อะไรถอยได้ก็ถอย! 'บิ๊กก้าวไกล' มั่นใจ 'พิธา' ฝ่ามรสุม ส.ว. ได้

‘บิ๊กก้าวไกล’ เดินหน้าปิดดีลตั้งรัฐบาล ยอมรับอะไรถอยได้ก็จะถอย เชื่อ ‘พิธา’ ฝ่า ส.ว. ได้ ไม่วายเตือนลองขวางดู สังคมจะลงโทษ จับตา ‘สุพิศาล’ ลุ้นเก้าอี้ รมต.

19 พ.ค. 2566 – พล.ต.ต.สุพิศาล ภักดีนฤนาถ รองหัวหน้าพรรคก้าวไกล และอดีต ส.ส.บัญชีรายชื่อ กล่าวถึงท่าทีของสมาชิกวุฒิสภา (ส.ว.) ต่อการโหวตเห็นชอบให้นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล เป็นนายกรัฐมนตรี โดยมี ส.ว. บางส่วนยังไม่บอกชัดเจนว่าจะสนับสนุนหรือไม่ ตรงนี้จะเป็นการฝืนกระแสประชาชนหรือไม่ว่า การที่ ส.ว. ออกมาแสดงความเห็นในเรื่องดังกล่าว ก็เป็นสิทธิของ ส.ว. เพราะรัฐธรรมนูญเขียนให้อำนาจ ส.ว. ไว้แบบนั้น แต่รัฐธรรมนูญฉบับปัจจุบันมาจากที่ไหน ประชาชนก็รู้กันอยู่แล้ว มันไม่ใช่รัฐธรรมนูญที่เป็นของประชาชนโดยแท้ ก็เป็นสิทธิ์ของ ส.ว. แต่หากไม่ทำอะไรให้เกิดประโยชน์แก่ประชาชนหรือประเทศชาติ ที่เขาเคยอ้างหนักหนาว่าจะทำเพื่อประเทศชาติ แต่กลับไม่ทำให้เกิดความเจริญหรือการเปลี่ยนแปลงในทางที่ดี ก็เป็นสิทธิของเขา

อย่างไรก็ตาม เชื่อว่าเขาคงไม่กล้าฝ่า เรายังเชื่อว่าจะสามารถโน้มน้าวให้เขาเห็นการเปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดี เราไม่ใช่ผู้ทำลาย เราเป็นผู้สร้าง ที่จะทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงที่ดีต่อสังคม และตอบสนองให้ประชาชนกลุ่มใหญ่ และคนทั้งประเทศที่ต้องการความเปลี่ยนแปลง ให้ได้รับประโยชน์อย่างแท้จริง หากถ้าตั้งรัฐบาลไม่ได้ ก็เป็นเรื่องของการประชุมร่วมรัฐสภาในวันนั้น จะมีวิธีการตามกฎหมายตามขั้นตอนอีกหลากหลาย

“เชื่อว่า นายพิธา หัวหน้าพรรคก้าวไกล จะนำพารัฐนาวาลำนี้ ฝ่ามรสุม ส.ว. ที่เป็นหมากเกมอันสุดท้ายนี้ จนจัดตั้งรัฐบาลได้ ด้วยภาวะ หรือฉันทามติที่ประชาชนได้ลงคะแนนเสียงมาให้ 14 ล้านเสียง และบวกกับพรรคการเมืองที่มาร่วมรัฐบาลเช่นเพื่อไทย อีก 10 ล้านเสียง ซึ่งเท่ากับรวมแล้วก็ 24 ล้านเสียง ที่มากกว่า 16 ล้านเสียงเดิม ตอนลงประชามติรัฐธรรมนูญฉบับปัจจุบัน ถ้ายังไม่พออีก ก็ลองกระทำ ผมไม่ได้ท้าทาย แต่สังคมจะลงโทษคนกลุ่มนี้เอง แต่ผมยังเชื่อร้อยเปอร์เซ็นต์เต็มว่าเราจะสามารถดำเนินการตั้งรัฐบาลได้ และเราจะดำเนินการอย่างประนีประนอม อะไรถอยได้ก็จะถอย แต่อะไรที่รับปากประชาชน พรรคก็ต้องทำ” รองหัวหน้าพรรคก้าวไกล ระบุ

เมื่อถามถึงกรณี ส.ว. หลายคนติดใจนโยบายแก้ไขมาตรา 112 จนอาจไม่สนับสนันนายพิธา เป็นนายกฯ ตรงนี้ พรรคก้าวไกลอาจต้องยอมลดเพดานเรื่อง 112 ลงจากที่ตอนหาเสียงไว้หรือไม่ พล.ต.ต.สุพิศาล ตอบว่า ในประเด็นนี้ก็ต้องรอฟังมติกรรมการบริหารพรรคอีกสักระยะหนึ่ง แต่เราก็ยังยืนยันว่าเรายังมีจุดหมายเดียวกัน ตามที่ได้ร่วมเดินทางมาด้วยกัน แต่เป็นเหตุผลเดียวที่ฝ่ายเขาพยายามจะนำมาอ้างว่าจะทำให้เกิดความวุ่นวาย เกิดความเสียหาย แต่ข้อเท็จจริงแล้วในตัวบทสามารถแก้ไขได้ กฎหมายทุกฉบับแก้ไขได้

“เราแก้ไปในทางที่ดี ไม่ได้แก้ในทางที่ร้าย เรายกระดับให้เป็นสากล เราทำให้เกิดมุมมองที่ดีต่อผู้คนที่ร่วมเดินทางในปัจจุบัน เราคงไม่มองถึงคนในอดีตที่เป็นคนรุ่นใหญ่ที่เห็นภาพโน้นภาพนี้มาตลอด วันนี้สังคมมันเปลี่ยนไปพอสมควรแล้ว คิดว่านายพิธา จะนำพาเรื่องนี้ไปได้อย่างเรียบร้อยดี คงไม่มีปัญหา ก็เป็นแนวคิดของ ส.ว.เขาเอง ที่นำมาเป็นข้ออ้าง” พล.ต.ต.สุพิศาล ระบุ

อนึ่งหลังการจัดตั้งรัฐบาลพรรคก้าวไกล 313 เสียงเริ่มเดินหน้า ทำให้เริ่มมีกระแสข่าว การจัดโควตารัฐมนตรีกระทรวงต่างๆ และโผคณะรัฐมนตรี (ครม.) ของแต่ละพรรคการเมืองออกมา โดยปรากฏว่าเริ่มมีการจับตามองว่า พล.ต.ต.สุพิศาล รองหัวหน้าพรรคก้าวไกล อาจมีชื่อได้ลุ้นเป็นรัฐมนตรีกระทรวงใดกระทรวงหนึ่ง เช่น รมว.ยุติธรรม แต่ก็มีการตั้งข้อสังเกตว่า ฝ่ายเพื่อไทยอาจจะโควตากระทรวงยุติธรรมที่มีหน่วยงานในสังกัดคือ กรมราชทัณฑ์ หลังนายทักษิณ ชินวัตร ยืนยันล่าสุดเมื่อ 16 พ.ค. ที่ผ่านมาว่าจะเดินทางกลับประเทศไทยในเดือนก.ค.ที่จะถึงนี้

อย่างไรก็ตาม ในการเลือกตั้งครั้งนี้ พล.ต.ต.สุพิศาล ได้ขอไม่ลงสมัครรับเลือกตั้ง โดยได้บอกว่าจะขอทำงานช่วยพรรคอยู่ข้างหลัง โดยเฉพาะการทำงานนอกรัฐสภา แต่ในการเจรจาจัดตั้งรัฐบาลเมื่อเย็นวันที่ 17 พ.ค.ที่ผ่านมา ที่ร้านอาหารแห่งหนึ่ง แถวถนนสุโขทัย พล.ต.ต.สุพิศาล ได้ไปร่วมด้วย.