'ณวัฒน์' ฟาดยับ! ปมยกเลิกทีมกัมพูชาเป็นเจ้าภาพจัดประกวด

ณวัฒน์ อิสรไกรศีล ประธานและผู้ก่อตั้งเวทีมิสแกรนด์อินเตอร์เนชั่นแนล ได้แถลงข่าวด่วน ถึงกรณีที่ยกเลิกการประกวดมิสแกรนด์อินเตอร์เนชั่นแนล ที่กัมพูชา ก่อนพานางงามบินกลับมาเริ่มต้นการประกวดใหม่ที่ไทย  โดยเจ้าตัวยอมรับว่ารู้สึกผิดหวังและเสียเวลามาก

“สาเหตุมาจากที่เมียนม่ายกเลิกจากปัญหาความไม่มั่นคง เราก็เลยไปถามประเทศในสมาชิก ก็จะเป็นญี่ปุ่นแต่มีปัญหาเรื่องโรงแรม ทางนี้เขาคิดว่าเขาทำได้ เราก็เลยบอกว่างั้นทำไปครึ่งหนึ่ง ค่าใช้จ่ายมันก็จะถูกหน่อย ก็เลยให้เขาทำเพราะเรารู้จักเขามาประมาณสองปี  เอาจริงๆ เรื่องค่าใช้จ่ายก็เยอะอยู่ อันนี้ยอมรับ แต่เราได้คุยกัน ได้เซ็นสัญญากัน มีสัญญาเป็นเอกสารชัดเจนว่าเขาต้องทำอะไร และเรามีสัญญาด้วยว่าถ้าไม่สามารถหาได้ตามที่เราตกลงเขาจะต้องเสียค่าปรับ จริงๆ เขาต้องเสียค่าปรับ แต่ผมไม่ได้อยากได้เงินของเขา ออกมาได้ก็บุญแล้ว

ตอนที่ไปทำงานมันไม่ได้อย่างที่คิดเลย สเต็ปแรกเมื่อนางงามไปถึงต้องมีแบคดรอป มีไวนิวที่แอร์พอร์ต มีการรักษาความปลอดภัย  แต่ไม่มีอะไรเลย ขออะไรเพิ่มก็ไม่ได้ ก็อ้างเป็นวันหยุดบ้าง ที่นี่ต้องเตรียมล่วงหน้าบ้าง คือก็รู้อยู่แล้วว่าเราจะมาเมื่อไหร่ มีการคุยกันเป็นเดือนสองเดือน ปกติเป็นธรรมเนียมต้องมีป้ายไวนิวต้อนรับที่แอร์พอร์ต มีสัมภาษณ์นางงาม ซึ่งไม่มีเลย ผมค่อนข้างที่จะโกรธ ไวไฟให้เตรียมไว้แบบสปีตสูงเพราะต้องถ่ายทอดสด แต่ที่มีมันกระตุกตลอดจนผมต้องสั่งว่าให้เลิกถ่าย มันไม่มีความพร้อมก็อดทน อย่างของสื่อต้องพักโรงแรมแมริออท มี 20 กว่าห้อง สุดท้ายก็ไม่ได้พัก ต้องให้สื่อมาพักอีกโรงแรม ทุกอย่างมีการตกลงกันไว้ก่อน เราทำงานมีแผนงานที่ค่อนข้างดีมาก แต่ก็ไม่ตามนั้น 

ในวันแถลงข่าว เราตกลงชัดเจนว่าเราต้องการลีมูซีนคันยาวเพื่อส่งนางงามหน้าตึก เพื่อให้เป็นภาพที่สวยงาม ปรากฏว่าวันก่อนหน้านั้นเตือนก็บอกว่าได้เดี๋ยวจัดให้ จนบ่ายโมงที่ผมอาละวาทในห้องอาหาร เหลืออีก 2 ชั่วโมงงามจะเริ่ม ยังไม่เห็นแบคดรอปสักอันเดียว เหนื่อยมาก เรียกมานั่งคุย 4-5 คน ทำไมถึงทำไม่ได้ ทำไมถึงทำไม่เสร็จ โอเคออกไปทำให้เร็วที่สุด เขาก็ออกไปทำอย่าชุ่ยมา แบคดรอปเหมือนที่กั้นส้วมข้างหลังกันกระดกด้วยหินกับถังน้ำ อายมาก โคตรอายเลย ปัญหาคือเขาโกหกจนติดเป็นนิสัย ผมไม่ได้บอกถึงคนกัมพูชานะครับ เฉพาะบริษัทที่เข้ามาทำงาน โกหกเป็นไฟ เรื่องงานเราคุยกันมาเป็นเดือนถึงขั้นตอนต่างๆ ประธานคือรมต.การท่องเที่ยว จนจะถึงงานยังไม่มา แขกในงานผมบอกขอเยอะๆ เขาบอกไม่มีปัญหา สรุปในงานวันนั้นแขกมา 20 คน ผมอายมาก รีบไปเกณฑ์ช่างหน้าช่างผม พวกขนน้ำขนของผมเอามานั่งปนๆ ไปเพื่อให้ภาพลักษณ์มันดูดี โม้อีกสื่อทุกแขนงของกัมพูชาจะมางานนี้ทั้งหมด ไม่มี ที่แอร์พอร์ตก็ไม่มีสื่อ อาจจะมีกล้องของตัวเองมาเก็บภาพ แล้วพอจะแถลงข่าวไปถามว่ารัฐมนตรีอยู่ไหนเขาบอกว่าไม่มา แต่เมื่อกี้ยังคอนเฟิร์มอยู่เลย ถามทำไมถึงไม่มี เขาบอกว่าเข้าใจผิดเดี๋ยวมางานกาล่าทีเดียว แต่ผมไม่เชื่อผมว่าเขาไม่ได้เชิญ แต่เขาไปอ้างว่ารัฐมนตรีเข้าใจผิด ผมก็เอาให้มันจบไป

พอถึงงานกาล่า ทำเวทีก็ไม่ทัน ทำอะไรก็ไม่ได้ ผมมีภาพหมด พวกผมไปทำเวทีกันเอง เขาบอกว่างานกาล่าคนจะเยอะมาก เพราะว่ามาไม่ทันตอนบ่าย สรุปมาไม่ถึง 10 คน ที่นั่งโต๊ะผมคือครอบครัวเขาที่มา รัฐมนตรีก็ไม่มา เขาเป็นคนสิ้นคิด ผมไม่กลัวหรอกจะฟ้องก็ฟ้องเลย โง่มาก โครตโง่เลย ผมไม่เคยให้คำนี้กับใครนะ เขาเป็นคนทำงานที่ไร้ซึ่งความคิดเลย ไร้ความรับผิดชอบ โอเคผมก็ทนให้มันจบๆ ไป

ที่ทนไม่ไหวจริงๆ คือวันที่ไปล่องเรือ นั่นคือปัญหาที่หนักมาก เขาบอกว่าท่าเรืออยู่ไม่ไกล แต่ผมมีลางสังหรณ์ก็เลยไปก่อน นึกว่าใกล้เกือบครึ่งชั่วโมง แล้วเขาก็โทรมาบอกว่าให้บอกนางงามไม่ต้องไปดีกว่าเดี๋ยวเราไปหาร้านอาหารกินกัน สบายกว่า เพราะเรือฝนมันตก มันลื่น สกปรก ดูไม่ดี  ทีมงานเราบอกว่าไม่ได้ยังไงก็ต้องลงเรือ ทุกคนกำลังตามมา เราต้องไปที่ท่าเรือ จะมาเปลี่ยนกระหันหันแบบนี้ไม่ได้ เขามากล่าวหาผมว่าเปลี่ยน เขานะโคตรเปลี่ยนเลย พอถึงท่าเรือซึ่งเป็นลานกว้างๆ ทุกคนถึงหมดแล้ว นางงามก็ถึงแล้ว โทรไปหามันว่าอยู่ไหน เขาบอกอยู่กลางแม่น้ำ เราก็ถามไปทำไม เอาเรือกลับมา ออกเรือไปทำไม สักพักสัญญาณโทรศัพท์ก็ขาดไป  ทุกคนโทร.หาเขาเหมือนคนบ้า แต่ไม่รับสายใครเลย ไม่ใช่ไม่มีสัญญาณ แต่เขาไม่รับ เรามีหลักฐานทุกอย่าง เขาก็ได้แค่ส่งหมุดมา ส่งเทเลแกรมมาว่าอยู่กลางแม่น้ำจริงๆ นางงามเราอยู่ริมตลิ่ง แต่ก็ไม่เข้ามา ติดต่อก็ไม่ได้ นี่คนบ้าหรือคนดี เหตุผลคืออะไรเราก็ยังหาเหตุผลไม่ได้ สรุปหาเรือไม่ได้ เราก็อาย เราก็บอกให้ทุกคนกันสื่อกันนางงามไว้อย่าให้รู้เยอะ ผมก็วิ่งเหมือนหมาบ้า ไปถามชาวบ้านว่าอยากได้เรือ ก็เลยได้เรือลำนั้นมา เป็นเรือที่ผมคิดเอง ก็ต้องแก้ผ้าเอาหน้ารอด ไม่รู้จะทำยังไง เราก็ขึ้นไปกะว่าถ่วงเวลา แล้วก็จะหาอาหารมา

เขาเหมือนปล่อยเราไปเพียงลำพัง เราเลยคิดว่าต้องมาคุยกันล่ะ เรียกมาคุย ทีมงานเขามันเกินเยียวยา ก็มาถึงโรงแรมเกือบเที่ยงคืน พอมาถึงก็จากหน้ามือเป็นหลังตีน  จากคนที่เหมือนจะพูดกันรู้เรื่อง มาถึงก็คือมาเป็นทีม พอเราพูดก็ถูกชี้หน้าด่าหาว่าเราโกหก พอเราถามว่าไปอยู่ทำไมกลางแม่น้ำ มันก็ไม่ตอบ การ์ดก็อารมณ์ขึ้น ผมก็ขึ้น แล้วทุกคนก็บอกให้ลง เพราะไม่มั่นใจว่าการ์ดมีปืนหรือเปล่า ผมมั่นใจว่าเขามีอาวุธ แล้วถ้าคุกคามกันแบบนี้เราอยู่ไม่ได้ ผมก็บอกเขาว่าจะคุยกับเราดีๆ หรือจะเอาการ์ดไว้ เพราะเอาคนนี้ไว้คนอื่นไม่ได้พูดเลยนะ เราถามอะไรเขาคนนี้จะด่าเรา อาการมา หน้ามึน เราก็เลยบอกว่าเอาคนนี้ออกไปเราจะคุยกัน เขาอบกว่าไม่ ไม่อนุญาตให้ออกไป ต้องอยู่ตรงนี้ เราก็เลยบอกว่างั้นจบแค่นี้ นั่นคือการตัดสินใจยุติทุกอย่าง เราแจ้งเขาเลยว่าหยุด เราจะกลับบ้าน 

สิ่งที่เลวร้ายกว่านั้นคือเขาโพสต์ว่าจะขอยุติการเป็นเนชั่นแนล ไดเรกเตอร์ ตกลงใครเป็นเจ้าของ MGI วะ คนที่มีสิทธิจะยุติสัญญาคือบริษัทใหญ่ ไม่ใช่มาสะเหล่อ ก็ดีปีหน้าเขาจ่ายเงิน เราก็ฮุบเงินเลย เขาเรียกว่าโง่ ไปขึ้นศาลโลกยังได้เลย เขายกเลิกเอง เป็นความพร้อมใจ เพราะว่า 2 บริษัทนี้ผมเก็บ 3 ปีรวดเลย เพิ่งใช้สิทธิ์ได้แค่ 2 ปี แล้วปีนี้ก็ไม่สมบูรณ์ ก็ไม่เป็นไร ประหยัดดี พอวันรุ่งขึ้นให้สมุนอีก 10 คนมาดักรอ เหมือนคนบ้าอยู่ตามล็อบบี้ พอนางงามลงมาก็จะเข้าชาร์ต ให้นางงามพูดว่าบริษัทเขาดูแลดีขนาดไหน ให้ชมบริษัทตัวเอง ทุเรศ ที่บ้านเรียกอุบาทว์ ไม่รู้จะเรียกว่าอะไร คือน่าเกลียด จนต้องบอกทีมงานให้ไปดึงนางงามกลับมา แล้วยังวิ่งมาตามอัดคลิปนางงามอีกนะ มันบ้าหรือเปล่า

แล้วก็ไปยกเลิกห้องทั้งหมด เลยเป็นเหตุให้สื่อโดนเคาะห้องตอนเช้า เขาไม่ให้อยู่ต่อ และไม่มีอะไรเหลือให้เราเลยสักชิ้น ผมออกจากโรงแรม 6 โมงเช้า ก็ไปเรียกรถ เก็บกระเป๋ากันเอง ก็กลับกันมาก่อนเพื่อจะมาเคลียร์งานล่วงหน้าต่อ ที่เหลือเราจัดการเองทั้งหมดโดยไม่มีการเหลียวแล ขาดความรับผิดชอบ ขาดการพัฒนา ทอดทิ้งคน 70 กว่าประเทศ คนแบบนี้ใครอยากทำงานด้วยก็คิดเอา เราอึดอัดมาก ลำบากมาก ไม่มีอะไรเลยที่จะทำให้เรารู้สึกถึงความสุขของคนที่มาประกวดเลย ซึ่งพอเปลี่ยนมาเป็นของเรามันไม่มีปัญหาอยู่แล้ว เราสามารถเสกได้ในพริบตา

เรื่องไข่ข้าวไม่อยากให้พูดเยอะ มันเป็นเรื่องวัฒนธรรม อันนั้นเป็นประเด็นเล็ก ประเด็นหลักคือแขกมาเยือน นี่มันเรื่องธุรกิจ ถ้ามีความเป็นมืออาชีพสักนิด คุณจะไม่มีวันทำเราทุเรศขนาดนี้ ทุกอย่างเราซื้อเองหมด ถามว่าเราตัดสิทธิ์เขาตลอดชาติเลยไหม คือเขาตัดสิทธิ์เราก่อนครับ และเรื่องที่ไอ้เด็กเมื่อวานซืนมาชี้หน้าผมก็เรื่องจริง อายุไม่เกิน 25 ก็ไอ้ทีมงานที่ไปรับนี่แหละ  

วันนั้นหมดค่าตั๋วไปเกือบล้าน สายการบินไหนว่างก็เอาหมด นางงามบอบช้ำกับการบริการของบริษัทนี้มาก ไม่ได้พูดถึงประเทศนะครับ หลายๆ คนมาถึงไทยถึงกับร้องไห้กันเยอะมาก และมิสแกรนด์จากคอสตาริกาเป็นซึมเศร้าอยู่ พ่อแม่เขาก็ตามมาดูแลลูกเขาด้วย มาเจอแบบนั้นยิ่งดิ่ง ถามว่ากลัวจะมีปัญหาระดับประเทศไหม มันเป็นสไตล์เขาอยู่แล้ว สู้ด้วยความสามารถไม่ได้ก็ปั่น ผมไม่กลัว เพราะผมทำดี คิดดูว่าผมยังไม่ทันออกจากประเทศเลย มีคนมาขอซื้อลิขสิทธิ์แล้ว เป็นอีกบริษัทในกัมพูชานี่แหละ  

จากนี้การเลือกเจ้าภาพเราต้องคิดหนักเลย ไม่กล้าเชื่ออย่างเดียวแล้ว คราวหน้าต้องเก็บมัดจำเพิ่ม ถ้าทำไม่ได้ตามที่บอกจะต้องยึดเงิน เพื่อเป็นการรับประกัน เราก็เอาเงินนี้ไปทำเอง ตอนนี้เรากลับมาจัดที่ไทยแล้ว ไม่มีปัญหาเลยครับ เสียเงินไม่ว่า เสียหน้าไม่ได้ รอบสำคัญยังวันเวลาเดิมครับ รอบพรุ่งนี้จะเป็นแกรนด์ วอยซ์ อวอร์ด ตอนเย็นก็พาไปทานอาหารค่ำ วันที่ 10 จะมีแถลงข่าวตอน 6 โมงเย็นที่เอ็มสเฟียร์ จากนั้นวันที่ 11-16 เราจะไปเก็บตัวที่พัทยากัน รอบชุดว่ายน้ำก็คงจะเป็นที่นั่น และเราจะพานางงามไปดูหมูเด้งวันที่ 12 นี้ครับ และจะมีการประกวดรอบตัดสินที่ เอ็มจีไอฮอลล์ บราโว่ บีเคเค ในวันที่ 25 ต.ค. “