พระเอกหนุ่มหน้าใส อิน-สาริน รณเกียรติ จากหนุ่มคิวท์บอยที่โดดเด่นในรั้วมหาวิทยาลัย สู่นักแสดงและนักธุรกิจมากความสามารถ มาเปิดใจแบบหมดเปลือกถึงเรื่องอุปสรรคต่างๆ ที่เข้ามาในชีวิต ครอบครัว การทำงาน และความรัก ลั่นตอนนี้โสดสนิท เผยจะคบใครให้คุณแม่สแกนก่อน ในรายการ WOODY FM
ทราบมาว่าอินเป็นคนที่ค่อนข้างจะเป๊ะมากพอสมควร ต้องเป๊ะขนาดไหน ?
อิน สาริน : ประมาณหนึ่งครับ จะรู้สึกว่า อิน สาริน เป็นหนึ่งในผลิตภัณฑ์ เป็นโปรดักซ์ ที่เป็นเอ็นเตอร์เทนเมนต์ คนก็จะเอ็นจอยเราจากผม จากหน้า จากการแต่งตัว ก็อยากจะทำออกมาอย่างดีที่สุด
ก่อนเข้าวงการคุณก็เป็นที่รู้จักเยอะตั้งแต่ในมหาวิทยาลัย แล้วการเป็นคนที่มีคนรู้จักเยอะคิดว่าบุคลิกของเรา หรือว่าตัวเราต้องเปลี่ยนหมวดหรือว่าต้องมีหลายเลเยอร์ไหม ?
อิน สาริน : ในความตั้งใจอินไม่ได้ตั้งใจให้เป็นแบบนั้น เราไม่ได้อยู่ดีๆจากคนธรรมดาคนหนึ่งแล้ว วันพรุ่งนี้เรากลายเป็นคนมีชื่อเสียงโดยทันที มันจะเป็นลักษณะที่ค่อยๆ ก้าวขึ้นบันได เพราะฉะนั้นอินจะมีความชินในการอยู่ในสปอตไลท์ตลอดเวลา เราก็จะรู้สึกว่าเราเป็นคนของสาธารณะประมาณหนึ่งอยู่แล้ว ทำอะไรในที่สาธารณะเราก็จะค่อนข้างละมัดระวังตัว ระวังในการพูด ระวังในการเดิน ในการคิดต่างๆอยู่แล้วโดยอัตโนมัติจากความเคยชิน
ดังนั้นเป็นคนที่อยู่ในสปอตไลท์แล้วตอนออกมา คิดว่าเราจะเข้าวงการไหม ?
อิน สาริน : คือต้องบอกว่าตอนที่เราอยู่ในสปอตไลท์ก็จะมีคนที่คอยชวนอินเข้าวงการอยู่ตลอดเวลาตั้งแต่น่าจะ ม.3 ถึงปี 4 ถ้านับเวลาก็จะ 7-8 ปีครับ ณ ตอนนั้นเราก็ไม่ได้อยากจะเป็นบุคคลสาธารณะ ไม่ได้อยากเป็นดารา แล้วลึกๆของอินเลยจะคิดว่าอาชีพของนักแสดงหรือดารามันเป็นอะไรที่ยาก แต่ก็ไม่ได้พูดออกมาในตอนนั้น คนอะไรต้องวางตัวดี เล่นละครต้องได้ ร้องเพลงก็ต้องได้ เต้นก็ต้องได้ ตอบคำถามนักข่าวก็ต้องดูฉลาดไปหมด สำหรับเราในตอนนั้นรู้สึกว่าเป็นซุปเปอร์แมนไปนิดหนึ่ง เราน่าจะทำไม่ไหว ก็เลยบอกว่าผมไม่ได้อยากเป็นครับ จนกระทั่งจะจบปี 4 เป็นจุดที่คิดว่าถ้าเราจบปุ๊บ แล้วจะต้องไปเป็นสถาปนิกงานตรงสาย อินน่าจะไม่มีโอกาสได้ลองในวงการบันเทิง เลยรู้สึกว่าลองดูแล้วกัน ไหนๆ ก็มีโอกาสเข้ามาตลอดเวลาในชีวิตนี้ ก็เลยตัดสินใจเลือก ตอนนั้นก็จะเป็นงานฟุตบอลประเพณีจุฬาฯ ธรรมศาสตร์ ปี4 ตอนนั้นจะมีคนถือฟุตบอลกับคนถือธง น่าจะมีรูปออกไป แล้วก็มีผู้ใหญ่ของช่องต่างๆ โทรมา ตอนนั้นเราก็เลยเลือกช่อง 3
ที่ผ่านมาเคยมีเรื่องที่ทำให้รบกวนจิตใจไหมในการเป็นคนวงการบันเทิง ?
อิน สาริน : มีครับ เยอะเหมือนกันนะครับ อย่างที่บอกด้วยความที่เราเป็นเหมือนกึ่งๆ คนสาธารณะมาตั้งแต่ต้น มันก็จะมีคำพูดชื่นชมแล้วก็คำพูดที่เป็น Negative ถึงตัวเราในโลกออนไลน์ต่างๆ บางทีก็มีเว็บไซต์ที่มีคนมาเล่ามาแชร์ แล้วก็มีคนเชื่อจนเป็นกระแส โดยที่ 90% ไม่เป็นความจริงเลย ก็ช็อกไปเหมือนกันครับ แล้วเราจะทำยังไงกลับไปในเมื่อมันไม่ใช่ตัวเราเลย โดนตั้งแต่อยู่มหาวิทยาลัยแล้วครับ แล้วด้วยนิสัยของอินเองเป็นคนไม่ค่อยตอบโต้คน
คุณรับมือยังไง วันเวลาเยียวยายังไง ?
อิน สาริน : ช็อก แล้วก็หมดแรง ช่วงนั้นเป็นเหมือนซอมบี้เลย คือจริงๆ เราก็ไม่อยากไปแคร์กับมัน กลับบ้านก็ร้องไห้ ก็ยังดีที่เรามีเพื่อนที่น่ารัก เรามีครอบครัวที่ดี จนตัดสินใจไปปรึกษาพ่อกับแม่ ว่าเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นในชีวิตเราควรจะทำยังไงดี จำได้ว่าคุยกันสั้นมากแต่แฮปปี้มาก ปะป๊าให้ข้อคิดมาว่าขนาดพระพุทธเจ้า ยังโดนว่ายังโดนด่าเลยแล้วภาษาอะไรกับเราคนธรรมดา แค่นี้เหมือนเราเก็ต ปล่อยได้เลยทันที เป็นความรักที่แข็งแรงที่สุดทำให้เรากลับมาได้ทันที
เชื่อว่าในทุกอุปสรรคที่เข้ามาในชีวิตมันจะเกลาและสอนเราเสมอ ?
อิน สาริน : ใช่ครับ มันก็คือข่าว แต่ว่าสิ่งหนึ่งที่สอนอินเสมอจากวันนั้น อินจะไม่ว่าร้ายใคร ไม่พูดถึงใครลับหลัง และจะไม่เชื่อในสิ่งที่ได้ยินมาตั้งแต่ครั้งแรกก่อนที่จะใช้วิจารณญาณ สำคัญมากเพราะเราเจอมากับตัวแล้ว ก็อยากให้ทุกคนไม่ว่าจะรับอะไรเข้ามาในชีวิตลองคิดวิเคราะห์ดูก่อน อินกลายเป็นคนที่ให้โอกาสคนมากๆ อย่างเช่นกับน้องๆ ในบริษัท
อินเป็นคนที่เรียกว่าอายุน้อยร้อยโปรเจค ?
อิน สาริน : จริงๆ แล้วเป็นพาร์ทที่ไม่ค่อยได้แชร์ แล้วคนก็ไม่ค่อยเห็น คนจะรู้จักเราในพาร์ทของดาราใช่ไหมครับ ในด้านของธุรกิจต้องบอกว่ามันกินเปอร์เซ็นในชีวิตของอิน ให้อยู่ที่ 80% เลยนะครับ เรา keep ตัวเองเป็นนักธุรกิจไม่ใช่นักแสดง อินเข้าออฟฟิศเช้าแล้วก็ออกเย็นพร้อมกับทุกๆคน แล้วก็เข้า 7 วัน เป็นแบบนี้มา 2-3 ปีแล้วครับ เพียงแต่คนไม่ค่อยได้เห็นตรงนั้น เดือนหนึ่งจะออกมาเป็นนักแสดงแค่ 2-3 วัน สิ่งที่ทำเริ่มมาจากเราเป็นคนที่ชอบค้าขาย แล้วก็พยายามจะดูเทรนด์ตลอดเวลา คือมีโปรเจคในหัวอยู่ตลอดเวลาตั้งแต่เด็ก พอจบมาก็ได้เอาสิ่งที่เราคิดมาทำเต็มที่ ปัจจุบันก็มีทำอสังหาริมทรัพย์ต่อจากที่บ้าน, คอมมูนิตี้น้องใหม่ OURS, ร้านเบเกอรี Holiday Pastry, ร้าน เฮ หมูกระทะ, แบรนด์เสื้อผ้าและเครื่องประดับ HYE Everyday
คุณมีแฟนคนแรกตอนอายุเท่าไร ?
อิน สาริน : แฟนคนแรกตอนประถมครับ ช่วง ป.5 - ป.6 ครับ คบกันประมาณ 2-3 เดือน ส่วนแฟนคนที่ 2 คบนานที่สุด เจอกันที่เรียนพิเศษครับช่วง ม.3-ม.4 แล้วก็อยู่จนมาถึงมหาวิทยาลัย
ความรักของคุณเป็นแบบไหนในตอนนั้น ?
อิน สาริน : จะเป็นความรักที่อยู่ด้วยกันตลอดเวลา เป็นความรักแบบดิสนีย์ อย่างวันครบรอบ 1 เดือนให้ดอกไม้ ให้แหวนเพชร ค่อนข้างเต็มที่
แล้วในวัยที่เรียนจบแล้วทำงานแล้ว ความรักเป็นแบบไหน ?
อิน สาริน : ปัจจุบันสเตตัสคือโสดครับ แล้วก็โสดมาเป็นปีๆ แล้วด้วย ไม่ได้ปิดแล้วก็ไม่ได้เปิดอะไร แต่ว่าอาจจะเป็นช่วงชีวิตที่ไม่ค่อยได้โฟกัสเรื่องของความรัก ถามว่ามีคนเข้ามาไหม มีคนเข้ามาตลอดเวลาแต่ว่าเราเองก็ไม่ได้โฟกัสในเรื่องนั้นเท่าไหร่
ก่อนหน้านั้นหลายปีที่ผ่านมา แฟนคนล่าสุดในตอนที่เรามีชื่อเสียง เราแบ่งเวลายังไง เพราะรู้สึกว่าคุณอินกับงานมาก ?
อิน สาริน : น้อยลงไปตามสัดส่วนครับ เพราะว่าตอนนี้เรื่องงาน 80-90 % เลย ถ้าเกิดเรามีแฟนก็ต้องเป็นพาร์ทเนอร์ที่เกื้อหนุนกันได้ในเรื่องพวกนี้ด้วย เพราะว่าเขาต้องรู้ว่าเราชอบทำงาน เวลาจะคุยกับใครครอบครัวมีผลมากเลยนะครับ คุณแม่จะดูก่อน จะสแกนให้ก่อน เรื่องพวกนี้เป็นอะไรที่ต้องปรึกษากันเพราะเขาเป็นผู้ใหญ่ เขาก็จะมีวิชั่นที่ดีกว่า เขาจะชอบบอกกับทุกคนว่าลูกเรายากนะ (หัวเราะ) ทำแต่งานนะ เรื่องเยอะนะ ไม่มีเวลา ไหวเหรอ จะได้ยินแม่บอกตลอด เขาไม่ได้ขู่นะเขาพูดจริงๆ หรือแม้กระทั่งเพื่อนเวลาเจอแม่ แม่ก็จะบอกขอบคุณมากเลยนะลูกที่เป็นเพื่อนกับลูกแม่ เพราะเขาก็จะรู้ว่าเราค่อนข้างทำงานเยอะ
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
ตร. จ่อแจ้งข้อหาผู้บริหาร 'ดิไอคอนกรุ๊ป' เหยื่อแห่ร้อง 120 ราย เสียหาย 50 ล้าน
'บิ๊กต่าย' แจงตำรวจเตรียมแจ้งข้อกล่าวหาผู้บริหาร 'ดิไอคอนกรุ๊ป' ส่วนดาราแม้ไม่ได้บริหารงาน หากพบกระทำผิดชัดแจ้งตั้งข้อหาได้ทันที เผยเหยื่อร้องแล้ว 120 ราย มูลค่าเสียหาย 50 ล้าน
เปิดใจพระเอกสุดฮอต 'กลัฟ คณาวุฒิ' กับเส้นทางศิลปินพร้อมเพลงใหม่ 'WITH YOU'
นอกจากผลงานเรื่อง "ลออจันทร์" หนึ่งในละครชุด "ดวงใจเทวพรหม" ที่เพิ่งจบไปจะสร้างเสียงตอบรับที่ฮือฮาจนส่งผลให้นักแสดงนำดังเป็นพลุแตกกันแทบทุกคนแล้ว พระเอกสุดฮอต กลัฟ-ณาวุฒิ ไตรพิพัฒนพงษ์ ก็มีอีกมุมที่เจ้าตัวบอกว่าเป็นสิ่งที่รักและมีความสุขที่ได้ทำนั่นก็คือการเป็น "ศิลปิน"
'เจฟ ซาเตอร์' เผยเกือบไม่ได้เป็นนักร้อง เคยทิ้งฝันไปสมัครงานออฟฟิศ
ถือว่าเป็นปีทองของนักร้องหนุ่มชื่อดังอย่าง "เจฟ-วรกมล ซาเตอร์" ที่ไม่ว่าจะมีผลงานอะไรออกมาก็ปังไม่หยุด โดยล่าสุดรายการ "วอดอวอแว" คว้าตัวมาขึ้นรถโชว์พลังเสียงขั้นเทพด้วยกันอีกครั้ง
'ตำรวจ-เจ้าท่า' รอหลักฐาน นักแสดงขับเจ็ทสกีชนเรือหางยาว
ตำรวจร่วมกับเจ้าท่า เร่งคลี่คลายคดีหนุ่มนักแสดงขับเจ็ทสกีชนเรือหางยาว พร้อมรอหลักฐานก่อนเรียกทั้งสองฝ่ายมาสอบปากคำ ครอบครัวขอโทษพร้อมรับผิดชอบ
'ไอซ์ ปรีชญา' เผยเคยแพ้ยาซึมเศร้า อาการหนักจนเห็นภาพหลอน-กรามค้าง!
นางเอกสาว "ไอซ์-ปรีชญา พงษ์ธนานิกร" เปิดใจในรายการ WOODY INTERVIEW หลังผ่านมรสุมชีวิต ย้อนเล่าจุดเริ่มต้นของการเป็นโรคซึมเศร้าถึงขนาดเคยแพ้ยาจนเห็นภาพหลอนและกรามค้าง! พร้อมเล่าวิธีการรับมือและเรียนรู้ที่จะอยู่กับปัญหา ตอนนี้โสดแฮปปี้กับชีวิตและมีแพชชั่นในการทำงานมากขึ้น
'โอบนิธิ' ปล่อยเพลง 'ที่สุดของเราไม่เท่ากัน' ดึง 'เติร์ด Tilly Bird' ร่วมงาน
เรียกว่าเป็นศิลปินที่ไม่หยุดพัฒนาความสามารถ และการทำงานด้านเพลง สำหรับ ศิลปิน OABNITHI (โอบนิธิ วิวรรธนวรางค์) ล่าสุดขอปล่อยซิงเกิล เพลง "ที่สุดของเราไม่เท่ากัน (Asymmetry)" เป็นอีกหนึ่ง ซิงเกิลใน Mini Album ของโอบ ที่บอกเล่าเรื่องราวการเดินทางความรัก