ผ่าวิกฤติชีวิต 'หลิว อาจารียา' โร่ปรึกษาจิตแพทย์ ใช้ยา-สมาธิบำบัด

"หลิว อาจารียา" เจ้าของเพลงฮิตตลอดกาล "สะใภ้นายก" ช่วงหลังเฟดออกจากวงการเพลงเพราะเจอคลื่นลูกใหม่แจ้งเกิดแซงหน้ามากมาย จนถึงขั้นจิตตกปล่อยซิงเกิลมาทีไรก็เงียบสนิทศิษย์ส่ายหน้า ล่าสุดเปิดใจผ่านรายการดัง "โต๊ะหนูแหม่ม" เล่าลึกสุดใจเจอวิกฤติชีวิตปลงตก ถึงขั้นต้องโร่พบจิตแพทย์เลยทีเดียว

"ที่หายไปช่วงหนึ่ง เพราะเราคิดหนักก่อนหน้านี้เคยดังแล้วก็หายไปรู้สึกว่ามันหมดแพชชั่น เพราะว่าเราทำงานเพลงมาเยอะ อยู่ในวงการนี้มาเกือบ 20 ปี แล้วเราก็รู้สึกว่าพอออกเพลงอะไรมาหลังๆมันก็ไม่ดังเหมือนเมื่อก่อน เลยคิดว่าหรือว่าเราไม่เหมาะนักสำหรับวงการนี้หรือเปล่า? คิดว่าหรือเค้าไม่อยากฟังกันแล้วหรือเปล่า

คือเราเจอมาหลายอย่าง อาจจะรวมไปถึงเจอในช่วงที่เพลงเราไม่ดัง ไม่เหมาะกับวงการนี้ จนบ้างทีนอนไม่หลับเลย มันก็ส่งผลต่อสุขภาพ มันเป็นแบบนี้อยู่เกือบปีที่ร่างกายเป็นแบบนี้ มันรู้สึกว่าไม่เวิร์คก็เลยไปหาหมอดีกว่า ไปหาหมอจิตแพทย์ ไปคุยกัน และหมอก็ให้กำลังใจให้คำแนะนำว่าเรายังไม่ถึงเป็นขั้นโรคซึมเศร้า แต่หมอก็จัดยา ให้ยาเรามากินแบบว่าให้มีความสุขมากขึ้น และนอนหลับได้มากขึ้น เราก็เอามากินได้ 2อาทิตย์ ปรากฏว่ามันก็ดีขึ้น นอนหลับได้มากขึ้น ไม่ฟุ้ง มีเวลาหลับมากขึ้น หลังจากนั้นก็ไม่ได้ไปหาหมอต่อเลย เราเปลี่ยนมาใช้ในเรื่องของการจัดการสมาธิแทน โชคดีที่เราสวดมนต์ นั่งสมาธิ นั่งกรรมฐาน มันช่วยได้มากคืออย่าง หนึ่งคือมันลดอัตตาตัวตน สองอยู่กับปัจจุบัน มันก็เลยแบบว่าไม่เป็นทุกข์ ละได้

แพชชั่นในการทำ ตอนแรกมันตกไปแบบว่าไม่อยากทำงาน แล้วมีพี่คนหนึ่งที่เป็นครูสอนเต้น เค้าก็เข้ามาให้สติและบอกว่าเธอหยุดไม่ได้นะ เธอยังมีความสามารถอยู่อย่าทิ้งตรงนี้ ยังมีโอกาส ไปต่อซิ ไปเรียนเพิ่มเพื่อพัฒนาสกิลในการเต้น ไปวิ่งไปออกกำลังกาย เราเลยมีแพชชั่นกลับมา เค้าเป็นครูสอนเต้นเรามาตั้งแต่อัลบั้มแรก ชื่อพี่ไอซ์เป็นคนเต้นคู่ใจ และก็ขอบคุณคนรอบข้างที่เตือนสติเรา บอกว่าเราอย่าเพิ่งถอดใจ

ช่วงที่หายไป มีไปลงเรียนแจ๊สแดนซ์ ต้องบอกว่ายากมาก ยากที่สุด หลิวก็ไม่เชื่อว่าวัย30ปลายๆ ยังจะฉีกขาได้ แต่เราเองต่างหากที่ดูถูกตัวเอง พอเราตั้งใจจริงๆจะทำอะไรก็สำเร็จถ้าเราเชื่อว่าเราทำได้"