'เติร์ด TRINITY' ยอมรับทำงานหาเงินเติมเกม! พร้อมเผยเรื่องรักที่ไม่เคยพูด

"เติร์ด-ลภัส งามเชวง" หนุ่มฮอตหน้าใสหนึ่งในสมาชิกวง TRINITY (ทรินิตี้) ขวัญใจแฟนคลับทั้งไทยและต่างประเทศ เปิดใจครั้งแรกในรายการ WOODY FM ถึงจุดเริ่มต้นเข้าวงการเพราะอยากหาเงินเติมเกม ชีวิตรักที่ไม่เคยพูดถึง และเส้นทางต่อไปของการเป็นศิลปิน

คุณมีความเป็นศิลปินที่ชัดเจนมากว่าต้องการอะไร อยากรู้ว่าคุณได้มีโอกาสให้กำลังใจแฟนคลับที่รักคุณยังไงบ้าง ?
เติร์ด : จริงๆ พวกข้อความผมไม่เคยตอบใครเลย แต่ว่าบางทีผมจะอ่าน เราดีใจที่ผลงานของเราหลายๆ อย่างไม่ว่าจะเป็นเพลง ทำให้บางคนก้าวข้ามผ่านเรื่องที่หนักใจในชีวิตได้ อย่างบางคนก็บอกว่าเขาสอบติดมหาวิทยาลัยที่อยากเข้าแล้วนะขอบคุณมากที่เป็นกำลังใจให้ บางทีเราก็รู้สึกเฟลว่าทำไมเราตอบคำนั้นคนนี้ไม่ได้ แต่ผมรู้สึกว่าถ้าผมตอบ 1 คน จะไม่แฟร์กับหลายๆคนที่ผมไม่ได้ตอบ ผมเลยเลือกที่จะไม่ตอบใครเลยสักคน

ความรักครั้งแรกของคุณเกิดขึ้นตอนไหน ?
เติร์ด : น่าจะประถมครับ 6-7 ขวบเลย แอบชอบเพื่อนในห้อง แบบคนต่างชาติ แล้วแย่งกับเพื่อนอีกคนหนึ่งเพราะชอบคนเดียวกัน แล้วเราก็รู้สึกอยากไปโรงเรียนจัง ผมเขินก็ไม่ได้ไปบอกเขาว่าชอบแต่อยู่ด้วยแล้วแฮปปี้จัง แต่ตอนที่เริ่มจะคบเป็นแฟนน่าจะช่วง 13-14 ขอเป็นแฟนตอนนั้นเราเดินไปโรงอาหาร เฮ้ย!ยูเรามาเป็นแฟนกันป่าว แล้วเหมือนเขาตกใจแล้วเขาก็เดินหนีผมไปเลย (หัวเราะ) แล้วหลังจากนั้นก็ได้คบกันแบบ Puppy love แต่เราก็ไม่ได้คุยกันเยอะมาก ไม่ได้แบบอยู่ด้วยกัน แค่เรียนโรงเรียนเดียวกันแล้วก็เดินผ่านหน้าห้องและแค่ทักกันสรุปก็ไปไม่รอดครับ

พอโตขึ้นมาเวลาคบกับใครมีปัญหาปัจจัยเรื่องการคบคนในวงการไหม ?
เติร์ด : สำหรับผมไม่นะครับ คือผมอาจจะเป็นคนดื้อด้วยแหละ รู้สึกว่าก็ไม่ได้เป็นปัญหา ผมเป็นคนโฟกัสที่ความอยากของตัวเองเป็นหลัก พอผมทำงานก็รู้สึกว่าเราอาจจะต้องระวังเรื่องการออกไปข้างนอกในที่ๆ เป็นสาธารณะ แต่ผมก็จะรู้สึกว่าด้านการคบใครสักคนหนึ่ง ผมรู้สึกว่าเรามีได้

คุณเป็นแฟนแบบไหน ?
เติร์ด : คือผมเป็นคนที่ค่อนข้างชิลล์ ค่อนข้างเป็นสายปรับตัว ถ้าเราคบกับคนนี้เราก็จะเป็นแบบที่เขาชอบ แบบที่เขาอยากให้เป็น ถ้าเราคบกับคนที่เด็กกว่าเราก็จะทำตัวโตกว่า ถ้าเราคบกับคนที่โตกว่าเราก็จะทำตัวเป็นเด็ก แต่บางทีเราคบกับคนที่เด็กกว่าแล้วเขามีความโตกว่าเราก็ทำตัวเป็นเด็กได้อะไรแบบนี้ แต่มันไม่ได้ตายตัวกว่าคุณต้องเป็นคนแบบนี้นะ ต้องรับให้ได้ ถ้ายูรับไม่ได้เราก็คบกันไม่ได้ ผมจะไม่เป็นแบบนั้น ส่วนมากเราจะชิลล์ ไม่ได้เป็นคนที่สวีทหรือโรแมนติกไม่ถนัดด้านนี้เลย อาจจะเพราะไม่ได้คบคนมาต่อเนื่อง มีช่วงหนึ่งที่เราพักด้านความสัมพันธ์ไปยาวๆเลย เพราะค่อนข้างโฟกัสกับงานของเรามากๆ ก็ไม่มีเวลาให้ทำอย่างอื่น

เรามีงานในวงการเข้าตั้งแต่เด็กเลย ?
เติร์ด : ตั้งแต่ 7 ขวบผมเริ่มถ่ายโฆษณา TVC เล็กๆ หรือภาพนิ่งบ้างครับ เราก็ชอบนะครับรู้สึกแฮปปี้ ช่วงนั้นผมชอบเล่นเกมส์ใช่ไหมครับ พอเล่นเกมส์เราก็อยากเติมเกมแต่ว่าเรายังไม่มีเงิน ไม่อยากขอพ่อแม่ก็เลยถ่ายโฆษณาแล้วก็เอาเงินมาซื้อของเล่นบ้าง เติมเกมบ้าง แล้วก็ทำมาเรื่อยๆ

ก็คือทำงานเพื่อเติมเกม ?
เติร์ด : ใช่ (หัวเราะ) โหช่วง 7-8 ขวบ ผมนั่งอยู่หน้าจอคอมฯ วันหนึ่งต้องมี 5-6 ชั่วโมงอย่างต่ำ ผมเล่นแทบทุกเกมที่เขามีให้โหลดเลยครับ ช่วงนี้ฮิตอะไรก็โหลดๆ ทุกเกม

ทุกวันนี้ยังเล่นอยู่ไหม ?
เติร์ด : ทุกวันนี้ก็มีบ้างครับ

เกมให้อะไรกับเราบ้าง ?
เติร์ด : จริงๆ ผมว่าค่อนข้างทำให้รีแล็กซ์มั้ง แต่ว่าผมเล่นเพราะผมว่างนี่แหละพี่ เล่นเพื่อความบันเทิงเป็นหลัก คลายเครียด

การเป็นวง TRINITY มีความเครียดไหม ?
เติร์ด : ผมไม่เครียดเลย รู้สึกว่าเป็น Safe Zone ผมรู้จักเปอร์เช่ตั้งแต่ผมอายุ 12 คือผมเคยอยู่ค่ายกามิกกาเซ่มาก่อน เราก็อยู่ด้วยกันเป็นเพื่อนร่วมค่าย แล้วก็ได้มาทำไนน์บายนายด้วยกัน จนมาถึง TRINITY ก็เป็นแบบครอบครัวเลยครับ อย่างแจ๊คกี้ผมก็รู้จักตั้งแต่ 14-15 จนถึงตอนนี้ผม 24 แล้ว คือทุกคนผมรู้จักมาเกือบ 10 ปี เลยรู้สึกว่าเป็นพื้นที่การทำงานที่เราสามารถเป็นตัวเองได้เต็มที่ และรีแล็กซ์กับทุกคน พอเรามาเป็น TRINITY เราค่อยข้างที่จะมีแพชชั่นในการทำงานสูงเลยทุกคน ทั้งพวกเราและทีมงาน พอเราปล่อยผมงานออกไป ผลงานต่อไปเราก็คิดแล้ว เราจะทำยังไงให้มันออกมาดีขึ้น เราต้องพัฒนาด้านไหนต่อ ถามว่าเครียดไหมไม่เครียดสำหรับผมมันเป้นสิ่งที่สนุก

เส้นทางต่อไปของ TRINITY คืออะไร ?
เติร์ด : ก็คงพัฒนาต่อไปเรื่อยๆ ผมรู้สึกว่าการเป็นศิลปินมันไม่มีลิมิตครับ สมมุติว่าวันนี้เราคิดว่าตัวเองทำได้ 85 คะแนน อาจจะเต็ม 1 พัน หรือ 1 หมื่น สามารถขึ้นมาได้เรื่อยๆ เหมือนเป็นการเติบโตของคน

อะไรที่ทำให้คุณมีความสุข ?
เติร์ด : ผมค่อนข้างแบลงค์เวลาที่ผมไม่ได้ทำงาน เหมือนเราพยายามรับสิ่งรอบตัวเข้ามา อยู่ที่บ้านถ้าไม่ได้เล่นเกม ก็จะนั่งดูโน่นนี่ไปเรื่อย กินข้าวกับที่บ้าน นั่นคือความสุขของผม จะไม่ค่อยคิดถึงเรื่องอดีตหรืออนาคตครับ เพราะทำให้ชีวิตเรามีความสุขขึ้นมาก เราไม่กังวลและก็ไม่ยึดติดกับสิ่งที่มันผ่านไปแล้วทำให้ชีวิตผมมีความสุข

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

'บิว เดอะวอยซ์' ปล่อยโฮ ชีวิตนี้อาจไม่ได้ร้องเพลงอีกแล้ว!

"ไม่รู้จะกลับไปร้องเพลงได้อีกไหม" นี่คือสิ่งที่ทำให้ บิว-จรูญวิทย์ พัวพันวัฒนะ หรือ บิว เดอะวอยซ์ กลั้นน้ำตาไว้ไม่อยู่ เหตุเพราะอาการป่วยมีเลือดออกที่เส้นเสียง ที่ถึงแม้จะพักรักษาตัวเท่าไหร่ก็ยังกลับมาเป็นอีก ทำให้เจ้าตัวต้องยกเลิกงานคอนเสิร์ต ซึ่งหนุ่มบิวได้โพสต์คลิปพร้อมแคปชั่นว่า "ถ้าเป็นไปได้ บิวก็ยังอยากจะร้องเพลงต่อไป"

อุ๊ย! เรืองไกร ร้องสอบจริยธรรม 'นายกฯอิ๊งค์' พูดเงินบาทแข็งดีต่อส่งออก-แม่น้ำปิงไหลลงแม่น้ำโขง

นายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ สมาชิกพรรคพลังประชารัฐ(พปชร.) ขอให้คณะกรรมการการเลือกตั้ง ( กกต.) นำความตามพิพากษาศาลฎีกาแผนก

การจากลาเป็นเรื่องธรรมชาติ 'อาม่าแต๋ว' ไม่ได้หวังลูกเลี้ยงดูในบั้นปลายชีวิต

เปิดใจนักแสดงหน้าใหม่วัย 78 ปี "อาม่าแต๋ว-อุษา เสมคำ" ในรายการ WOODY FM ถึงความโด่งดังจากการรับบท "อาม่าเหม้งจู" ในภาพยนตร์หลานม่า ที่เรียกน้ำตาคนดูท่วมจอ มาแชร์มุมมองการจากลาที่เป็นเรื่องของธรรมชาติ เผยเลี้ยงลูกไม่เคยหวังให้มาเลี้ยงดูตอนแก่เฒ่า