เปิดใจหนุ่มหน้าใส 'มิก มณฑล' กับแง่มุมที่หลายคนยังไม่เคยรู้!

ถือเป็นน้องใหม่ไฟแรงอีกคนของวงการบันเทิงเลยทีเดียว สำหรับหนุ่มหน้าใส มิก-มณฑล วิเศษสินธุ์ จากซีรีส์ "ทุกๆเธอที่รัก" Every you , Every me the series ทางช่อง GMM25 ที่ตอนนี้กำลังเข้มข้นเรียกได้ว่าพาคนดูทั้งเศร้าน้ำตาพรากไปจนถึงฟินจิกหมอน โดยเจ้าตัวได้มาเปิดใจถึงทุกๆแง่มุมในชีวิต

"มิกมีผลงานมา 3 เรื่องแล้วครับ เมนูลับฉบับแย้มยุ้ย, My Universe The Series ตอน บัง(ไม่)เอิญ แล้วก็ล่าสุดเลยที่กําลังออนอยู่ ทุกวันอาทิตย์ "ทุกทุกเธอที่รัก" Every you , Every me the series ฟีดแบคก็ดีครับมีแฟนคลับเข้ามาเยอะมากโดยเฉพาะอินเตอร์แฟนคือจากหลากหลายประเทศเลยทั่วโลกครับ มีตะวันออกกลางก็มา ทางอเมริกาก็มา แอฟริกายังมีเลย โหทั่วโลกจริงจริงครับ ขอบคุณแฟนๆทุกๆคนเลย ตอนนี้ก็มีไปเรียนภาษาจีนเพิ่มด้วย แล้วก็มีภาษาอื่นๆที่เราเรียนคำที่ใช้บอกแฟนๆเพื่อขอบคุณพวกเค้าที่ซับพอร์ตเรา เพราะแฟนๆหลายประเทศที่ไม่ได้พูดภาษาอังกฤษเราก็อยากคุยกับเขา ก็อยากฝึกพูดคําง่ายๆได้แบบขอบคุณนะครับ รักนะครับ อะไรอย่างนี้ อย่างตอนนี้มิกอยู่ห้องก็จะฝึกคัดฝึกอ่านภาษาจีน แล้วก็มีเรียนกับครูจีนแทบทุกวันเลยครับหลังเลิกงาน"

"ทุกๆเธอที่รัก" คือชาเลนจ์ครั้งใหญ่ของมิก

“ถ้าจะเปรียบก็เหมือนหนัง 5 เรื่องที่มารวมกันอยู่ในซีรีส์เรื่องเดียว ก็เลยมีครบทุกรสเลย แต่ละเรื่องก็จะมีสไตล์คนละแบบกันครับ ยากมากๆ เพราะมันคือ 5 ตัวละครที่เราต้องเล่นเป็นคน 5 คน จากพนักงานออฟฟิศ มาเป็นเด็กจบใหม่ เป็นช่างซ่อมรถ เป็นศิลปินวาดภาพอะไรแบบนี้คือมันต่างกันมากๆ ก็เป็นชาเลนจ์ที่สุดแล้วตั้งแต่เล่นซีรีส์มาครับ แต่ดีที่เวลาถ่ายเราถ่ายทำกันทีละตอนครับ ถ่ายตอนนี้เสร็จแล้วก็จะปิดไปถ่ายตอนใหม่ มันอยู่ที่เรื่องโลเคชั่นด้วยครับ อย่างตอนแรกโลเคชั่นก็จะเป็นเน้นที่การถ่ายที่ออฟฟิศ พอมาโลเคชั่นเรื่องอื่นๆก็จะเปลี่ยนไปเรื่อยๆ

เรื่องนี้มิกได้เล่นหลายบทบาทมาก มีดราม่าด้วย ร้องไห้หนักมากเพราะเราต้องสูญเสียคนรัก ยากมากสําหรับมิกก็ตอนแรกก็เล่นไม่ได้ คิดไม่ออกเหมือนกันว่าจะทํายังไง แต่ว่าพอเวิร์คชอปไปเรื่อยๆแล้วก็เรียนรู้ตัวละครมากขึ้น ก็เลยเริ่มเข้าใจแล้วว่าการสูญเสียสิ่งที่ตัวเองรักมากที่สุดมันเป็นยังไง จริงๆทางซีรีส์ก็จะมี workshop ของเขาเองอยู่แล้ว ให้เราเข้าไปรู้จักกับตัวละครมากขึ้น ไปเรียนรู้ background ตัวละครไปรู้นิสัยเขา ก็ทําให้มิกรู้จักตัวละครมากขึ้น แล้วมีไปเรียนแอคติ้งเองด้วย ไปหาครูสอนแอคติ้งส่วนตัวที่ทำให้เราสามารถพัฒนาสกิลขึ้น ก็เลยได้เรียนรู้ควบคู่ไปด้วยกัน ทําให้สุดท้ายตอนถ่ายซีรีส์ก็ทําออกมาได้ตรงใจผู้กำกับ

ถ้าถามว่ายังมีอะไรที่อยากไปแก้ไขไหม ก็มีบ้างบางซีนที่เราคิดว่าเราน่าจะทำได้ดีกว่านี้ คือเหมือนไม่ใช่ซีนหลักของเราเราต้องอยู่ไกลๆเป็นแบคกราวน์เบลอๆ แต่เราก็มาดูว่าเอ๊ยตอนเป็นไอ้วุ้นวุ้นเบลอเบลอนั้นน่ะเราก็ต้องเล่นนะ เรื่องของสีหน้าก็สําคัญเหมือนกัน รู้สึกว่ามิกโชว์อารมณ์บนหน้าได้ไม่เยอะมาก คนเราก็จะมีหน้ายิ้มหัวเราะเศร้าอะไรอย่างงี้ แต่ว่าการเป็นนักแสดงมันต้องมากกว่านั้น เรื่องการพูดด้วย เหมือนเด็กยุคใหม่หลายคนจะพูดคําไม่ค่อยชัด พูดเร็ว ทําให้บางทีก็ฟังไม่ค่อยเคลียร์เท่าไหร่ คุณครูที่สอนก็บอกเหมือนกันว่าเด็กเจนนี้จะเป็นกันเยอะ ซึ่งมิกดูผลงานทุกซีน ดูหลายรอบด้วยครับ ก็เก็บเกี่ยวพัฒนาไปเรื่อยๆ มิกว่าอะไรแบบนี้มันจะมากับประสบการณ์เรื่อยๆครับ”

NC กับบทบาทที่โตขึ้น...

“ฉาก NC คนบอกไม่ค่อยเห็นมิกเล่นแบบนี้ ก็ใช่ครับ เพราะว่าเราโตขึ้นด้วย ก่อนหน้านี้บทบาทเรายังเด็ก ยังอยู่ในรั้วมหาวิทยาลัย แต่เรื่องนี้มันคือความสัมพันธ์ของผู้ใหญ่ ก็เป็นเรื่องปกติที่มีการแสดงความรักในรูปแบบที่โตขึ้น ซึ่งเราไม่ได้ขาย NC หนัก ก็ไม่ได้ยากครับ มิกมองว่ามันเหมือนคิวบู๊เพราะมันต้องมีบล็อกกิ้ง มีการเซฟกัน ยิ่งเราอินกับตัวละคร พอเรารักคนคนนึงมาก รักไปจนถึงจุดๆนึงของความสัมพันธ์มันก็ต้องมีเรื่องพวกนี้เกิดขึ้น ซึ่งเราแฮปปี้กับมัน”

“ท็อป” (ปิยวัฒน์ พงศ์คณิตานนท์) คือพาร์ทเนอร์ที่ช่วยซับพอร์ตกัน

“กับพี่ท็อป รู้จักกันมานานแล้ว เจอกันตั้งแต่งานเดินแบบสองปีที่แล้วก็เลยทําให้สนิทกับพี่เค้าแล้วครับ เคยอยู่ค่ายด้วยกันด้วย ก็มีการไปเที่ยวไปทำกิจกรรมหลายอย่างๆของค่ายด้วยกัน ถ่ายคลิปถ่ายคอนเทนต์ด้วยกัน มันทําให้สนิทเป็นพี่ที่นับถือคนนึงเลย คุยได้ทุกเรื่องเลย ทําให้ไม่มีปัญหาในการทํางาน แล้วยิ่งเคยเล่นซีรีส์มาด้วยกันแล้วมันทําให้เรารู้จังหวะกันมากขึ้น ทําให้รู้ว่าพี่เค้าจะส่งอะไรมาแล้วเรารับอะไรแบบไหนกลับไป พอมาถึงเรื่องนี้เราทั้งคู่เลยสามารถมาโฟกัสกับบทได้อย่างเต็มที่โดยที่ไม่ต้องห่วงว่าแบบอีกคนจะทําได้มั้ย จะเขินกันมั้ย เราไม่ต้องห่วงอย่างอื่นเลย ก็โชคดีที่ได้เล่นกับพี่ท็อป แล้วพีท็อปก็มีประสบการณ์ด้านการแสดงมาเหมือนกัน แล้วก็พี่ท็อปเล่นซีรีส์เก่ง”

หนุ่มวิศวะกับวงการบันเทิง

“มิกเพิ่งเรียนจบครับ จบวิศวะมา วิศวกรรมศาสตร์ อินเตอร์ จุฬาฯ เพิ่งจบหมาดๆครับ วิศวะเป็นเหมือนความรู้พื้นฐานที่ฝึกสมองฝึกสกิลต่างๆ ก็เก็บเป็นตรรกะให้เราแก้ปัญหาเฉพาะหน้าได้เก่งขึ้น แต่ว่าสิ่งที่มิกชอบก็ยังเป็นเรื่องของการแสดง เรื่องของงานศิลปะ การแสดงก็เป็นศิลปะอย่างหนึ่งที่มิกชอบมากๆ แล้วมิกมาเจอกับพี่แก้วผู้จัดการส่วนตัว พี่แก้วก็พามาแคสซีรีส์เรื่องแรก พอได้เล่นก็รู้สึกว่าเป็นอะไรที่เราชอบ สนุก เพราะเราเป็นคนชอบศิลปะงานอาร์ตทุกแขนง แล้วการแสดงก็คือศิลปะอย่างหนึ่ง ติดใจครับ ที่บ้านก็สนับสนุนเต็มที่ แล้วยิ่งพอได้มาเรียนแอคติ้ง ซึ่งแอคติ้งมันคือการรู้จักตัวเอง ก่อนที่เราจะไปเป็นคนอื่นได้เราต้องรู้จักตัวเองก่อน ก็เลยได้รู้จักตัวเองมากขึ้นว่าจริงๆแล้วเราเราชอบอะไร

อนาคตก็อยากพัฒนาด้านการแสดงไปเรื่อยๆ อยากได้บทบาทที่ท้าทายมากขึ้นอย่างเล่นพีเรียด แค่คิดว่าถ้าเราจะต้องอยู่ยุคที่ไม่มีโทรศัพท์มือถือก็คิดไม่ออกแล้ว ทุกคนเคยนึกไหมว่าเมื่อก่อนเรากินข้าวยังไงตอนที่ไม่มีโทรศัพท์ เพราะในยุคนี้หลายๆคนลืมไปแล้วว่าการกินข้าวแบบไม่โฟกัสการเล่นมือถือเป็นยังไง แล้วยิ่งการเล่นพีเรียดมันต้องย้อนกลับไปหนักกว่า แค่นึกภาพการกินข้าวแบบไม่มีโทรศัพท์ยังนึกยากเลย นึกไปสมัยที่รถยนต์ไม่มี ไฟฟ้าไม่มี สำหรับผมถือเป็นความท้าทายมาก”

หลงไหลในงานศิลปะทุกแขนง

“มิกชอบงานศิลป์มาก มิกชอบวาดรูปมาตั้งแต่เด็กๆแล้ว เวลาเหนื่อยๆอยากอยู่กับตัวเอง ก็จะเพ้นท์ผ้าใบ ก็มีเอาไปแจกแฟนคลับตอนงานวันเกิดบ้าง แต่ตอนนี้แทบไม่มีเวลาได้วาดเลยครับ ทำงานตลอด แล้วที่ชอบอีกอย่างคือชอบสะสมงานศิลป์ ชอบไปดูงานของศิลปินต่างๆ ชอบไปศึกษาแรงบันดาลใจจากเขา อาร์ตทอยก็ชอบ ศิลปินในไทยที่ชอบเลยถ้าเป็นยุคเก่าก็จะเป็นอาจารย์ถวัลย์ ดัชนี ก็จะมีเก็บผลงานของอาจารย์ไว้บ้าง ทั้งงานปริ้นแล้วก็งานงานออริจินัล เคยไปประมูลได้มาอันนึง แล้วก็ชอบผลงานของพี่มด-นิสา ศรีคำดี เจ้าของ Crybaby ก็เก็บอาร์ตทอยของพี่มดไว้เยอะ แล้วก็ Mackcha ที่ครีเอทน้อง Chalotte ก็ชอบทั้งสองแนว ศิลปินต่างชาติก็ชอบ Banksy เป็นคนที่ทำศิลปะ Graffiti ที่ไม่มีใครรู้ว่าเขาเป็นใคร เป็นภาพวาดสะท้อนสังคม เกี่ยวกับสงคราม เรื่องเชื้อชาติอะไรพวกนี้ครับ อีกคนที่ชอบก็ Basquiat คนนี้จะเป็นแนว Abstract จริงๆน้ำหอมก็ชอบ น้ำหอมก็เหมือนงานศิลป์เหมือนกัน ฟังเพลงก็ชอบครับ ชอบเพลงอินดี้ ถ้าในไทยก็ชอบวง HYBS ถ้าต่างประเทศชอบ Daniel Caesar ครับ”

กีฬากลางแจ้งคือที่สุดในใจ!

“กีฬาก็เป็นงานอดิเรกอย่างนึง ชอบออกกําลังกายมาก แล้วก็ชอบอะไรที่มันท้าทายครับก็เลยจะชอบกีฬาเอ็กซ์ตรีม มิกจะเล่นเวคบอร์ด ปีนเขา เล่นเซิร์ฟ แล้วก็ชอบดำน้ำ ใครรู้ก็แปลกใจนิดนึง เพราะเราดูไม่เหมือนคนชอบกีฬาเอ็กซ์ตรีม เพราะต้องอยู่กลางแดดทั้งวัน แต่เวลาเล่นก็คือโพกผ้าพันเป็นมัมมี่เลย ใส่แขนยาวขายาว แต่ชอบมาก ชอบทะเลด้วย อย่างลงไปภูเก็ตทีเดียวได้ทำหมดเลยทั้งปีนเขา ดำน้ำ”

ฝากผลงาน
"ฝาก "ทุกทุกเธอที่รัก" Every you , Every me the series ด้วยนะครับ ตอนสุดท้ายต้องติดตามเลย เพราะมันคือบทสรุปของเรื่อง ว่าทําไมมันถึงต้องมี 5 ตอนในเรื่องเดียวกัน แต่ละเรื่องสื่อความหมายอะไร ทําไมการเดินทางของแต่ละเรื่องต้องเรียงแบบนี้ แล้วมันจะจบยังไง ต้องไปดูว่าทำไมถึงเป็น "ทุกๆเธอที่รัก" แล้วก็ฝากติดตามผลงานต่อๆไปของมิกด้วยนะครับ และไปพูดคุยกันได้ที่ IG : mickmonthon ครับ"