ทส.เฝ้าระวังตรวจสอบคุณภาพน้ำทะเล-คราบน้ำมันพื้นที่ชายฝั่ง 8 จุด ตั้งแต่หาดพยูนถึงอุทยานฯเขาแหลมหญ้า-หมู่เกาะเสม็ดต่อเนื่อง เร่งทำแผนฟื้นฟูสภาพแวดล้อม เร่งรัดฟ้องเรียกค่าเสียหายบริษัทน้ำมัน สั่งตั้ง 2 คณะอนุ กก.ประเมินผลกระทบ-ฟื้นฟูทรัพยากรทะเล
2 ก.พ.2565 – นายวราวุธ ศิลปอาชา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (ทส.) เปิดเผยว่า จากกรณีน้ำมันของบริษัท สตาร์ ปิโตรเลียม รีไฟน์นิ่ง จำกัด (มหาชน) รั่วไหลในทะเล เขตการนิคมอุตสาหกรรมมาบตาพุด จ.ระยอง หน่วยงานภายใน ทส.ยังคงติดตามสถานการณ์และปฏิบัติงานร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องมาอย่างต่อเนื่องเพื่อแก้ไขและฟื้นฟูทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมให้เข้าสู่ภาวะปกติ โดยกรมควบคุมมลพิษ (คพ.) ได้ดำเนินการติดตามตรวจสอบคุณภาพน้ำทะเลบริเวณที่มีการคาดการณ์ว่าจะเกิดคราบน้ำมันขึ้นชายฝั่ง และลงพื้นที่ติดตามตรวจสอบการเคลื่อนกระจายตัวของคราบน้ำมันในพื้นที่ชายฝั่ง รวมทั้งประเมินสถานการณ์และลงพื้นที่ตรวจสอบร่วมกับหน่วยงานต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง เพื่อเตรียมการเฝ้าระวังและป้องกันเหตุคราบน้ำมันรั่วไหล กรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง (ทช.) ติดตามสำรวจ ตรวจสอบความเสียหายของทรัพยากรธรรมชาติทางทะเล และกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช (อส.) สนับสนุนการดำเนินงานในพื้นที่ และตรวจสอบและเฝ้าระวังผลกระทบที่อาจเกิดจากคราบน้ำมันต่อทรัพยากรธรรมชาติ
นายวราวุธ กล่าวว่า ในส่วนของการเฝ้าระวังตรวจสอบคุณภาพสิ่งแวดล้อมทางด้านคุณภาพอากาศ คุณภาพน้ำ ดินทราย ตะกอนดิน ร่วมกับหน่วยงานอื่นๆ โดย คพ. จะดำเนินการ 1. วิเคราะห์องค์ประกอบสารอินทรีย์ และองค์ประกอบสารอนินทรีย์ ของน้ำมันดิบจากบริษัท สตาร์ ปิโตรเลียม รีไฟน์นิ่ง จำกัด (มหาชน) และก้อนน้ำมัน 2. ติดตามตรวจสอบคุณภาพน้ำทะเลเบื้องต้นและตรวจสอบคราบน้ำมัน พื้นที่ชายฝั่งทะเล จำนวน 8 จุด ตั้งแต่หาดพยูน ถึงอุทยานแห่งชาติเขาแหลมหญ้า – หมู่เกาะเสม็ด อย่างต่อเนื่อง 3. ตรวจสอบและเก็บตัวอย่างน้ำทะเล ส่งตรวจวิเคราะห์ปริมาณโลหะหนัก (ปรอท ทองแดง แคดเมียม ตะกั่ว เหล็ก) และปิโตรเลียมไฮโดรคาร์บอนทั้งหมด (TPH) จำนวน 6 จุด ซึ่งดำเนินการแล้ว 3 ครั้ง และมีแผนในการดำเนินการเก็บตัวอย่าง โดยดำเนินการตรวจสอบน้ำทะเลอีก 3 ครั้ง ผลจากการตรวจสอบคุณภาพเบื้องต้น ผลจากการตรวจสอบคุณภาพค่าพื้นฐานอยู่ในเกณฑ์ปกติ ส่วนผลการวิเคราะห์ค่าโลหะหนักและ TPH อยู่ระหว่างการวิเคราะห์ 4. ตรวจสอบการปนเปื้อนของดินบนชายหาด และ 5. ตรวจสอบคุณภาพอากาศบริเวณที่พบคราบน้ำมัน
“มีงานที่ต้องเร่งดำเนินการ คือ การจัดทำแผนการฟื้นฟู โดย คพ. ทช. และ อส. จะร่วมกับหน่วยงานอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องจัดแผนฟื้นฟู เบื้องต้น คพ. ได้ประสานกับ สวทช. และบริษัทเอกชนที่ร่วมในการสนับสนุนการแก้ไขฟื้นฟูสภาพแวดล้อมในพื้นที่ทดลอง ในส่วนการเร่งรัดฟ้องเรียกค่าเสียหาย คพ. ได้เข้ายื่นเอกสารแจ้งกล่าวโทษบริษัท สตาร์ ปิโตรเลียม รีไฟน์นิ่ง จำกัด (มหาชน) ไว้แล้ว ณ สถานีตำรวจมาบตาพุด และนายจตุพร บุรุษพัฒน์ ปลัดกระทรวง ทส. ได้สั่งการให้แต่งตั้งคณะอนุกรรมการประเมินผลกระทบด้านทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง และด้านสิ่งแวดล้อม กรณีน้ำมันดิบรั่วไหลของบริษัท สตาร์ ปิโตรเลียม รีไฟน์นิ่ง จำกัด (มหาชน) จังหวัดระยอง และคณะอนุกรรมการฟื้นฟูด้านทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง และสิ่งแวดล้อม กรณีน้ำมันดิบรั่วไหลของบริษัท สตาร์ ปิโตรเลียม รีไฟน์นิ่ง จำกัด (มหาชน) จังหวัดระยอง ภายใต้คณะกรรมการควบคุมมลพิษ ทั้งนี้ คพ. จะนำวาระเสนอต่อคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ ซึ่งมี พลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี เป็นประธาน เพื่อทราบในการประชุมครั้งต่อไป ” นายวราวุธ กล่าว
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
ศาลนัดไต่สวน ชาวประมงระยองฟ้องเอกชนปล่อยน้ำมันรั่ว เรียกค่าเสียหาย 240 ล้าน
ศาลแพ่ง (แผนกคดีสิ่งแวดล้อม) นายสัญญาภัชระสามารถ อุปนายกฝ่ายปฏิบัติการ มอบหมายให้ ว่าที่ร้อยตรี สมชาย อามีน ประธานอนุกรรมการสิ่งแวดล้อมฝ่ายคดีและปฏิบัติการ พร้อมคณะทำงานฝ่ายคดีของสภาทนายความ
น้ำมันรั่วลงทะเลซ้ำซาก บทเรียนที่ไม่เคยแก้ไข
คืนวันที่ 25 มกราคม 2565 เกิดภัยพิบัติครั้งใหญ่กับทะเลไทย เมื่อท่อน้ำมันดิบใต้ทะเลบริเวณมาบตาพุด จ.ระยอง เกิดการรั่วไหล บริเวณทุ่นผูกเรือน้ำลึกแบบทุ่นเดี่ยวกลางทะเลหรือจุดขนถ่ายน้ำมันในทะเลของบริษัท สตาร์ ปิโตรเลียม รีไฟน์นิ่ง จำกัด (มหาชน) ซึ่งอยู่ห่างจากชายฝั่งท่าเรือมาบตาพุดไปทางทิศตะวันออกเฉียงใต้ประมาณ 20 กิโลเมตร
'ดร.ธรณ์' ชี้คราบน้ำมันส่วนหนึ่งจมลงไปในทราย การประเมินผลกระทบเหนื่อยมาก
'ดร.ธรณ์' อธิบายการกำจัดคราบน้ำมันรั่ว ชี้คราบสีดำหายไปหมดแล้วแต่ส่วนหนึ่งจมลงไปในทราย รับการประเมินผลกระทบเหนื่อยมาก เพราะพื้นที่ได้รับผลกระทบกว้างมาก ในขณะที่งบประมาณก็จำกัด