นักร้องลูกทุ่งสาวหล่อ แจ๋ม-พลอยไพลิน แววศรี ออกมาเคลียร์ชัดทุกประเด็น หลังถูกแฉว่าเป็นนักร้องลูกทุ่งที่ไม่ผ่าน ตม. กาหลี เพราะโกหกว่ามาเที่ยว แต่จริงๆ มีงานคอนเสิร์ต อีกทั้งยังโวยกับเจ้าหน้าที่ว่าตัวเองดังและเพิ่งได้รับรางวัลมา ทำให้ถูกวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนักในโลกโซเซีบล ซึ่งงานนี้เจ้าตัวยอมรับว่ากับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นรู้สึกกลัวและช็อคมาก ล่าสุดได้หอบหลักฐานและออกมาไลฟ์สดชี้แจงอย่างละเอียด
“จากกรณีดราม่าทางโซเซียลทั้งหมด แจ๋มมีการจัดจ้างคอนเสิร์ตจริงในเดือนกันยาน ประมาณวันที่ 29 แต่ตอนนั้นวีซ่าออกไม่ทัน เลยยกเลิกคอนเสิร์ตไป แล้วหลังจากนั้นประมาณต้นเดือนตุลา มีการว่าจ้างคอนเสิร์ตอีกรอบ โดยผ่านทางโบรกเกอร์ โบรกเกอร์แจ้งมาทางผู้จัดการว่าวีซ่าผ่านแล้วนะ คือโบเกอร์เป็นคนจัดทำวีซ่าให้ ถ้ามีคอนเสิร์ตที่เกาหลี แจ๋มจะรับอยู่ไหม ผู้จัดการแจ๋มก็รับไป ทีนี้พอรับงานไป มีการจองตั๋วเครื่องบินไปแต่ยังไม่มีการชำระเงินคอนเสิร์ตนะคะ ยังไม่มีการชำระเงินใดๆ
หลังจากนั้นสักพักหนึ่งมีข่าวเกิดขึ้นจากแอป X (ทวิตเตอร์) ว่าแบนเกาหลี ผู้จัดการก็ได้ถามทางโบรกเกอร์ไปว่า อยากให้สอบถามทางร้านมีปัญหาอะไรไหม ให้เช็กวีซ่าให้หน่อยว่าเป็นประเภทไหน พอผู้จัดการไปเช็กวีซ่าแจ๋มที่ออกมาเป็นวีซ่าท่องเที่ยว ไม่ใช่วีซ่าทำงาน ผู้จัดการก็เลยกลัว เลยขออนุญาตไม่เอาศิลปินไปทำงาน ขออนุญาตยกเลิกคอนเสิร์ต เพราะยังไงก็ไม่มีการจ่ายเงินอยู่แล้ว ทีนี้ทางร้านก็ยกเลิกคอนเสิร์ตไป แต่ประเด็นมันอยู่ตรงที่ มีการซื้อตั๋วเครื่องบินไปแล้ว หลังจากนนั้นทางร้านก็เลยฝากโบรกเกอร์มาอีกรอบว่าจะให้แจ๋มไปเที่ยวเฉยๆ ได้ไหม ทางผู้จัดการเห็นว่าพอไปเที่ยวเฉยๆ ไม่มีการจ้างคอนเสิร์ต ไม่มีการทำงานเกิดขึ้น เจ้าของร้านเป็นเอฟซีแจ๋ม ชื่นชอบแจ๋มเป็นพิเศษอยู่แล้ว ผู้จัดการก็เลยอนุญาตให้ไป แต่การสื่อสารไม่ได้ถึงแจ๋มโดยตรง เจ้าของร้านก็ไม่ได้คุยกับผู้จัดการแจ๋มโดยตรง ทุกอย่างผ่านโบรกเกอร์ทั้งหมด ผู้จัดการเห็นว่ามันไปเที่ยวเฉยๆ ก็เลยให้ไป แต่ผู้จัดการของแจ๋มเป็นคุณครู เขามีหน้าที่ต้องสอนเพราะโรงเรียนเปิดแล้ว ก็ไม่ได้ไปด้วย
แต่ประเด็นมันอยู่ตรงนี้ค่ะ ก่อนเดินทางไปเกาหลี แจ๋มมีคอนเสิร์ตที่ชลบุรี มีหลักฐานเพราะแจ๋มขออนุญาตไม่ถ่ายรูปกับแฟนคลับ เพราะแจ๋มมีขึ้นเครื่องตอนตีสามที่สุวรรณภูมิ พอแจ๋มเล่นคอนเสิร์ตเสร็จก็อาบน้ำแต่งตัวเดินทางไปสนามบินสุวรรณภูมิเลย พอไปถึงเช็กอินและขึ้นเครื่อง ระหว่างขึ้นเครื่องก็มีความเพลียจากการเล่นคอนเสิร์ต ก็ไม่ได้พูดคุยกับโบรกเกอร์ที่ไปด้วย ก็คือหลับ พอลงเครื่องมา เราไปต่อแถวที่ด่านตรวจคนเข้าเมือง โบรกเกอร์ให้ซองแจ๋มมาตอนเข้าแถวแล้ว พอแจ๋มเข้าแถว ก็ยื่นพาสปอร์ตให้เจ้าหน้าที่ สแกนนิ้วมือกับเจ้าหน้าที่ พี่ที่เป็นโบรกเกอร์บอกว่าให้เอาซองนี้วางไว้ข้างบน ถ้าพี่เขาจะอ่านพี่เขาเปิดอ่านเอง โดยแจ๋มไม่ได้เปิดอ่านเลย เพราะจังหวะนั้นแจ๋วเข้าแถวแล้ว แจ๋มก็วางไว้ พอถึงขั้นสแกนนิ้วเสร็จ พี่เจ้าหน้าที่ก็ยกมือเรียกผู้ชายหนึ่งคนพาแจ๋มไปเข้าห้อง ทีนี่ก็เข้าห้องเลยค่ะ
และในส่วนที่เข้าห้อง แจ๋มก็ไปนั่งรอแป๊บนึง แล้วพูดกันว่าซองนี้มีอะไร พอเข้าห้องปั๊บ แจ๋มก็มาเปิดดูว่าซองนี้มันมีอะไร ซองนี้เขียนชื่อแจ๋ม มีวีซ่าแจ๋มค่ะ เป็นวีซ่าท่องเที่ยว มีโรงแรมที่พัก ว่าไปที่ไหน แต่เอาตามความจริงแจ๋มอ่านไม่ออกค่ะ มันเป็นภาษาเกาหลี มีตั๋วบินไปกลับ บินไปวันที่ 28 กลับวันที่ 30 ในซองนี้จะมีประมาณนี้ พอเข้าไปในตม. แล้ว นั่งรอสัมภาษณ์ค่ะ ตอนสัมภาษณ์ตรงนี้สำคัญค่ะ เขาสัมภาษณ์โดยการยกหูโทรศัพท์ แล้วพี่เจ้าหน้าที่ตม. พูดเป็นเกาหลี มีล่ามแปลภาษาให้เราในโทรศัพท์ ทุกคำถามคำตอบก็ถูกแปลโดยล่าม
โดยคำถามมีอยู่ว่า คุณมาเกาหลีทำไม แจ๋มก็บอกว่ามาเที่ยว มาช้อปปิ้ง มาท่องเที่ยว เขาก็ถามว่าคุณมากับใคร ก็บอกว่าเพื่อนสองคน เขาถามว่าเพื่อนของคุณชื่ออะไร บอกชื่อไปเป็นภาษาไทย แต่เขาถามชื่อจริงกับนามสกุล แจ๋มก็จำได้แค่ชื่อจริงเพื่อน จำนามสกุลไม่ได้ เขาถามคุณทำอาชีพอะไร แจ๋มบอกแจ๋มเป็นนักร้อง เขาเลยถามว่าเป็นนักร้องแบบไหน ก็เลยบอกว่าเป็นศิลปินค่ะ เขาถามรายได้อีกต่อเดือนเท่าไหร่ แจ๋มก็ตอบตามความจริง เขาก็ถามอีกว่าเป็นนักร้อง เป็นศิลปิน เหมือนมีคำว่ายูทูป ก็เลยเสิร์จชื่อตัวเองส่งให้พี่เขา พี่เขาก็เลยให้ล่ามแปลว่าคุณเคยออกรายการทีวีไหม ตรงนี้มันรวดเร็วมาก ตั้งสติไม่ทัน นึกไม่ออกจริงๆ ว่าเคยออกรายการทีวีมั้ย แจ๋มจำไม่ได้จริงๆ มันช็อต เอ๋อไปเลย
(ในข่าวบอกว่าไปอวดว่าเป็นนักร้องดัง) ไม่เลยค่ะ การตอบแบบนี้ของแจ๋มเพื่อยืนยันตัวตนของแจ๋มว่าแจ๋มเป็นศิลปิน เหมือนพี่เขาถามว่าเป็นนักร้องเฉยๆ หรือเป็นศิลปินที่ดัง เราเลยพยายามยืนยันว่าเราเป็นศิลปินจริงๆ แล้วก็ฝากพี่ล่ามถามได้มั้ยล่าสุดหนูเพิ่งไปรับรางวัลของคมชัดลึกมา น่าจะเป็นช่องข่าวที่ใหญ่และน่าเชื่อถือของประเทศไทย เขาก็แปลให้แต่หนูไม่รู้นะว่าเขาแปลอะไร ไม่รู้เขาแปลแบบไหน หลังจากนั้นพี่เจ้าหน้าที่ก็ลุกขึ้นแล้วเดินออกไปแป๊บหนึ่งแล้วเดินกลับเข้ามา แล้วพี่ล่ามก็บอกว่าต่อไปจะเป็นคำตัดสิน ตัดสินก็คือถ้าคุณจะมาเที่ยวที่เกาหลีคุณต้องรู้แหล่งท่องเที่ยวที่ชัดเจน รู้ชื่อสถานที่ที่จะไปท่องเที่ยว ต้องรู้ว่าคุณพักที่ไหน ที่สำคัญคุณตอบไม่ได้เลยว่าเพื่อนคุณชื่ออะไร เพราะเขาถามชื่อจริงนามสกุลจริง อันนี้ตอบไม่ได้จริงๆ เพราะเรียกกันแต่ชื่อเล่น สุดท้ายเขาบอกว่าคุณมีงานคอนเสิร์ตวันนี้ คืนนี้ ซึ่งไม่รู้ว่าเขารู้ได้ไง หรือรู้จากไหน แล้วแจ๋มยังไม่ได้ตอบอะไรเลย เขาก็ทำมือให้แจ๋มลุกขึ้นออกไป
ยังไม่ได้อธิบายอะไรเลย แล้วก็คนอื่นเข้ามา มันรวดเร็วมากๆ จากนั้นก็ไปนั่งอยู่ในตม. แจ๋มอยากจะบอกว่า ตอนแจ๋มนั่งอยู่ในห้องดำ เขามีเอกสารมาให้เซ็น 2 ใบ เป็นใบคัดค้านกับไม่อนุญาตให้เข้าประเทศ ซึ่งแจ๋มไม่ได้เซ็นค่ะ 2 ใบนี้ จังหวะนั้น แจ๋มมีโทรศัพท์มือถือ 1 เครื่อง แบตเตอรี่ในเครื่องมี 4 เปอร์เซ็น สัญญาณอินเตอร์เน็ตแจ๋มก็ไม่มี เพราะไม่ได้สมัครโรมมิ่ง ก็ตั้งใจจะเข้าประเทศไปแล้ว แล้วค่อยสมัคร ก็เลยไม่รู้จะติดต่อใครยังไง จริงๆ เขามีใบอุทธรณ์ให้เขียน แต่แจ๋มไม่รู้ แจ๋มเห็นใบคัดค้านก็เขียนข้อมูลตรงนี้ แล้วไม่ทัน จังหวะนั้นแจ๋มเจอพี่คนไทย ก็ขอแชร์อินเตอร์เน็ตจากพี่เขา 4 เปอร์เซ็นต์ที่มีก็ถามโบรกเกอร์ว่าหนูต้องทำยังไงบ้าง ตอนนี้พี่เขาจะให้จองตั๋วกลับ ให้จองตั๋วกลับเลยไหม พี่เขาบอกว่าให้รอก่อน แจ๋มก็เลยรอ เดี๋ยวจัดการให้ เดี๋ยวได้ออกไปแน่นอน เพราะเราไม่ได้ผิด ไม่ได้มาทำงาน หนูก็รอ สุดท้ายหนูรอจนถูกย้ายห้องไปห้องที่รวมกับทุกคน มีชาวต่างชาติ มีคนไทย
แจ๋มได้ยื่นอุทธรณ์กับทางตม. ก็เอาโทรศัพท์มือถือแปล เขาก็ยื่นใบมาให้ หนูก็ไปเขียนคำบรรยายต่างๆ แจ๋มไปถึงเป็นเช้าของเกาหลี แล้วก็นอนในนั้น ที่เขาแปลออกมาคือรอวันถัดไป นอนหนึ่งคืน พรุ่งนี้เช้ารู้เรื่อง แต่พอรุ่งเช้าอีกวัน เรื่องยังไม่ออก แจ๋มเลยตัดสินใจจองตั๋วเครื่องบินกลับ เขาให้จองตั๋วกลับได้เลยตั้งแต่เข้าห้องดำ แต่โบรกเกอร์ให้แจ๋มรอ แจ๋มก็เลยรอ พอไปยื่นเรื่องอุทธรณ์ พอผลไม่ออก ก็ไปจองตั๋วกลับเอง โดยมีแฟนคลับออกค่าใช้จ่ายให้ค่ะ มันฉุกละหุก ไม่ได้มีร้าน หรือค่าโบรกเกอร์จ่ายค่าตรงนี้ให้ เอฟซีจ่ายทั้งหมด
ยอมรับว่าเป็นความสะเพร่าของแจ๋มที่ไม่ศึกษาให้ดีก่อน คิดแค่ว่าไปเที่ยว แล้วมีวีซ่าท่องเที่ยวแล้วจะเที่ยวได้ ไม่ใช่แบบนั้น แจ๋มติดต่อโบรกเกอร์ เขาก็ให้รอ เขาบอกว่าเขากำลังหาวิธีติดต่อเข้ามาเพื่อให้แจ๋มได้ออกไป แจ๋มรอจนได้นอน แต่การเข้าไปตรงนั้นแจ๋มไม่มีกระเป๋าเดินทางนะคะ เพราะโหลดใต้เครื่อง ตอนนั้นมีแค่กระเป๋าสะพาย ที่แจ๋มสะพายตลอดเวลา วันที่ไปมันหนาว เราใส่เสื้อตัวเดียวไป ไม่มีผ้าห่ม ห้องที่ตม.ให้อยู่ น้ำก็รสชาติฝาดๆ หน่อย กินไม่อร่อย หนูก็ไม่กิน ไปกินน้ำก๊อกในห้องน้ำเอา เขามีข้าว เป็นขนมปังให้เรา แต่เป็นขนมปังมากๆ แจ๋มจัดฟันก็กัดไม่ได้ ก็เลยไม่กิน มีน้ำส้มให้ แต่รสชาติเหมือนเสียแล้ว ที่นอนตอนนั้นคนเยอะ เรานอนไม่ได้ มีพี่คนไทยบอกว่าถ้าอยากนอนได้ให้ไปนอนในห้องน้ำ ไปนั่งชักโครก ก็เข้าไปงีบในนั้นนิดนึง แต่นอนไม่หลับเพราะมันเครียดหลังโดนปล่อยตัวที่จะกลับบ้าน ตอนนั้นก็ยังไม่โล่ง เป็นความรู้สึกเราทำผิดอะไร ทำไมต้องมานอนในนี้ การดูแลถ้าเปรียบเทียบกัน ทำไมชาวต่างชาติได้ผ้าห่ม แต่คนไทยไม่ได้ เขาดูเฟรนด์ลี่กับชาวต่างชาติมากกว่าพวกเรา แจ๋มพยายามเอาข้อความไปแปลสื่อสารว่าเราขอสายชาร์ตได้ไหม ขอครีมอาบน้ำ ขอผ้าห่ม แต่เขาไม่ให้เราเลย พอได้เจอแอร์โฮสเตส พี่เขาเทคแคร์ดีมาก ก็อุ่นใจตอนได้ไปขึ้นเครื่องค่ะ
แล้วแจ๋มต้องขอโทษพี่ๆ นักข่าวติดต่อเข้ามาหลายสำนักมาก ก็เลยบอกทุกคนว่าให้แจ๋มไลฟ์ดีกว่า แจ๋มไม่สะดวกให้พี่มาหา สามารถเอาข่าวจากไลฟ์สดนี้ไปเผยแพร่ได้เลย และสำหรับคนที่ตัดสินแจ๋มไปแล้ว ก็น้อมรับ แล้วแต่ดุลยพินิจของแต่ละคน ก็อยากขอโทษแฟนคลับที่ติดตามแจ๋ม แล้วอาจไม่สบายใจ เสียใจกับข่าวนี้ ตัวแจ๋มเองสะเพร่าที่ไม่เตรียมตัวไปให้ดี ทั้งที่รู้ว่าไปต่างประเทศ ชะล่าใจเกินไป คิดว่ามีวีซ่าท่องเที่ยวแล้วก็ไปเที่ยวได้ โดยไม่ได้ศึกษาก่อนว่าการเข้าประเทศยุ่งยากขนาดไหน ต้องขอโทษจริงๆ”
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
'แจ๋ม พลอยไพลิน' จ่อแจงปม 'โกหกไปเที่ยวเกาหลีทั้งที่มีคอนเสิร์ต'
จากที่มีการออกมาแฉข้อมูลว่ามีนักร้องลูกทุ่ง อักษรย่อ จ. ไม่ผ่าน ตม.เกาหลีใต้ เพราะโกหกว่ามาเที่ยว แต่จริง ๆ มีคอนเสิร์ต แถมยังให้ข้อมูลกับเจ้าหน้าที่ว่า ตัวเองดังและเพิ่งได้รับรางวัลมา จนกลายเป็นประเด็นวิพากษ์วิจารณ์อย่าหนัก ซึ่งงานนี้ชาวเน็ตต่างคาดเดาต่างๆ นานา ว่านักร้องลูกทุ่งคนดังกล่าวคือใครกันแน่