“ภูมิธรรม” เผย “พิธา” ขอทดลองโหวตนายกฯรอบสอง หากได้เสียงเท่าเดิม ก็ชัดเจนไปไม่รอด แต่พท.พร้อมหนุนสุดความสามรถ ห่วงฝ่ายเสียงข้างน้อยลงแข่ง บวกส.ว. 250 ชนะแน่ เชื่อ “ทิม” พูดเปิดโอกาส “เพื่อไทย” ต้องการให้ปชช.เห็นว่ายังสู้อยู่
15 ก.ค.2566 - นายภูมิธรรม เวชยชัย รองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย (พท.) กล่าวถึงกรณีที่นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคและแคนดิเดตนายกฯพรรคก้าวไกล ระบุว่าหากโหวตนายกฯรอบสองไม่ผ่าน จะเปิดทางให้พรรคเพื่อไทย จัดตั้งรัฐบาล ว่า ที่พูดมามีประเด็นเรื่องรัฐธรรมนูญมาตรา 272 ซึ่งเป็นประเด็นที่ได้มีการพูดคุยกันในการประชุมพรรคเพื่อไทยกับก้าวไกลเมื่อวันที่ 14 ก.ค. ซึ่งสรุปออกมาเหมือนกับว่าเราจะเคลื่อนเรื่องนี้ไปด้วยกันทั้งหมด ยังเป็นความเข้าใจที่อาจจะคลาดเคลื่อนได้ เพราะที่ประชุมเจรจาสองพรรคยังมีความเห็นต่าง สำหรับการที่จะขับเคลื่อนเรื่องการแก้ไขมาตรา 272 ว่าจะเป็นการปิดสวิตซ์ส.ว.ซึ่งการคุยกันเมื่อวาน(14 ก.ค.) ต่างฝ่ายต่างยังมีความเห็นที่แตกต่างกัน แม้ว่าเป้าหมายสำคัญที่เราอยากเห็นการเปลี่ยนแปลงเรื่องนี้จะเหมือนกันก็ตาม เพราะจากการหารือเราบอกว่าต่างกลับไปคิดแล้วค่อยกลับหารือร่วมกับ 8 พรรคในวันที่ 18 ก.ค. แล้วสองพรรคจึงสรุปร่วมกันอีกครั้งก่อนเข้าที่ประชุมร่วมรัฐสภาในวันที่ 19 ก.ค. เพราะฉะนั้น เรื่องนี้ยังไม่ได้ข้อสรุปที่เห็นพร้องต้องกันทั้งหมดว่าจะเดินไปข้างหน้า
นายภูมิธรรม กล่าวต่อว่า ประเด็นเรื่องมาตรา 272 ที่หารือกันนั้น ความเห็นของพรรคเพื่อไทยคือ ยังมองว่าข้อเสนอของพรรคก้าวไกลที่จะทำเรื่องนี้ ไม่มีกรอบเวลาที่ชัดเจนว่าจะทำไปอีกนานเท่าไหร่ เพราะประเด็นนี้เราเห็นชัดเจนอยู่แล้วว่าเสนอไปคำตอบข้างหน้าคืออะไร เพราะการเสนอปิดสวิตซ์ส.ว. ทำได้เพียงแค่เป็นสัญญาลักษณ์ของการต่อสู้เพื่อให้สังคมรู้ว่า ส.ว.เป็นอุปสรรคต่อการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ซึ่งสังคมก็รับรู้เรื่องนี้อยู่แล้ว เพราะเมื่อ 4 ปีที่แล้ว พรรคเพื่อไทยได้เสนอแก้ไขมาตรา 272 ต่อรัฐสภาถึง 2 ครั้ง แล้วก็ไม่สำเร็จ เพราะเงื่อนไขของความสำเร็จคือต้องได้ เสียงจากรัฐสภา และต้องได้เสียง 20 เปอร์เซนต์จากฝ่ายค้าน และต้องได้รับเสียง จากส.ว. 86 เสียง ซึ่งการเลือกนายพิธา เป็นนายกฯคราวนี้ ที่พรรคก้าวไกลยืนยันว่าจะได้เสียงเยอะ แต่เสียงที่ออกมามีส.ว.เพียงแค่ 13 เสียงเท่านั้น ทั้งๆที่ต้องหาถึง 64 เสียงยังหาไม่ได้ เพราะฉะนั้น 86 เสียงยิ่งเป็นเรื่องที่ยากขึ้นไปอีก
“ดังนั้นการที่พรรคก้าวไกลเสนอแก้มาตรา 272 รู้อยู่แล้วว่าอย่างไรก็ไม่ได้ จึงต้องชัดเจนว่าเสนอเพื่อจะให้เกิดประโยชน์อะไร ทั้งๆที่ขณะนี้ ความจำเป็นก่อนอันอื่นคือต้องมาหาทางออกเรื่องว่าตั้งรัฐบาลให้ได้อย่างไร จะหานายกฯคนไหนไปเสนอเพื่อให้ได้รับการยอมรับจากรัฐสภาทั้งสภา นี่คือประเด็นที่เราเสนอว่าควรจะต้องทำให้สำเร็จก่อนอย่างอื่น”นายภูมิธรรม กล่าว
นายภูมิธรรม กล่าวต่อว่า สิ่งที่สำคัญคือขณะนี้ถามว่าเราจะยังยืนยันนายพิธาเป็นนายกฯอยู่หรือไม่ จริงๆเรายังยืนยันข้อตกลงร่วมของ 8 พรรค ที่จะพยายามผลักดันให้ เกิดรัฐบาลประชาธิปไตยให้ได้ และเราคิดว่าจะสู้ให้นายพิธาให้ถึงที่สุด อย่างสุดความสามารถ แต่พอผลการเลือกตั้งนายกฯเมื่อวันที่ 13 ก.ค.ออกมา เราก็เสนอว่าเป็นรูปธรรมชัดเจนที่เราต้องเอากลับมาคิดว่ายังจะเป็นอย่างไรต่อไป และปัญหาสำคัญคือได้ยินว่าจะมีการเสนอรัฐบาลเสียงข้างน้อยแข่ง ก็ยังเป็นปัญหาที่ต้องพิจารณา และในวันที่ 19 ก.ค.เท่าที่รับทราบมาซึ่งเราก็ยังไม่รู้ว่าจริงหรือไม่จริง แต่มีการพูดออกอากาศมาจากฝั่ง ส.ว.หรือฝ่ายรัฐบาลเดิม ว่ามีการเสนอให้มีการถกเถียงเรื่องการเสนอชื่อนายพิธา เป็นญัตติหรือไม่ใช่ญัตติ ถ้าเป็นญัตติ ก็แสดงว่านายพิธาต้องตกไป ไม่สามารถจะเสนอนายพิธาเป็นนายกฯในสมัยประชุมนี้ได้ ถ้าไม่เป็นญัตติก็กลับมาเสนอนายพิธาเป็นนายกฯต่อ
“ผมเชื่อว่าประเด็นนี้จะเป็นที่ถกเถียงอย่างมากในการประชุมรัฐสภาวันที่ 19 ก.ค. และไม่แน่ใจว่าจะมีข้อสรุปได้ง่าย เพราะเป็นความเห็นต่าง ซึ่งดูแล้วก็ยากที่จะคล้ายกันได้ เพราะฉะนั้นทางออกมีสองทางคือ ประธานรัฐสภาอาจจะวินิจฉัย หรืออาจจะมีสมาชิกเสนอเป็นญัตติ ขึ้นมาให้โหวต เพื่อที่จะสรุปว่าเป็นอย่างไร หากเป็นอย่างนั้นก็เชื่อว่าเสียงส่วนใหญ่น่าจะไม่ให้ พอไม่ให้ คุณพิธาก็ต้องตกไป ซึ่งเราไม่รู้ เราคงต้องช่วยกันตีความให้สอดคล้องกับประโยชน์ที่ประชาชนจะได้รับเต็มที่ ถ้าคุณพิธาไม่ได้ ก็เป็นอีกโจทก์ที่เราต้องมาคิดว่าวันที่ 19 ก.ค. จะมีการเสนออย่างไร ถ้าคุณพิธายังได้เหมือนเดิม ผมคิดว่าพรรคร่วม 8 พรรคก็คงเสนอคุณพิธา ซึ่งถ้าเป็นคุณพิธาคนเดียวไม่มีปัญหาอะไร เราก็จะให้คุณพิธาได้ทดลองว่า ถ้าอีกรอบ เสียงไม่ได้แตกต่างไปจากเดิม น้อยหรือมากไปกว่าเดิมไม่มาก ก็ชัดเจนแล้วว่าไปไม่ได้ ถ้าเป็นอย่างนั้นก็คงต้องมีการเปลี่ยนแปลง คงไม่มีการเสนอไปเรื่อยๆจนรอไปถึงปีหน้า เพื่อรอส.ว.หมดวาระ เพราะปัญหาประเทศต้องการความชัดเจน และต้องการได้รัฐบาลโดยเร็วเพื่อมาแก้ปัญหาของประชาชน ดังนั้นเราต้องจบให้ได้”นายภูมิธรรม กล่าว
นายภูมิธรรม กล่าวว่า อีกเรื่องคือถ้ายังเสนอนายพิธา แล้วฝ่ายเสียงข้างน้อยเสนอแข่ง อาจจะเป็นพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ หรือใครก็ตาม อย่าลืมว่ากลุ่ม 188 เสียง รวมเสียงส.ว. 250 คน ซึ่งมีแนวโน้มจะเป็นไปได้ เขาสามารถจะผ่านการเป็นนายกฯ ได้ ซึ่งตรงนี้เราต้องคิดว่าถ้าปล่อยให้เป็นอย่างนั้นจะคุ้มค่าหรือไม่กับโอกาสเพียงน้อยนิดที่เราจะได้จัดตั้งรัฐบาล แก้ไขปัญหาตามนโยบายที่เสนอ พร้อมทั้งแก้ไขรัฐธรรมนูญได้ เพราะเรา เป็นรัฐบาลเราสามารถมีมติ ครม.ให้ไปทำประชามติ เพื่อตั้งส.ส.ร.มาแก้ไขรัฐธรรมูญ ซึ่งสำหรับ พวกเราถ้าทำได้เราสามารถกำหนดได้ว่าภายใน 1ปี ไม่เกิน2 ปีเราสามารถทำได้ ซึ่งเป็การปิดสวิซต์ ส.ว.ที่เป็นรูปธรรมจริงๆ มากกว่าการมาเสนอแก้ไขมาตรา 272 ที่ทำได้เพียงแค่สัญญาลักษณ์ เราสู้เรื่องนี้อยู่ แต่ไม่สามารถหวังผลได้ การที่พรรคก้าวไกลเสนอเรื่องนี้ก็ต้องชี้ให้ชัดว่าสิ่งที่อยากได้คืออะไร คุ้มกับการที่ต้องเสี่ยงกับการที่จะสูญเสียโอกาสในการจัดตั้งรัฐบาลหรือไม่
นายภูมิธรรม กล่าวต่อว่า นี่คือกรอบส่วนใหญ่ที่คุยกันและพรรคเพื่อไทยก็เสนอแบบนี้ ซึ่งทางพรรคก้าวไกลยังบอกว่าอยากได้เวลาในการเสนอชื่อเป็นนายกฯอีกครั้งและยังอยากทำเรื่องแก้มาตรา 272 ควบคู่กันไป ซึ่งเราเห็นว่าต้องคิดให้ดี แต่เราก็เคารพในความเห็น และให้กลับไปทบทวนกันในพรรคแล้วนำไปหารือในเช้าวันที่ 18 ก.ค. ซึ่งสิ่งที่นายพิธาพูดออกมาก็ดูดี และต้องขอบคุณที่จะทดลองอีกครั้ง แล้วเสนอให้พรรคเพื่อไทยเป็นแกนนำ แต่ตนคิดว่าปัญหาสำคัญที่ต้องคุยให้จบก่อน เพราะต้องไปเผชิญกับวิกฤตการณ์ หรือปัญหาที่จะเกิดขึ้นว่าเราจะแก้ไขอย่างไร ถ้าไม่สรุปให้ชัดเจนและไม่คุยให้ชัดก่อน ก็จะได้สิ่งที่เราพูดแล้วรู้สึกดี แต่โอกาสและการแก้ปัญหาที่จะเกิดขึ้นจะไม่มี ซึ่งน่าเป็นห่วงที่สุด เรายังยืนยันว่ายังอยากจับมือเป็นพันธมิตรกับ 8 พรรค เพื่อเข้าไปทำเจตนารมณ์ประชาชนให้สำเร็จ แก้ปัญหาให้ประชาชนให้ได้ แต่ต้องอยู่กับความเป็นจริงที่จะเกิดขึ้นและทำอย่างไรให้เกิดประโยชน์สูงสุด
เมื่อถามว่า มองอย่างไรที่นายพิธา ออกมาพูดก่อนที่จะมีการตกลงกัน นายภูมิธรรม กล่าวว่า เรื่องนี้ต้องไปถามนายพิธา แต่ตนคิดว่านายพิธาคงมีเจตนาที่ดี ที่จะให้กำลังใจ กับประชาชนว่ากำลังต่อสู้อยู่ ซึ่งตนไม่ได้ขัดข้องตรงนี้ ก็ชื่นชมสิ่งที่นายพิธาทำ แต่ในเกมการ ต่อสู้เพื่อให้ฝ่ายประชาธิปไตยกับฝ่ายประชาชนได้รับชัยชนะ เพื่อสามารถเข้าไปเป็นรัฐบาล แก้ปัญหาได้ อันนี้เรายังเห็นต่างกันอยู่ ก็ต้องคุยกัน ซึ่งเป็นได้แค่ข้อเสนอของพรรคก้าวไกล แต่ความเห็นร่วมต้องผ่านการถกเถียงและพูดคุยกัน ซึ่งยังไม่มีข้อสรุป อย่างไรก็ตามทั้งสองพรรคถ้าคุยภายในกันได้และมีข้อสรุป เราเปิดสายคุยกันได้ตลอดเวลา แต่ถ้าไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงจากที่เป็นอยู่ก็ไปเสนอในที่ประชุม 8 พรรค วันที่ 18 ก.ค.เวลา 10.00 น.
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
'ภูมิธรรม' ตรวจเยี่ยมเกณฑ์ทหาร เดินหน้าแผนปฏิรูปกองทัพ-ดันทหารอาสาแทนจับใบดำใบแดง
รองนายกรัฐมนตรี “ภูมิธรรม เวชยชัย” ลงพื้นที่อุดรธานี-หนองคาย ต่อเนื่องภาคเหนือ 5 จังหวัด ตรวจเยี่ยมการเกณฑ์ทหาร พร้อมติดตามงานโครงการซีลชายแดน เผยนโยบายลดการเกณฑ์แบบบังคับ มุ่งส่งเสริมการสมัครใจ สอดรับแผนปฏิรูปกองทัพในระยะยาว
หึ่ง!บ่อนแลกนิรโทษ พท.หวังจบดีลก่อนปิดสมัยประชุม/‘ชูศักดิ์’ชี้6-8ด.คลอด
"ภูมิธรรม" สวนฝ่ายค้านจินตนาการ กล่าวหา รบ.เร่งกาสิโนให้นายทุน
'ภูมิธรรม' เผย 'มิน อ่อง หล่าย' มีสิทธิร่วมประชุมบิมสเทค เป็นโอกาสคุยแก้ปัญหาเมียนมา
นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม กล่าวถึงการประชุมบิมสเทค ที่มีการเชิญ พลเอกอาวุโส มิน อ่อง หล่าย ผู้นำรัฐบาลทหารเมียนมา เข้าร่วมประชุม
'ปิยบุตร' ฟาด 'เพื่อไทย' สารพัดเรื่องที่ประกาศหาเสียงไว้ไม่ทำ ดันเลื่อนกม.กาสิโนแซงคิววาระอื่น
นายปิยบุตร แสงกนกกุล เลขาธิการคณะก้าวหน้า โพสต์ข้อความภายหลังสภาผู้แทนราษฎร เลื่อน ร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) การประกอบธุรกิจสถานบันเทิงครบวงจร หรือเอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ ขึ้นมาพิจารณา ในวันที่ 9 เม.ย.ก่อนวาระอื่นๆ ว่า
ปชน. ดาหน้าถล่มรัฐบาล หลังแพ้โหวตแย่งคิวถกญัตติ 'กาสิโน-แผ่นดินไหว'
'เท้ง' นำทีม 'ปชน.' แถลงอีกรอบ หลังแพ้โหวต 'แผ่นดินไหว-เลื่อนเอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์' ซัด 'รัฐบาล' เร่งรีบ จนน่าสงสัย เชื่อกลุ่มทุนอิงแอบอยู่ข้างหลัง ด้าน 'โรม' มอง เหตุผลง่ายๆ คือ สส.รัฐบาลอยากกลับบ้าน
เพื่อไทย แถลงหลังดันร่างกม.กาสิโนแซงคิว ซัดฝ่ายค้านทำเรื่องเล็กเป็นเรื่องใหญ่
เพื่อไทยชิงแถลง หลังเลื่อนญัตติ ร่าง 'เอนเตอร์เทนเม้นท์คอมเพล็กซ์' พิจารณา 9 เม.ย. ด้าน 'สุทิน' ซัด 'ฝ่ายค้าน' ทำเรื่องเล็กเป็นเรื่องใหญ่ เรื่องไม่เป็นเรื่องแต่กลับทำให้เป็นเรื่อง ยันไม่ได้สุกเอาเผากิน เชื่อไม่ซ้ำรอย 'นิรโทษกรรมสุดซอย' แม้ สว.จะเห็นต่าง ชี้หากอ่านละเอียดอาจเปลี่ยนใจ