมายต่างๆที่พูดถึงในเอ็มโอยูตรงกับนโยบายของพรรค พท. พรรค พท.ยินดีสนับสนุน หรือแม้กระทั่งกฎหมายที่ไม่ได้พูดในเอ็มโอยูเราก็พร้อมสนับสนุน แต่ประเด็นที่เราไม่เอาแน่นอนคือการแก้ไขประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 ที่เราปฏิเสธไปตั้งแต่การเซ็นเอ็มโอยูครั้งแรก เรายืนยันว่าหากมีเรื่องมาตรา 112 เราไม่เซ็น เมื่อมาถึงเอ็มโอยูครั้งที่ 2 เราก็บอกแล้วว่าเราไม่สะดวกใจที่จะเซ็น เราไม่เห็นด้วย ฉะนั้นในชั้นต่อไป หากมีเรื่องการแก้ไขมาตรา 112 เข้ามาเราก็ไม่โหวตให้ แต่หากเป็นเรื่องอื่นที่ดีเราจะโหวตให้
“ฉะนั้นการตัดสินใจครั้งนี้ หากพรรคก.ก.โหวตให้เรา เราก็ยินดี ดีใจ แต่หากไม่โหวตให้เราก็ไม่ถือโทษ โกรธอะไร เพราะเป็นเอกสิทธิ์ของแต่ละคน ที่พูดมาทั้งหมดเป็นเช่นนี้ อย่าไปพูดว่าอ้วนว่าอย่างนั้น อ้วนว่าอย่างนี้ นี่คือข้อเท็จจริง และผมเชื่อว่าทีมเจรจาของพรรคก.ก.ทั้ง 3 คน ยืนยันสิ่งที่ผมพูดได้ ” นายภูมิธรรม กล่าว
ถามว่า มีกระแสว่าพรรคพท.ไม่มีการบอกให้พรรคก.ก. แก้ไขเรื่องมาตรา 112 แต่ฉีกเอ็มโอยูเลย นายภูมิธรรม กล่าวว่า “อันนี้ก็ไม่จริง” อาจจะเป็นการเข้าใจคลาดเคลื่อน เพราะเอ็มโอยูครั้งแรก เราบอกไว้อย่างชัดเจนเลยว่า หากมีการแก้ไข มาตรา 112 เราไม่เซ็น แล้วก็มีความพยายามพูดให้ใกล้เคียงกับเรื่องดังกล่าว เราจึงบอกว่าขอสงวนสิทธิ์ ว่าเราจะไม่ร่วมในข้อนั้นก็มีการถอนเรื่องดังกล่าวต่อไป ส่วนครั้งที่2 ที่มีการทำเอ็มโอยู เฉพาะพรรคก.ก. และพรรคพท. ก็ยังนำเรื่อง มาตรา112 ใส่เข้ามาอีก เราก็บอกว่าเราไม่เซ็น เพราะฉะนั้นเราแสดงท่าทีชัดเจนกับพรรคก.ก. มาโดยตลอด ส่วนจะไปดำเนินการก็เป็นเอกสิทธิ์บุคคลของพรรคก.ก. ตนไม่ว่า แต่ถ้าให้เราร่วมด้วยเราไม่เอา ส่วนนี้พูดกันชัดเจน ส่วนครั้งนี้ได้มีการตกลงกันว่า ส่งไม้ต่อให้พรรคพท. ให้ดำเนินการ
“มีคนถามว่า ผมเข้าใจว่าเป็นพรรคเล็กพรรคหนึ่ง ถามว่าตกลงเรื่อง 112 ว่าอย่างไร นายชัยธวัชตอบว่า 112 เป็นเรื่องที่ไม่ได้เป็นประเด็นหลักสำคัญ ถ้าพูดเรื่อง 112 ไปแล้วก็มีประเด็นอื่นอีก ถ้าอย่างนั้นต้องทำอย่างให้ ให้ช่วยถามให้ด้วย ว่าจะให้เขาทำอย่างไร ซึ่งเมื่อเราเชิญทุกพรรคมา เราได้มีการถามเรื่องนี้ตามที่ได้รับมอบหมายมา มีพรรคชาติพัฒนากล้า พรรคเดียวที่บอกว่า มี112 ไม่เซ็น ถ้าไม่มีเรื่อง 112 ไม่มีปัญหาอะไร ส่วนพรรคอื่นๆบอกว่ามี112 ไม่เซ็น และยังพิจารณาไปถึงแนวทางการเมือง แนวคิดความเชื่อที่มีอยู่ รวมทั้งการปฏิบัติ ซึ่งเป็นการพูดรวมๆของทุกพรรค แต่แนวโน้มออกมาเป็นเช่นนี้ ซึ่ง ตรงนี้ก็ชัดเจนและเราก็บอกให้เขาทราบในวันที่เจอกัน ตั้งแต่ต้นเราพูดชัดเจนในเรื่องนี้มาตลอด แต่เขาบอกว่าไม่ใช่ประเด็น เราก็ ถามว่าหากไม่ใช่ประเด็นจะทำเช่นไร เพื่อจะช่วยหาทางออกให้เขา ซึ่งเราก็ไปถาม แต่สิ่งที่ออกมาก็ชัดเจนตามที่เขาประกาศต่อสาธารณะชน เพราะฉะนั้นความชัดเจนก็อยู่ตรงนี้เอาให้ชัด” นายภูมิธรรม กล่าว
ผู้สื่อข่าวถามอีกว่า กรณีที่นายชัยธวัช เปิดเผยว่า ในที่ประชุมระหว่างพรรคก.ก. และพรรคพท. มีความกังวลว่า หากพรรคก.ก.โหวตให้กับนายกฯของพรรคพท. ทาง สว. บางส่วนอาจจะไม่สนับสนุน นายภูมิธรรม กล่าวว่า เราพูดชัดเจนแล้วว่าหากเขาโหวตให้เราก็ยินดี แต่หากเขาไม่โหวตให้เราก็ไม่ได้ว่าอะไร เพราะถือว่าเป็นเอกสิทธิ์อย่าถือว่าเราไปกดดันท่าน ไม่โหวตให้เราเลยก็ได้ เพราะเราต้องแสวงหาความร่วมมือ จากคะแนนที่ได้ทั้งหมด การเมืองอย่างไรก็ตาม เราถือว่าพรรคการเมืองที่เขาได้เข้ามาในสภาทุกพรรคก็เป็นตัวแทนของประชาชน สายที่มีความคิดที่หลากหลาย หากเราจะเดินหน้าต่อไปได้ประเทศต้องมีความปรองดอง การฟังความ เห็นของทุกพรรคการเมือง ก็เป็นเรื่องที่ดีที่สุด ที่เราจะสามารถสะท้อนความคิดที่แตกต่างกันได้ แต่ทั้งนี้ยังไม่ได้บอกว่าทุกพรรคจะร่วมกัน อยู่ที่ว่า พรรคไหนร่วมกันอย่างไร หรือสังคม ได้ทำความเข้าใจและเห็นว่าการร่วมไม้ร่วมมือการจะไปสู่ทิศทางใด ตรงนี้จะเป็นคำตอบ
ถามถึงกรณีที่นายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ อดีตนักการเมือง ออกมาแฉข้อมูลของนายเศรษฐา ทวีสิน แคนดิเดตนายกฯ พรรค พท. จะส่งผลต่อการพิจารณาเสนอชื่อหรือไม่ นายภูมิธรรม กล่าวว่า คงเป็นเรื่องของนายเศรษฐา กับบริษัทที่นายเศรษฐาเกี่ยวข้องอยู่ ได้ยินว่ามีการแถลงออกมาชัดเจนแล้ว และเป็นเรื่องที่ต้องมีความชี้แจงกับความเข้าใจ เราได้เห็นรายละเอียดแล้วไม่คิดว่าจะปัญหาอะไร เพราะทุกอย่างต้องเป็นไปตามกระบวนการกฎหมายที่กำหนด
เมื่อถามถึงการเดินทางกลับบ้านของนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ นายภูมิธรรม กล่าวว่า ถือว่ายังไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง เพราะเป็นเรื่องของครอบครัว ซึ่งไม่ได้เกี่ยวข้องกับทางการเมือง เราก็ดำเนินการของเราไป ดังนั้นนายทักษิณ และครอบครัวจะตัดสินใจอย่างไรก็เป็นเรื่องส่วนตัว จึงขอให้รอครอบครัวแถลงความชัดเจนให้มากขึ้นก่อน
ถามว่า หากศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยว่า สามารถเสนอชื่อนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ แคนดิเดตนายกฯ พรรค ก.ก. ซ้ำได้ จะทำอย่างไร นายภูมิธรรม กล่าวว่า ทุกอย่างต้องเป็นไปตามกระบวนการข้อบังคับและข้อกฎหมาย
ซักว่า จะมีการพลิกขั้วอีกหรือไม่ นายภูมิธรรม กล่าวว่า อยู่ที่ข้อเท็จจริง หากเป็นอย่างไรก็ว่าไปตามนั้น เพราะต้องพิจารณาตามข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้น.
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
‘ทักษิณ’ ติงสื่อขยายข่าวมากเกินไป! หลัง คุยกับ ‘อันวาร์’
27 ธ.ค. 2557 - ที่อาคารมูลนิธิไทยรัฐ นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี
เลขาฯกกต. ตรวจหน่วยรับสมัคร อบจ.ปราจีนบุรี อุบตอบปมสอบเงิน 20 ล้าน
นายแสวง บุญมี เลขาธิการคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) พร้อมด้วย พ.ต.ท. ระพีพงษ์ จิรพัฒนาลักษณ์ รองเลขาธิการ กกต. , น.ส.โชติกา แก้วผล ผู้อำนวยการ กกต.ประจำจังหวัดปราจีนบุรี และคณะ ร่วมสังเกตการณ์การรับสมัครรับเลือกตั้งสมาชิกสภา อบจ.ปราจีนบุรีและนายก อบจ.จังหวัดปราจีนบุรี ณ องค์การบริหารส่วนจังหวัดปราจีนบุรี
กมธ.คุ้มครองผู้บริโภครับลูกเร่งผลักดัน 3 กม.ของภาคประชาชน
'กมธ.คุ้มครองผู้บริโภค' รับหนังสือแก้ไขกฎหมาย 3 ฉบับ เร่งสภาผลักดัน แก้ปัญหาสินค้าไม่ตรงปก - ติดฉลาก -ให้ข้อมูลโภชนาการไม่สมบูรณ์
แฉอีโม่ง วิ่งเต้นล้มปมชั้น 14 เตือนหยุดทำเถอะ
นายจตุพร พรหมพันธุ์ วิทยากรคณะหลอมรวมประชาชน เฟซบุ๊คไลฟ์ว่า นับตั้งแต่ต้นปี 2568 ให้จับตาดูวันที่ 15 ม.ค.ที่แพทยสภาขีดเส้นตายให้แพทย์รักษาทักษิณ ชินวัตร ชั้น 14 ส่งรายงานการรักษามาตรวจสอบการเอื้อหนีติดคุก แล้วยังต้องติดตามผลตรวจสอบของ ป.ป.ช.กรณีชั้น
มีแม้วไม่มีเรา! วัดใจจุดยืน 'พรรคส้ม' หลังทักษิณขีดเส้นแบ่งข้างทุกเวทีแล้ว
นายสุทธิชัย หยุ่น สื่อมวลชนอาวุโส โพสต์เฟซบุ๊กว่า "พรรคส้มกล้าไหม? มีแม้วไม่มีเรา!
ดร.เสรี ฟาดพรรคขี้โม้-พรรควาทกรรม
ดร.เสรี วงษ์มณฑา นักวิชาการด้านการตลาดและการสื่อสาร โพสต์เฟซบุ๊ก ว่า “พรรคหนึ่งมีแต่วาทกรรม ไม่เคยทำงาน