'สมปอง' ชี้แจงกลับทุกประเด็น หลัง 'ติ๋ม ทีวีพูล' แถลงข่าวพาดพิง

หลังจากที่ ติ๋ม ทีวีพูล หรือ พันธุ์ทิพา ศกุณต์ไชย ได้ตั้งโต๊ะแถลงข่าวประเด็นแตกหักกับ สมปอง นครไธสง ประเด็นประกาศลาออกจากรายการของสมปอง ล่าสุดสมปองได้ไลฟ์ชี้แจงทุกประเด็นว่า

"เรื่องเข้าไปอยู่บ้านพักของติ๋ม ทีวีพูล นั้นเริ่มแรกตั้งแต่เป็นพระ มีทีมงานไปถ่ายรายการ ตนเลยบอกโทรหาหน่อย เลยบอกให้มาอยู่ที่บ้านมีบ้านให้อยู่ ก็เลยไปดูกัน รู้สึกโชคดีที่มีที่อยู่ ถามว่าไปขอเลยไหม โดยตนไม่ได้ไปขอ แต่ไปพูดคุยกันไม่ได้ไปขอ แต่จะบอกว่าเสนอมาก็ได้ ตนอาจมีวาสนาได้อยู่เดือนเดียวก็ขอบคุณ

ประเด็นเสื้อผ้า 80,000 บาท ผมเป็นพระ ไม่มีเสื้อผ้าสำรอง ตอนไปซื้อก็ไม่รู้ราคาไม่รู้ว่าอะไรถูกแพง รู้ราคาแต่ไม่รู้ชัดเจน ส่วนตัวใส่อะไรก็ได้ทีมงานจัดให้ ซึ่งก็ทราบว่ามีส่วนลดให้ และตนก็มีการไลฟ์ให้ในเพจ ยืนยันว่าไม่ได้ยึดติดยี่ห้อ ถ้าเลือกได้จะใส่ชุดฟุตบอล เพราะชอบเป็นการส่วนตัว แต่ก็ขอบคุณสำหรับเรื่องนี้

เรื่องหนี้สิน พูดมาตลอด ผมต้องรับผิดชอบ ผมไม่ได้เอาเงินออกจากพุทธศาสนา ใครเป็นหนี้ผมๆ ยกให้ แต่ผมๆเป็นหนี้ใครผมใช้ให้ ทำไมเน้นเรื่องเงิน ก็เพราะต้องเอาเงินไปใช้หนี้ เมื่อผมมีหนี้ก้อนใหญ่ผมก็ต้องทำงานใช้หนี้เอง ไม่ให้ใครมาใช้หนี้ให้

ประเด็นสัญญา 1 ล้านบาท ไม่ใช่เดือนละล้าน แต่เดือนละ 2.5 แสนบาท หรือ 4 เดือนล้าน ผมไม่ได้ใช้เงินก้อนนั้น เขาโอนไปใช้หนี้ ถ้าเงินทำงานยังไม่พอจ่าย ผมก็ให้หักเป็นงานๆ หักออกจากค่าตัว ขออนุญาตพูดว่าพี่สาวท่านนั้นไม่ได้ใช้หนี้ให้ผมนะครับ แต่เป็นเงินจากการทำงาน

เรื่องหิวเงินหรือเรื่องเงินเป็นใหญ่ ถ้าอยากรวยจริงๆ คงไม่บวชเป็นพระ เพราะไม่ได้เงินอยู่แล้ว เรียน ป.โท สังคมสงเคราะห์ศาสตร์ อาจารย์ก็บอกเรียนชั่วโมงแรกๆ ว่าเรียนคณะนี้ไม่รวย แต่เพราะเรารู้สึกว่าสังคมสงเคราะห์เรามาตลอด เราเลยเรียนเรื่องนี้ วงการที่อยู่ก็ไม่เอื้อให้รวย นอกจากไม่รวยยังทำให้ติดลบด้วย แต่เรารับผิดชอบตรงนั้น จะไม่อ้างเรื่องไม่มีไม่จ่าย อย่าเห็นเป็นคนหิวเงิน ไปไลฟ์ให้ที่วัดหนึ่งก็ไม่คิดค่าตัว เขาให้มา แต่เราก็ให้คืนไปด้วย ไม่มีใครใช้หนี้ให้ เราทำงานใช้หนี้เอง หากยังไม่คุ้มกับเงิน 1 ล้านบาท ก็บอกมาว่าจะให้ทำงานใช้คืนหรือทยอยใช้คืนให้

เรื่องสัญญา ไม่รู้ว่าวันนั้นจะได้เซ็น ตอนเแรกทีมงานคิดว่าได้เดือนละล้าน ก็เซ็นกันจริง พอซิทคอมออกมาครั้งแรก ต้องตื่น 6 โมงเช้า ทำงาน 9 โมง ถึงตี 2 ยืนยันเราทำงานให้ใครก็คุ้มค่าเขา เป็นตัวตนอย่างเต็มที่ แต่เมื่อรู้สึกว่าไม่ใช่ตัวตนของตัวเอง และรู้สึกว่าทำงานให้เขาได้ไม่คุ้ม จึงไปขอคุยเรื่องเปลี่ยนแปลงสัญญา แต่ก็ยังไม่ได้เซ็น เพราะอยากดูให้รอบคอบก่อน ฉะนั้นไม่ใช่เรื่องค่าตัวอย่างแน่นอน ไม่ได้หิวเงิน ยึดตัวเนื้องานที่รับมาเป็นหลัก แต่เป็นเรื่องของความไหว ไม่ไหวของผมด้วย ขอย้ำผมไม่ได้หิวเงินขนาดนั้น ผมจะได้เงินเมื่อมีงาน ไม่ได้มีใครใช้หนี้ให้ผม ผมทำงาน ให้คืนเป็นเงินหรือเป็นเงินก็ได้

เรื่องคบเพื่อน ผมจะตัดสินใจด้วยตนเอง แต่จะเลือกคบแต่คนดีๆ ผมทำงานหนักไม่ใช่หิวเงิน แต่ผมต้องรับผิดชอบทีมงานทุกคน บางงานผมไปไลฟ์ให้ฟรี หรือคืนให้ครึ่งหนึ่ง ถ้าอยากรวยจริงๆ คงไม่บรรพชาสามเณร ไม่บวชพระ และไม่เรียนสาขาสังคมสังเคราะห์ ยืนยันว่าผมยังเป็นสมปองคนเดิม ตั้งใจทำงาน ไม่ยุ่งเกี่ยวสีเทา หรือยาเสพติด และยังเคารพผู้ใหญ่ทุกท่าน บุหรี่ผมยังไม่สูบเลย ประเด็นตู้ไวน์เมื่อจัดมาให้ ผมก็เอาไว้นอนดู ผมลองดื่มยังถามเลยว่าอร่อยตรงไหน

ส่วนประเด็น 3 เดือน 100 ล้าน เป็นคำพูดเชิงขำๆ ใครจะไปได้อะไรขนาดนั้น พูดเชิงทีเล่นทีจริง ก็เป็นแค่เป้าหมาย เพื่อสร้างแรงผลักดันให้ตัวเอง เงินไม่ใช่ทุกสิ่งทุกอย่าง แต่ทุกสิ่งทุกอย่างที่อยากได้ต้องใช้เงิน นโยบายของผมตั้งแต่เป็นเณร ผมต้องทำงานด้วยความสุข ไม่มีฝักไม่มีฝ่าย หลังจากนี้ยังจะทุ่มเททำงานเต็มที่ ทุกเรื่องราวมีบทเรียนให้กับผม เพียงแค่เดือนกว่าๆ มีบทเรียนมากมาย ยังเป็นสมปองคนเดิม อยู่บนพื้นฐาน จริงใจ ตั้งใจ ไม่ยุ่งเกี่ยวกับอะไรสีเทา อยู่บนพื้นฐานของความสุข จะสร้างความสุขให้แก่ทุกท่าน และยังรักเคารพผู้ใหญ่ ผู้มีพระคุณทุกท่าน"

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

'ภราดร' โต้ 'โรม' ฉะแซงคิวแถลงข่าว ยืนยันไม่ใช้อภิสิทธิ์ เป็นความเข้าใจคลาดเคลื่อน

จากรายงานข่าวที่นายรังสิมันต์ โรม ส.ส.บัญชีรายชื่อพรรคประชาชน กล่าวตำหนินายภราดร ปริศนานันทกุล รองประธานสภาผู้แทนราษฎรว่าแซงคิวแถลงข่าวที่ห้องแถลงข่าวของสภาฯ

ผลสำรวจชี้ คนไทยกระเป๋าฉีกพบมีหนี้สิน 20-50%ของรายได้ แถมเสี่ยงถูกเลิกจ้างสูง

สวนดุสิตโพล มหาวิทยาลัยสวนดุสิต สำรวจความคิดเห็นประชาชนทั่วประเทศ เรื่อง “คนไทยกับความยากจน หนี้สิน และการเลิกจ้างงาน” ระหว่างวันที่ 15-19 กรกฎาคม 2567 กลุ่มตัวอย่างจำนวน 1,146 คน สำรวจผ่านทางออนไลน์และภาคสนาม

'ทักษิณ' ประกาศลุยเต็มสูบช่วยงานรัฐบาลหลังสิงหาคม

'ทักษิณ' เยือนสุรินทร์ บวชพระใหญ่ 334 รูป ถวายเป็นพระราชกุศลในหลวง ถ่อมตัวจากไทยไป 17 ปี ปราศรัยไม่ค่อยเป็นแล้ว แต่หวังคนไทยหลุดบ่วงหนี้สิน แย้มหลังสิงหาคม​ รัฐบาลโชว์ผลงานเป็นรูปธรรม

รัฐบาลยังไม่ส่งข้อกฎหมายเปลี่ยนสัญญาซื้อเรือดำน้ำ​ให้​กฤษฎีกา​

ที่ทำเนียบรัฐบาล นายปกรณ์ นิลประพันธ์ เลขาธิการคณะกรรมการกฤษฎีกา กล่าวถึงกรณีเปลี่ยนแปลงสัญญาการจัดซื้อจัดจ้างเรือดำ ว่า​ ข