มาเยือนรายการ WOODY FM ก็ทำเอา ไมค์-พิรัชต์ นิธิไพศาลกุล ต้องเสียน้ำตา เพราะได้เล่าถึงเหตุการณ์ในอดีตที่ตัดสินใจทิ้งงานในวงการบันเทิงไทยและบินไปทำงานที่ประเทศจีนแทน โดยตอนนั้นเจ้าตัวได้ประสบกับปัญหาบางอย่างจนถูกเหยียดหยามจากคนในวงการ รู้สึกไม่มีที่ยืนในสังคม จนหมดแพชชั่น ชีวิตไม่มีความสุขเลยขอไปตายเอาดาบหน้าดีกว่า
โดย ไมค์ ได้เผยเหตุผลที่ตัดสินใจไปทำงานที่ประเทศจีนว่า ”เอาจริงๆ เลย ตอนนั้นดังจาก Full House แล้วก็มีคนมาตามอยู่หลายรอบเลยว่าไปจีนไหม ไปต่างประเทศไหม ผมก็ยังไม่ได้ไปครับ แล้วก็เกิดข่าวคราวต่างๆ เมื่อสมัยโน้นนานมาแล้ว คือหลังจากข่าวนั้นหลายๆ อย่างมันก็เปลี่ยนไป เวลาออกไปไหนสายตาคนที่มองเรา คือด้วยความที่ปกติผมก็เป็นคนที่ระแวงสายตาคนอยู่แล้ว อันนี้มันยิ่งทวีคูณเข้าไป ผมรู้สึกว่าสายตาคนที่มองผม คือความเหยียดหยาม ความดูถูก เวลาผมไปเดินห้างหรืออะไรแบบนี้หลังๆ ผมก็เลิกเดิน หรือแม้กระทั่งคนในวงการ ผมก็รู้สึกอย่างนั้น
รู้สึกว่าเวลาไปงานวันเกิดเพื่อนหรืองานที่ที่มีคนในวงการเยอะๆ สายตาพวกเขาเวลามองผม คือพวกเขาอาจจะไม่ได้คิดแบบนั้นก็ได้นะ แต่คือความระแวงความกังวลของผมมันคิดแบบนั้นไปแล้วว่าเขากำลังขยะแขยงเราอยู่ เขากำลังมองเราด้วยสายตาที่ดูถูกเหยียดหยาม ซึ่งผมไปงานๆ หนึ่งแล้วผมรู้สึกได้เลยว่าคนล้อมเยอะมาก แต่ว่าไม่มีใครมาคุยกับผมเลย ทุกคนแค่เดินมาสวัสดีทักทายแล้วก็ไป เหมือนผมยืนอยู่กลางวงแล้วแบบไม่รู้ผมมาทำอะไรที่นี่ ตอนนั้นรู้สึกว่าเราไม่มีที่ยืนตรงนี้แล้ว ไม่มีใครอยากเข้าใกล้เรา มันแบกรับความรู้สึกนี้อยู่เป็นปี เราก็ไม่ไหว แล้ววันหนึ่งที่มีคนมาบอกว่าไปจีน วันนั้นผมตัดสินใจไปเลย เพราะว่าถ้าผมยังอยู่ตรงนี้ต่อไปตายแน่ ไม่รอด ไม่ไหว
แล้วพอผมไปจีนรู้สึกว่าไม่ได้มีใครมาสนใจเรื่องที่เกิดขึ้นที่ไทย แล้วเขายินดีที่จะอ้าแขนต้อนรับเราแบบไม่มีอคติ ไม่มีกำแพง ผมรู้สึกมีความสุขมากเลย รู้สึกว่าต่อให้งานมันจะยากกว่า ต้องไปนั่งท่องบท ต้องฝึกภาษาจีน เหนื่อยกว่าหลายเท่าแต่มันก็มีความสุขกว่านะ มากกว่าอยู่ที่นี่แล้วรู้สึกว่าทุกคนเหยียดหยามเรา ตอนนั้นมันโดดเดี่ยว มันตัวคนเดียวจริงๆ ถ้าให้นึกย้อนในความรู้สึกตอนนั้นจะอยู่ต่อไปทำไม ไม่รู้จะไปทางไหน ไปทางไหนก็ตันไปหมดเลย คือกดดันมากจน ก็อยู่นอกระเบียงแล้ว รู้สึกเหมือนมันไม่มีทางออกเลย คือเรื่องที่ทุกคนเห็นในสื่อมันเป็นแค่เศษเสี้ยวที่ผมเจอ เท่าที่ออกสื่อได้ มันยังมีอีกมากมายที่อยู่ใต้น้ำที่เราพูดไม่ได้
วันนั้นผมก็พยายามทำตัวเข้มแข็งนะ แต่ ณ ปัจจุบันผมจะบอกว่าจริงๆ พอเราเริ่มรู้ตัว ในวันนั้นเราไม่ได้อ่อนแอเลย เราเข้มแข็งที่สุดแล้วด้วยซ้ำแต่เพียงแค่เรื่องที่เราเจอมันอาจจะแปลกเยอะไปจนเราดูเหมือนคนอ่อนแอ หรืออาจจะเป็นทางอาการป่วยทางเคมีหรืออะไรสักอย่างที่มันเป็นความเศร้ามากๆ จนมันควบคุมไม่ได้ (วันนั้นที่ไมค์ตัดสินใจจะจบชีวิตตัวเอง มีสติอะไรที่เข้ามาเตือน) เอาจริงๆ นะตอนนั้น ขาผมออกไปแล้วครึ่งก้าว ถอยกลับเข้ามาแล้วก็ไปหาที่นั่งตรงลานจอดรถนั่งอยู่นานมาก แต่ไม่คิดอะไรเลย มันเบลอ ทุกครั้งก็จะเป็นประมาณนี้ บางทีหนักหน่อยก็จะมีภาวะหายใจเร็วเกินไป มือเกร็ง หน้าชา ลิ้นชา แต่พอมันผ่านมาได้ ผมรู้สึกว่าอายุ 30 คือจุดเปลี่ยน ไม่รู้ว่าเปลี่ยนเพราะอะไร แต่รู้สึกได้ทันทีเลยว่าจิตใจเราแข็งแกร่งขึ้น
มันเข้มแข็งขึ้นจน โอเคถ้าเรากลับไปพูดถึงมันยังมีความเศร้าอยู่ ความรู้สึกพวกนั้นไม่ได้หายไปเลยนะ แต่เราเลือกที่จะไม่ไปต่อต้านมัน ผมแค่เปลี่ยน Mindset นิดเดียวเลย ว่าเราจะอยู่ร่วมกันยังไง เราจะเข้ากันได้ยังไง ความรู้สึกกับตัวเราจะอยู่ร่วมกันบนโลกนี้ได้ยังไง ผมก็เลยเพิ่มเข้ามาคำหนึ่งก็คือไม่ต้องไปแคร์อะไรมาก อะไรจะเกิดก็ให้มันเกิดแล้วมันก็จะผ่านไป เดี๋ยวมันก็ผ่านไปไม่มีอะไรใหญ่ไปกว่านี้อีกแล้วถ้าเราผ่านใกล้เส้นความตายมาแล้ว ทุกเรื่องคือเรื่องเล็กหมด ตราบใดที่เรายังมีชีวิตอยู่เริ่มต้นใหม่ได้เสมอ อีกอย่างหนึ่งถ้าเราไม่อยู่จากโลกนี้ไปแล้วไงต่อ เราก็เป็นได้แค่ความทรงจำสุดท้ายก็เจ็บปวดคนเดียวอยู่ดีไม่มีความหมาย ก็เลยตัดสินใจที่จะไปต่อแล้วพุ่งชนทุกอย่าง ตอนนั้นก็เลยไปจีนแล้วพุ่งชนทุกอย่าง
ปีนี้เป็นช่วงเวลาของการหาเลยว่าทำยังผมจะออกจากความรู้สึกเหล่านี้ได้ ทุกวันนี้ยังหาไม่เจอ ยังไม่รู้คำตอบ ในสมัยก่อนทำแล้วมีความสุขแต่ตอนนี้ทำแล้วไม่มีความสุข แม้กระทั่งจะกินข้าวอะไรที่เคยกินแล้วอร่อยมันก็ไม่อร่อย เรื่องที่เคยทำแล้วมีความสุขที่สุดเราทำแล้วรู้สึกเฉยๆ จนต้องตั้งคำถามกับตัวเองว่ายังไงนะ เราต้องการอะไรกันแน่ เหมือนคนหลงทาง นั่นก็เป็นเหตุผลหนึ่งที่ทำไมปีนี้ผมยอมกลับมาทำคอนเสิร์ตกอล์ฟไมค์ จริงๆ ผมกลัวมากเลยนะ ผวาเลยกับการที่จะกลับมาทำงานที่นี่ ด้วยเรื่องราวสมัยก่อนต่อให้มันเคลียร์ไปแล้ว ด้วยความที่มันยังเป็นดราม่าอยู่ในใจ มันไม่มีทางหาย ผมก็เลยเอาคอนเสิร์ตกอล์ฟไมค์มาเป็นจุดหนึ่งที่ต้องการสร้างความมั่นใจให้กับตัวเองกลับมา ต้องการที่จะก้าวข้ามความรู้สึกเหล่านี้ ผมต้องการระเบิดมันออกไปบนเวทีนี้ ให้ผมกลับมามีความสุข มีแพชชั่นอีกครั้งครับ”
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
การจากลาเป็นเรื่องธรรมชาติ 'อาม่าแต๋ว' ไม่ได้หวังลูกเลี้ยงดูในบั้นปลายชีวิต
เปิดใจนักแสดงหน้าใหม่วัย 78 ปี "อาม่าแต๋ว-อุษา เสมคำ" ในรายการ WOODY FM ถึงความโด่งดังจากการรับบท "อาม่าเหม้งจู" ในภาพยนตร์หลานม่า ที่เรียกน้ำตาคนดูท่วมจอ มาแชร์มุมมองการจากลาที่เป็นเรื่องของธรรมชาติ เผยเลี้ยงลูกไม่เคยหวังให้มาเลี้ยงดูตอนแก่เฒ่า
'แพท ณปภา' เตรียมเปิดอู่มีลูกคนที่สอง
เจอคำถามเมื่อไหร่จะมีลูกคนที่สองอยู่บ่อยๆ แต่นักแสดงสาว แพท-ณปภา ตันตระกูล ก็เฉยมาตลอด แต่ล่าสุดเจ้าตัวได้เปิดใจเป็นครั้งแรกผ่านรายการ WOODY FM ถึงที่มาของการแพลนที่จะมีลูกคนที่ 2 เล่าถึงเบื้องลึกในการทลายกำแพงในใจ งานนี้ทำเอาทั้ง น้องเรซซิ่ง ลูกชายวัย 7 ขวบ กับแฟนหนุ่มดีใจมากที่ครอบครัวจะมีสมาชิกเพิ่ม
'ไก่ วรายุฑ' เปิดเผยความลับ เคยแต่งงานกับคนดังมาก่อน
เมื่ออาและหลานมานั่งพูดคุยกันแบบ Deep Talk ในรายการ WOODY FM เปิดใจ ไก่-วรายุฑ มิลินทจินดา ในวัย 70 ปี เผยถึงเรื่องราวชีวิตรักในอดีตที่เคยแต่งงานกับคนดังมาก่อนแต่ไม่มีใครรู้ ส่วนหนุ่มเกาหลีคนปัจจุบันแชทกันทุกวันรู้สึกชุ่มฉ่ำสดชื่น โดย ไก่ วรายุฑ เปิดใจว่า
'ไมค์ พิรัชต์' ดึงรายได้เข้าประเทศกว่า 125 ล้านบาท
เป็นนักร้องนักแสดงที่มีผลงานโกอินเตอร์ถึงประเทศจีน สำหรับหนุ่ม ไมค์-พิรัชต์ นิธิไพศาลกุล ที่มีทั้งผลงานละครและงานโชว์ตัว เรียกว่าฮอตแบบสุดๆ แถมยังมีแฟนคลับแดนมังกรที่เหนียวแน่นอีกด้วย ล่าสุดได้มีโอกาสร่วมงานกับ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) จัดไลฟ์สตรีมสด Super World Tour BOSS LIVE ภายใต้โครงการกระตุ้นตลาดนักท่องเที่ยวระยะใกล้ ณ ห้อง Platinum Lounge ห้างสรรพสินค้าเอ็มสเฟียร์
'ไมค์ พิรัชต์' ผลิตซีรีส์ 'VAMP' เตรียมผลักดันเข้าสู่ตลาดโลก
พิสูจน์ตัวเองในเส้นทางวงการบันเทิงมาร่วม 20 ปี ล่าสุด ไมค์-พิรัชต์ นิธิไพศาลกุล ขึ้นแท่นผู้บริหารหนุ่มมากความสามารถ เปิดบริษัท MDA Entertainment ผลิตซีรีส์ฟอร์มยักษ์เรื่องแรก VAMP มาตรฐานระดับสากล ดึงนักแสดง A-List ร่วมแสดง ไม่ว่าจะเป็น เบคกี้ รีเบคก้า แพทรีเซีย อาร์มสตรอง, เจฟ ซาเตอร์, ลุค อิชิคาว่า, เฟริสท์ ฉลองรัฐ, ชัญญา แม็คคลอรี่ย์ พร้อมผลักดันเข้าสู่ตลาดโลก
'เป้ย' เผยทำดีที่สุดแล้ว ขอกลับมารักตัวเองบ้าง
นักแสดงสาว เป้ย-ปานวาด เหมมณี เปิดใจแบบหมดเปลือกในรายการ WOODY FM ถึงเรื่องราวข่าวคราวกระแสที่เกิดขึ้น เผยระยะเวลาทำให้แข็งแกร่งขึ้น ที่ผ่านมา 10 กว่าปีทำดีที่สุดแล้ว ยอมรับและเรียนรู้ ตอนนี้ขอกลับมารักตัวเอง ตกผลึกชีวิตไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้นย่อมมีเรื่องดีเสมอ