'นท พนายางกูร' เผยเหตุลาวงการ ไม่เป็นตัวเองจนหมดความสุข!

นักร้องสาวมาดติสท์ "นท พนายางกูร" เปิดใจหลังห่างหายจากเส้นทางดนตรี เพื่อไปทำงานด้านการอนุรักษ์ พร้อมเล่าสาเหตุที่ออกจากวงการ เพราะไม่มีความสุข ไม่เป็นตัวเอง จนขาดความมั่นใจถึงขนาดไม่กล้าร้องเพลง และกลัวเสียงร้องของตัวเอง ในรายการ WOODY FM

"เข้าวงการมาตอนอายุ 17 ค่ะ เข้าเดอะสตาร์ ตอนนั้นก็ท้าทาย แล้วก็รู้สึกว่ามันสอนให้เราเป็นคนที่เราเป็นในปัจจุบันนี้ได้ ไม่ว่าจะเป็นการทำงานหรือว่าการอยู่กับคน ทำให้เราเห็นทุกมิติการทำงานของมนุษย์ และทำให้เข้าใจการที่จะเอาใจเขามาใส่ใจเรา เรื่องหนักในชีวิตหลักๆ ก็คือไม่ได้เป็นตัวของตัวเอง 100 เปอร์เซ็นต์แต่คือนทเองก็สุดโต่งเหมือนกัน นทมาจากคนที่ไม่ได้ติดตามวงการบันเทิงเลย ไม่มีทีวีในห้องนอน ไม่ดูทีวีในชีวิตประจำวัน ทำให้เราไม่รู้ว่ามันเป็นยังไง แต่ที่ไปประกวดเพราะว่าชอบร้องเพลง

หลังจากนั้นก็ค่อยๆ เฟดออกไป รู้สึกโล่งนะ เราอยากหาบาลานซ์ที่ดีกับการใช้ชีวิตในวงการนี้ ในการทำงานในวงการนี้ต่อไป เพราะรู้สึกว่าที่ผ่านมามันอาจจะไม่มีความสมดุลในการใช้ชีวิตอย่างเปิดเผย อะไรที่มันเป็นส่วนตัวเยอะเกินไป ซึ่งเราอาจจะไม่สบายใจ ก็เลยถอยกลับมาหาบาลานซ์ให้กันและกัน รู้สึกว่ามันแฮปปี้กว่า พอมีบาลานซ์ที่ดี พอเราอยู่ในวงการบางทีเราก็หลงระเริงไปกับอะไรหลายอย่างที่มันเกิดขึ้น เพราะชีวิตมันเร็วมาก ทุกวันทำงาน ทุกวันเจอคนเยอะมาก มีอะไรเข้ามาเต็มไปหมดเลย ทำให้บางทีเราไม่สามารถกลับมาเข้าใจว่าจริงๆ แล้วเราเป็นใคร ต้องการทำอะไร และเรามีเป้าหมายอะไรในชีวิตนี้ เราเริ่มตั้งคำถามตอนที่เรารู้สึกว่ามันไม่มีความสุข ทำงานทุกวันแต่รู้สึกว่าไม่รู้ทำไปเพื่ออะไร ทำไปเพื่อใคร แล้วทำให้อะไรดีขึ้นหรือเปล่า ใช่เราร้องเพลงทำให้คนมีความสุข แต่ว่านอกเหนือจากนั้นล่ะ อะไรที่มันลึกซึ้งกว่านั้น การที่เราได้ร้องเพลง การที่เราได้เล่นละครมันทำให้โลกดีขึ้นหรือเปล่า เราสร้างอิมแพคอะไรที่ใหญ่กว่าคำว่าความสุขหรือเปล่า เมื่อเราโชคดีมาอยู่ตรงนี้ มีแพลตฟอร์มที่คนรู้จักคนติดตาม ควรใช้ตรงนี้ให้มันมากกว่าแค่ความสุข ควรให้ความรู้ ความตระหนักรู้เกี่ยวกับสิ่งที่สำคัญ เช่น การรู้จักตัวเอง การเข้าใจตัวเองเหมือนที่เราผ่านมา หรือว่าเรื่องสิ่งแวดล้อม

เรื่องที่เศร้าที่สุดในชีวิตคือการที่นทเข้าวงการใหม่ๆ นทต้องร้องเพลง หรือว่าต้อง Perform อะไรที่มันไม่ได้เป็นตัวเอง เวลาที่เราร้องบางทีเราก็ต้องร้องตามที่เขาเทรนนิ่ง ตามที่เขาบอก มันทำให้เวลาที่เราร้องเพลง เราใช้กล้ามเนื้อในคอใช่ไหม พอเราร้องไปเรื่อยๆ กล้ามเนื้อมันจำ มันเป็น Muscle Memory ทำให้เสียงเราเวลาร้องเพลงมันเปลี่ยน จากตั้งแต่เด็กเราชอบร้องเพลงมาก ชอบฟังเสียงตัวเอง อาบน้ำก็ร้องเพลง ขับรถก็ร้องเพลง กลายเป็นว่าไม่กล้าร้องเพลงไปเลย กลัวเสียงตัวเอง เป็นเหมือนแผลในใจเรื่องการเปล่งเสียงออกมา เพราะว่าเรากลัวเสียงร้องตัวเองไปเลย เป็นอยู่นานเพิ่งแก้ไขได้ไม่กี่ปีนี้ ประมาณเกือบ 10 ปีได้ คือไม่มั่นใจ รู้สึกว่าตัวเองร้องเพลงไม่เพราะ นทว่าก็ต้องรักตัวเองเยอะๆ แล้วก็ยกโทษให้ตัวเอง ไม่ใช่แค่ยกโทษให้คนอื่น แต่ยกโทษให้ตัวเองที่ทำให้เสียงตัวเองเปลี่ยน หลายๆ คนอาจจะไม่ค่อยชินกับการยกโทษให้ตัวเองใช่ไหม นทว่าอันนี้เป็นอะไรที่มันสำคัญมาก เพราะถ้าเราสามารถยกโทษให้ตัวเองได้ สามารถที่จะบอกรักตัวเอง แล้วก็สามารถที่จะแชร์สิ่งนี้ให้กับคนอื่น เพราะถ้าเราไม่สามารถทำอย่างงี้กับตัวเองก็ไม่สามารถทำกับคนอื่นได้ แต่ตอนนี้ก็แฮปปี้ แล้วอย่างหนึ่งที่ช่วยมากคือการร้องคาราโอเกะกับเพื่อนๆ

หลังจากหมดสัญญานทก็ไปทำวงอิเล็กทรอนิกส์ชื่อว่า X0809 ได้ทำในหลายอย่างที่เราเคยฝันว่าอยากทำในแง่ดนตรี พอไม่มีค่ายเราต้องทำทุกอย่างเอง แล้วมันถึงจุดหนึ่งที่เวลาเราเดินทางไปต่างประเทศต้องทำทุกอย่างเอง มันเกิดภาวะหมดไฟ เพราะเหนื่อยเกินไป หลังจากนั้นก็กลับมาทำงานศิลปะอีกรอบ ก็พูดถึงเรื่องพลังงาน การรักษา การหายใจ พอทำตรงนี้ไปถึงจุดหนึ่งก็รู้สึกว่าเราเริ่มเต็ม แล้วรู้สึกว่าเราฮีลตัวเองในการฮิลคนอื่นๆ ไปด้วยในระดับหนึ่ง ก็เลยรู้สึกว่าเราอยากจะสื่อสารเรื่องสิ่งแวดล้อมด้วย เพราะพอเราทำไปถึงจุดหนึ่งแล้วรู้สึกว่าจริงๆแล้วมันเกี่ยวข้องกันหมดเลย ทุกวันนี้จะมี 2 โปรเจกต์หลักที่ทำจะมีแพลตฟอร์มชื่อว่า HIGH ON YOUR OWN SUPPLY ไม่แสวงหาผลกำไร เป้าหมายของเราก็คือเชื่อมโยงคนกับตัวเอง และเชื่อมโยงคนกับธรรมชาติค่ะ"

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

'บิว เดอะวอยซ์' ปล่อยโฮ ชีวิตนี้อาจไม่ได้ร้องเพลงอีกแล้ว!

"ไม่รู้จะกลับไปร้องเพลงได้อีกไหม" นี่คือสิ่งที่ทำให้ บิว-จรูญวิทย์ พัวพันวัฒนะ หรือ บิว เดอะวอยซ์ กลั้นน้ำตาไว้ไม่อยู่ เหตุเพราะอาการป่วยมีเลือดออกที่เส้นเสียง ที่ถึงแม้จะพักรักษาตัวเท่าไหร่ก็ยังกลับมาเป็นอีก ทำให้เจ้าตัวต้องยกเลิกงานคอนเสิร์ต ซึ่งหนุ่มบิวได้โพสต์คลิปพร้อมแคปชั่นว่า "ถ้าเป็นไปได้ บิวก็ยังอยากจะร้องเพลงต่อไป"

อุ๊ย! เรืองไกร ร้องสอบจริยธรรม 'นายกฯอิ๊งค์' พูดเงินบาทแข็งดีต่อส่งออก-แม่น้ำปิงไหลลงแม่น้ำโขง

นายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ สมาชิกพรรคพลังประชารัฐ(พปชร.) ขอให้คณะกรรมการการเลือกตั้ง ( กกต.) นำความตามพิพากษาศาลฎีกาแผนก