'ฟลอเรนซ์ พิวจ์' ขอพักร้อนชั่วคราว

ฟลอเรนซ์ พิวจ์ เป็นหนึ่งในนักแสดงหญิงที่มีงานชุกที่สุดในฮอลลีวูด แม้จะต้องทำงานอย่างเหนื่อยยาก และมีความคิดเห็นเกี่ยวกับเธอที่แสดงถึงความเกลียดชัง แต่เธอก็ชอบงานของเธอ แต่ตอนนี้เธอแจ้งข่าวว่าจะขอหยุดพักร้อนชั่วคราว

ฟลอเรนซ์ พิวจ์ นักแสดงชาวอังกฤษวัย 28 ปีกำลังตระเวนทัวร์แถลงข่าวเพื่อโปรโมตภาพยนตร์เรื่องใหม่ ‘We Live in Time’ ของเธอ ซึ่งเธอแสดงร่วมกับแอนดรูว์ การ์ฟีลด์ นักแสดงวัย 41 ปี เมื่อปีที่แล้วพิวจ์ได้รับบทบาทเป็นส่วนหนึ่งของภาพยนตร์บล็อกบัสเตอร์ถึงสองเรื่อง ได้แก่ ‘Oppenheimer’ และ ‘Dune II’ จึงไม่น่าแปลกใจที่เธอให้สัมภาษณ์นิตยสาร Vogue อังกฤษว่า “ฉันเป็นคนบ้างานมาก”

แต่ปีนี้ เป็นครั้งแรกในการทำงานของเธอที่เธอประกาศขอพักร้อน “ฉันเหนื่อยจริงๆ ปีที่แล้วจู่ๆ ฉันก็ตื่นขึ้นมาและคิดว่า ฉันเกลียดที่ตัวเองพลาดอะไรในชีวิตไปมากมาย ใช่แล้ว ฉันอยากมีอาชีพการงานแบบนี้ไปตลอด แต่มันจะเป็นไปไม่ได้แน่ถ้าฉันทำงานจนตาย”

โดยเฉพาะการถ่ายทำภาพยนตร์เรื่อง ‘Dune’ ซึ่งต้องใช้ความพยายามอย่างมาก ออสติน บัตเลอร์-นักแสดงที่ร่วมงานกับเธอก็เห็นพ้องในเรื่องนี้ “มันเหมือนเราอยู่ในไมโครเวฟ” นักแสดงหนุ่มวัย 32 ปีเคยบอกกับนิตยสาร Entertainment Weekly ของสหรัฐฯ ในเรื่องเขารับบทเป็น ‘เฟย์ด เราธา’ วายร้ายหัวโล้น ในภาคที่สองของภาพยนตร์ดัดแปลงจากนิยายไซไฟของเดนิส วิลล์เนิฟ

ระหว่างการถ่ายทำมีคนเป็นลมเพราะคลื่นลมร้อนจัด พิวจ์ย้อนความถึงช่วงเวลานั้น อุณหภูมิในสถานที่ถ่ายทำอยู่ที่ 110 องศาฟาเรนไฮต์ (ประมาณ 43 องศาเซลเซียส) ภาพยนตร์เรื่อง ‘Dune’ ไปถ่ายทำในทะเลทรายหลายแห่ง ทั้งในจอร์แดนและอาบูดาบี

และการฉายรอบปฐมทัศน์ของภาพยนตร์เรื่อง ‘Oppenheimer’ ก็ส่งผลกระทบต่อพิวจ์เช่นกัน เนื่องจากฉากเปลือยกายของเธอในเรื่องมีคนกล่าวถึงในแง่ลบ “อินเทอร์เน็ตเป็นพื้นที่ให้คนแสดงความคิดเห็นอย่างใจร้ายมาก มันเจ็บปวดจริงๆ เวลาฉันอ่านเจอคนนินทาว่าร้ายเรื่องความมั่นใจหรือน้ำหนักตัวของฉัน ฉันรู้สึกไม่ดีเลย” เธอกล่าวกับ Vogue

แต่ไม่ว่าอย่างไรก็ตามเธอยังต้องการแสดงตัวตนในแบบที่เธอเป็นต่อไป “สิ่งเดียวที่ฉันอยากทำมาตลอดก็คือ การไม่โกหกหลอกลวงใครอื่นในสิ่งที่ไม่ใช่ตัวฉันเอง”

ส่วนผลงานภาพยนตร์เรื่องใหม่ ‘We Live in Time’ แนวโรแมนติกดรามา พิวจ์บอกว่าภาพยนตร์เรื่องนี้ผลักดันให้เธอกระตือรือร้นมากขึ้น ในการค้นหาความรักในชีวิตของเธอเอง กระตือรือร้นในการตัดสินใจและใช้ชีวิตอย่างแท้จริง “ฉันคิดว่าฉันอยู่ในวัยที่เหมาะสมสำหรับเรื่องนี้ ปีที่แล้วฉันต้องเจอเรื่องแปลกๆ มากมายเกี่ยวกับความสัมพันธ์ และฉันคิดว่าส่วนหนึ่งของเรื่องราวไม่ใช่การอยู่เฉยๆ ไม่ใช่การปล่อยให้เรื่องต่างๆ ครอบงำเรา ฉันอยากไปหาความรัก และอยากมีลูก”

ฟลอเรนซ์ พิวจ์กล่าวเสริมว่า ภาพยนตร์เรื่องนี้เปิดโอกาสให้ได้ไตร่ตรองว่าเธอควรแบ่งเวลาอย่างไร และใช้ชีวิตกับการทำงานมากขนาดไหน จนได้ข้อสรุปอย่างที่กล่าวมาข้างต้น เธอรู้สึกเหนื่อยและอยากพักร้อนชั่วคราว.