เวียนเทียนด้วยต้นไม้ วันวิสาขูชา ลดฝุ่น PM2.5

วันวิสาขบูชาถือเป็นวันสำคัญทางพระพุทธศาสนาสากล ชาวพุทธทั่วโลกร่วมกันทำบุญ เจริญภาวนา และเวียนเทียนรอบพระอุโบสถ พระไพศาล วิสาโล เจ้าอาวาสวัดป่าสุคะโต อ.แก้งคร้อ จ.ชัยภูมิ และประธานมูลนิธิปลูกต้นไม้ปลูกธรรมะ เนื่องในโอกาสวันวิสาขบูชานี้ มูลนิธิปลูกต้นไม้ปลูกธรรมะ ร่วมกับ สสส. กรุงเทพมหานคร กรมป่าไม้ และกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม จัดกิจกรรม “เวียนเทียนด้วยต้นไม้ ลดฝุ่น” เชิญพุทธศาสนิกชนร่วมเวียนเทียนด้วยต้นไม้แทนการจุดธูปเทียน ลดมลพิษฝุ่น PM 2.5 เพิ่มพื้นที่สีเขียว สืบสานประเพณีที่ดีงาม ในวันที่ 22 พ.ค. 2567 ที่วัดใกล้บ้านกว่า 100 แห่งทั่วประเทศ

“ การปลูกต้นไม้ ในทางพุทธเรียกว่า สร้างถิ่นรมณีย์ พื้นที่สีเขียวที่ให้ความร่มรื่นที่มีผลดีต่อสุขภาพกายและใจ กิจกรรมเวียนเทียนด้วยต้นไม้ประยุกต์ให้เหมาะสมกับยุคสมัยและเกื้อกูลต่อสิ่งแวดล้อม ถือเป็นการแสดงความเคารพต่อพระพุทธเจ้า และระลึกถึงคุณของต้นไม้ไปพร้อมกัน หลังเวียนเทียนสามารถนำต้นไม้ไปปลูกที่บ้าน วัด หรือสวนสาธารณะใกล้บ้าน เพื่อเป็นการบูชาคุณพระพุทธเจ้า และเป็นสิริมงคลแก่ตนเอง หากทุกคนมาร่วมเวียนเทียนด้วยต้นไม้จะเป็นการทำบุญวิถีใหม่ที่เป็นประโยชน์ต่อโลกที่กำลังเผชิญภาวะวิกฤตติดตามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่เว็บไซต์www.treefordhamma.org และเฟซบุ๊กแฟนเพจ ปลูกต้นไม้ปลูกธรรมะ” พระไพศาล กล่าว

นายพงษ์ศักดิ์ ธงรัตนะ ผอ.สำนักสนับสนุนสุขภาวะองค์กร สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ สสส. กล่าวว่า สสส. เห็นความสำคัญเรื่องการดูแลสภาพแวดล้อมที่เอื้อต่อการสร้างเสริมสุขภาพ การร่วมมือเปลี่ยนแปลงเพื่อทำให้วัดเป็นสัปปายะสถานที่รื่นรมย์ด้วยต้นไม้และอากาศบริสุทธ์ถือเป็นส่วนหนึ่งของการทำงาน ที่ผ่านมา สสส. ดำเนินการร่วมกับภาคีเครือข่าย คณะพระสงฆ์ ฝ่ายสาธารณูปการของมหาเถรสมาคม พัฒนาโครงการวัด ประชา รัฐ สร้างสุข การรณรงค์เวียนเทียนด้วยต้นไม้ นอกจากเป็นการลดปริมาณขยะและมลพิษจากควันธูปเทียนซึ่งเป็นอันตรายต่อสุขภาพของพระสงฆ์และผู้เวียนเทียนเอง ยังส่งเสริมให้ประชาชนมีส่วนร่วมในการปลูกต้นไม้ เพิ่มพื้นที่สีเขียวในวัดหรือสถานธรรมสาขาของวัดอีกด้วย

ดร.ชาติวุฒิ วังวล ผอ.สำนักสนับสนุนการควบคุมปัจจัยเสี่ยงทางสุขภาพ สสส. กล่าวว่า ไทยกำลังเผชิญปัญหาวิกฤตฝุ่น PM2.5 ในระดับที่ส่งผลกระทบรุนแรงต่อสุขภาพ ซึ่งสาเหตุหลักเกิดจากการเผาไหม้ในที่โล่ง รวมถึงการจุดธูปและเทียน จากข้อมูลควันธูปกับมะเร็ง โดยจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ปี 2566 พบว่า หากจุดธูป 1 ดอก จะทำให้ฝุ่น PM2.5 เพิ่มขึ้น 2-10 เท่าของฝุ่นที่มีอยู่แล้วในอากาศซึ่งขึ้นอยู่กับปัจจัยแวดล้อมของสถานที่ ทำให้ผู้ที่จุดธูปได้รับผลกระทบต่อสุขภาพโดยตรง กระตุ้นให้เสี่ยงต่อการเกิดโรคไม่ติดต่อเรื้อรัง (NCDs) การเวียนเทียนด้วยต้นไม้ ลดฝุ่น ถือเป็นจุดเริ่มต้นของการสร้างค่านิยมทำบุญวิถีใหม่ลดการจุดธูปและเทียนภายในศาสนาสถาน มุ่งเป้าขยายผลความร่วมมือเพื่อให้วัดทั่วประเทศจัดกิจกรรมเวียนเทียนด้วยต้นไม้ทุกวันสำคัญทางศาสนา สำหรับศาลเจ้าจัดกิจกรรมลดการใช้ธูปลง ส่งเสริมให้ประชาชนมีส่วนร่วมในการปลูกต้นไม้ เพิ่มพื้นที่สีเขียว ซึ่งสอดคล้องกับนโยบายของรัฐบาลที่มุ่งแก้ไขปัญหามลพิษทางอากาศและเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ

นายเผด็จ พวงจำปา ผอ.ส่วนจัดการทรัพยากรต้นน้ำ สำนักอนุรักษ์และจัดการต้นน้ำ กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช กล่าวว่า กรมอุทยานแห่งชาติฯ มุ่งสร้างความตระหนัก สร้างจิตสำนึก ให้ชุมชนมีจิตอาสาร่วมกันดูแลรักษาทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม การเวียนเทียนด้วยต้นไม้ ถือเป็นจุดเริ่มต้นในการปลุกจิตสำนึกให้ชุมชนมีความรู้สึกรักษา หวงแหน และเกิดการมีส่วนร่วมรักษาสมดุลของระบบนิเวศและสิ่งแวดล้อมวันวิสาขบูชาเป็นวันต้นไม้ประจำปีของชาติ กรมอุทยานแห่งชาติฯ ร่วมกับวัด 28 แห่ง กระจายอยู่ 19 จังหวัดทั่วประเทศ ขอเชิญชวนประชาชนช่วยกันปลูกต้นไม้ 1 ต้น โดยนำต้นไม้ที่เวียนเทียนนำไปปลูกต่อเพื่อให้เรามีสิ่งแวดล้อมที่ดีส่งต่อให้กับรุ่นต่อไป

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ชวนนักดื่ม “ตรวจตับ-เลิกจับขวด” ฟื้นฟูสุขภาพคืนความสุขครอบครัว

"งดเหล้าเข้าพรรษา" ในระยะเวลา 3 เดือน ถือเป็นกิจกรรมหนึ่งในเทศกาลสำคัญ ที่มุ่งเน้นให้ชาวพุทธงดดื่มแอลกอฮอล์ ไม่เพียงเป็นการรักษาประเพณีและศีลธรรมเท่านั้น

“สุรศักดิ์” รมช.ศธ. เดินหน้าขับเคลื่อนรถรับส่งนักเรียนปลอดภัย ชูโมเดล “ศูนย์เรียนรู้รถรับส่งนักเรียนปลอดภัย จ.อยุธยา” ของสสส.

วันที่ 18 พ.ย. 2567 ที่ โรงเรียนอยุธยาวิทยาลัย อ.พระนครศรีอยุธยา จ.พระนครศรีอยุธยา นายสุรศักดิ์ พันธ์เจริญวรกุล รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ เป็นประธานเปิดศูนย์การเรียนรู้การจัดการรถรับส่งนักเรียนที่ปลอดภัย โรงเรียนอยุธยาวิทยาลัย ภายในงานเวทีสร้างความร่วมมือและแลกเปลี่ยนประสบการณ์ในการพัฒนาศูนย์เรียนรู้รถรับส่งนั

สสส.สานพลังภาคี ขจัดความเหลื่อล้ำกิจกรรมทางกาย ดึงคนไทยสู่เวอร์ชั่นใหม่

กองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) ร่วมกับ ศูนย์พัฒนาองค์ความรู้ด้านกิจกรรมทางกายประเทศไทย (ทีแพค) สถาบันวิจัยประชากรและสังคม

สสส.-สคล. ผนึกภาครัฐ เอกชน จัดแข่งฟุตซอลเยาวชนไม่เกิน 15 ปี ชิงถ้วยกรมสมเด็จพระเทพฯ

สสส. โดยสมาคมเครือข่ายงดเหล้าและปัจจัยเสี่ยงต่อสุขภาพ (สคล.) ร่วมกับ ภาคีเครือข่ายและภาคเอกชน รวม 7 องค์กร ลงนามความร่วมมือ พร้อมจัดแถลงข่าวเปิดตัวโครงการ

"สิทธิในอาหารเพื่อชีวิตที่ดี" ความตระหนักรู้เสริมสุขภาวะ

เด็กทั่วโลกเผชิญปัญหาความเหลื่อมล้ำด้านอาหาร เพราะการบริโภคไม่สมดุล ส่งผลต่อสุขภาวะอ้วนผอม ชาวโลกเผชิญความอดอยากเกือบ 300 ล้านคน

สสส.ชวนคนรักสุขภาพ ร่วม'เมื่อคุณเริ่มวิ่ง หัวใจเต้นแรง' กระตุ้น'นักวิ่งหน้าใหม่'ลงสนาม8ธ.ค.นี้

เมื่อช่วงบ่ายวันที่ 11 พ.ย. 2567 ที่อาคารศูนย์เรียนรู้สุขภาวะ กรุงเทพฯ นพ.พงศ์เทพ วงศ์วัชรไพบูลย์ ผู้จัดการกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) กล่าวว่า สสส. ร่วมกับ สมาพันธ์ชมรมเดิน-วิ่งเพื่อสุขภาพไทย จัดงานแถลงข่าว Thai Health Day Run 2024 วิ่งสู่วิถีชีวิตใหม่ ครั้งที่ 12 ภายใต้แนวคิด “เมื่อคุณเริ่มวิ่ง หัวใจเต้นแรง” ในวันที่ 8 ธ.ค. นี้ ที่สะพานพระราม 8 โดย สสส. มุ่งจุดกระแสกิจกรรมทางกายเพื่อสร้างเสริมสุขภาพ ปรับเปลี่ยนพฤติกรรมที่ทำให้มีสุขภาพดี ลดความเสี่ยงเกิดโรคไม่ติดต่อ (NCDs) ในอนาคต ซึ่งจากผลสำรวจอายุคาดเฉลี่ยทั่วโลกในปี 2567 ของ www.worldometers.info ระบุว่า ไทยมีอายุคาดเฉลี่ยอยู่ที่ 76.56 ปี อายุยืนเป็นอันดับที่ 78 ของโลก ขณะที่ข้อมูลจากฐานข้อมูลการตาย กองยุทธศาสตร์และแผนงาน กระทรวงสาธารณสุข ปี 2561-2565 พบคนไทยเสียชีวิตก่อนวัยอันควร 164,720 ราย สาเหตุการเสียชีวิตอันดับ 1 คือ ป่วยด้วยกลุ่มโรค NCDs ซึ่งเป็นโรคที่เกี่ยวกับพฤติกรรมและวิถีชีวิต