'อนันดา' กับความทุ่มเทกว่า 10 ปี ในบทบาท 'ขุนพันธรักษ์ราชเดช'

เดินทางมาถึง 10 ปีแล้ว กับการรับบท ขุนพันธรักษ์ราชเดช  นายตำรวจดังผู้เป็นตำนานของเมืองไทย เป็นตำรวจที่มีอาคม หนังเหนียว ยิงไม่เข้า และมีตำแหน่งเป็น ขุน คนสุดท้ายในประวัติศาสตร์ของประเทศไทย  สำหรับเจ้าบ่าวป้ายแดงอย่าง อนันดา เอเวอริงแฮม โดยเจ้าตัวได้เปิดใจถึงความทุ่มเทกว่า 10 ปีที่ต้องอยู่กับตัวละครตัวนี้ และล่าสุด ขุนพันธ์ 3 จ่อเข้าโรงฉายในวันที่ 1 มีนาคนนี้ 

“ได้กลับมารับบท ขุนพันธ์ อีกครั้ง อย่างแรกเลยคือดีใจ ทุกครั้งที่ผมรู้ตัวว่าจะได้กลับมารับบท ขุนพันธ์ ไม่ว่าจะเป็นสองภาคก่อนหน้า จนมาถึงภาค 3 นี้ ไม่มีเลยสักครั้งที่ผมจะไม่รู้สึกดีใจ แต่ว่าในขณะเดียวกันก็มักจะมาด้วยความแหยง เพราะมันไม่มีภาคไหนที่ไม่เหนื่อยเลย มันโคตรของโคตรเหนื่อยทุกภาค เรียกว่าเป็นหนังที่เหนื่อยที่สุดที่เคยเล่นมา ซึ่งแน่นอน ภาคล่าสุดนี้ก็เหมือนกัน ผมรู้ล่วงหน้าเลยว่าพอถึงตอนปิดกล้องเมื่อไหร่ ก็จะมีอารมณ์แบบขอไม่เจอกันสักพักนะ เพียงแต่ว่าไอ้ความโคตรเหนื่อยนี่แหละครับ คือความเป็นหนัง ขุนพันธ์

(ตัวละครขุนพันธ์ในภาค 3 คนดูจะได้เห็นพัฒนาการอะไรบ้างที่แตกต่างไปจากสองภาคที่ผ่านมา) มีมุมของตัวละครที่เรารู้สึกว่ายังไม่ได้แตะในสองภาคแรก ก็เลยคุยกันว่าภาคนี้จะเป็นภาคที่เราได้เห็นด้านที่เป็นมนุษย์มากที่สุดของท่านขุน ซึ่งจะมีเรื่องราวของครอบครัวท่าน การที่ท่านกำลังจะเป็นคุณพ่อคนใหม่ ความสัมพันธ์กับภรรยา รวมไปถึงอะไรที่มันซับซ้อนกว่านั้น ไม่ว่าจะเรื่องของความกลัวตาย การมีชีวิตเพื่อคนอื่น เรื่องที่ว่าเขาคือสัญลักษณ์ของฮีโร่ ภาคนี้เรามาขยายความว่าสัญลักษณ์คืออะไร

(ตลอด 10 ปีที่ได้มารับบทขุนพันธ์ ร่างกายมีร่องรอยอะไรเป็นที่ระลึกจากหนังเรื่องนี้บ้าง) ก็เจ็บทุกภาคนะ มันไม่มีภาคไหนที่ไม่พัง ภาคนี้ก็ไม่แพ้กัน ทั้งหลัง ทั้งเข่า แต่ด้วยความที่ผมเคยผ่านมาสองภาคก่อนแล้ว เราก็จะมีวิธีการถนอมตัวเอง อย่างภาคแรกไม่ต้องพูดถึง เล่นเองทุกฉาก ภาคนี้ก็จะมีนิดนึง โอเค ถ้าเล่นไม่ได้จริงๆ ผมถอยก็ได้ ก็จะเซฟตัวเองนิดนึง แต่ก็แหลกอยู่ดีแหละ พอปิดกล้องก็นอนตายไปอยู่หลายวันเหมือนกัน

(จนถึงวันนี้ที่หนังได้เดินทางเป็นเวลา 10 ปี กระทั่ง ขุนพันธ์ 3 ได้ปิดกล้องเป็นที่เรียบร้อย) ผมอยู่กับเนื้อหานี้มาประมาณ 11 ปี จำได้ว่าผมเข้ามาทำภาคแรก ตอนนั้นผมอายุ 29 แล้วตอนนี้ผมอายุ 40 เหตุผลหนึ่งที่แต่ละภาคมันจะมีช่วงอยู่ประมาณสองสามปี มันไม่ใช่ว่าทำต่อเนื่องเลยไม่ได้ แต่เนื่องจากมันเป็นโปรเจกต์ที่ค่อนข้างยาก และใช้พลังงานค่อนข้างสูง พอจบแต่ละภาค ก็เหมือนกับว่าต้องไปรีเซ็ตตัวเองเพราะมันเหนื่อยจริงๆ  ตอนเปิดกล้องอย่างภาค 3 ก็จะเป็นความรู้สึกทำใจ ก่อนเตรียมจิตใจ ร่างกาย ทุกอย่างให้มันแข็งแรง เพราะว่ามันไม่จบง่ายๆ แน่ มันไม่ใช่แค่การถ่ายทำที่มันยากนะ มันต้องจัดการความท้อกับความเหนื่อยด้วย เพราะว่ามันจบฉากแต่ละฉากได้ยาก พอปิดกล้องมันคือโล่งอก จบจนได้ เหมือนกับการเอาน้ำหนักมหาศาลนั้นออกจากบ่าเรา แต่พอผ่านมาประมาณอาทิตย์หนึ่ง ความรู้สึกมันใจหายเหมือนกัน พวกโมเมนต์เหล่านี้ที่เราได้อยู่กับโปรเจกต์นี้ มันค่อนข้างมีเอกลักษณ์มาก

และเราก็เป็นนักแสดงที่โชคดีมากคนหนึ่งที่ได้มีโอกาสมารับบทนี้และได้อยู่กับมันเป็น 10 ปี ได้เป็นส่วนหนึ่งของแฟรนไชส์ไตรภาค เป็นตัวละครที่เป็นไอคอนนิคทั้งสำหรับตัวละครที่อยู่ในวงการบันเทิง ทั้งตัวละครที่อยู่ในตำนานของไทย พอมันมานึกถึงทั้งหมดนี้ มันก็ใจหายเหมือนกัน หรือว่านี่มันอาจจะเป็นครั้งสุดท้ายจริงๆ ที่เรามีโอกาสได้ทำอะไรแบบนี้ (ตลอด 10 ปีที่ผ่านมา หนังขุนพันธ์ ได้ให้อะไรกับอนันดาบ้าง) ในฐานะนักแสดงคนหนึ่งที่รู้สึกว่าเราเป็นลูกศิษย์ของศาสตร์นี้ เราเป็นลูกศิษย์ที่มีครู และศรัทธากับศาสตร์นี้จริงๆ สิ่งที่ให้ค่ากับอาชีพของเราคือตัวละครของเรา ถ้ามันมีชีวิตจริงๆ มันก็เกิดคุณค่าขึ้นมา มันไม่ได้เป็นแค่ extension ของตัวผม แต่มันคือสิ่งที่มีเลือดเนื้อและชีวิตจริงๆ และถ้าเราสร้างตรงนั้นขึ้นมาได้ หรือเราเป็นส่วนหนึ่งของโลกนั้น มันก็ไปสร้างคุณค่าให้กับคนดูอีกทีหนึ่ง

สำหรับตัวละครขุนพันธ์ ผมรู้สึกว่าเป็นตัวละครที่ได้กลายเป็นส่วนหนึ่งของดีเอ็นเอในตัวผมไปแล้ว มัน 10 ปีของชีวิตผมเลยนะ มันคือ 1 ใน 4 ของชีวิตผมที่ผมต้องอยู่กับตัวละคนี้ มันคือเวลาครึ่งหนึ่งที่ผมอยู่ในวงการ ที่ผมอยู่กับตัวละครตัวนี้ จะไม่ให้มันซึมเข้ามาในร่างของผมเลย ก็คงเป็นไปไม่ได้ ผมเชื่อว่านักแสดงทุกคนก็ต้องหาวิธีที่จะเข้าถึงตัวละคร  แต่ของผมมันคือทุกอย่าง อย่างภาคแรกมันคือการติดหนวดและได้เห็นหน้าตัวเองแล้วแบบโอเค พอเห็นเป็นภาพแล้วมันนึกออก พอถึงตอนนี้มันเป็นความรู้สึกที่เราคุ้นเคยมาก เราเดินเข้าฉาก เราก็ไหว้ท่าน ขอขมา ทุกอย่างมันอยู่ตรงนั้นหมด มันกลับมาหมดทันที แล้วมันก็คงเป็นสิ่งที่จะอยู่กับเราตลอดไป”

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

'สมมติ' ได้รับเลือกฉายในเทศกาลหนังที่นิวยอร์ก

สมมติ (Supposed) ภาพยนตร์ไทยเรื่องเยี่ยมผงาดในต่างแดนอีกครั้ง ล่าสุดกำลังเดินทางไปเยือน นิวยอร์ก โดยเป็นหนึ่งในภาพยนตร์เอเชียที่ได้รับการคัดเลือกให้เข้าฉายในเทศกาลภาพยนตร์ New York Asian Film Festival ครั้งที่ 23 (NYAFF 2024) นอกจากนี้ทางเทศกาลฯ ยังได้เชิญนักแสดงสาวมากฝีมือ แพต-ชญานิษฐ์ ชาญสง่าเวช เป็นตัวแทนจากภาพยนตร์ร่วมเดินพรมแดงงานเปิดเทศกาลครั้งนี้ ซึ่งจะจัดขึ้นระหว่างวันที่ 12-28 กรกฎาคมนี้ ณ เมืองนิวยอร์ก สหรัฐอเมริกา

'แอน' ฟาดเลิฟซีนดุ ทุ่มสุดตัวใน 'เกมรักทรยศ'

แฟนละครเตรียมปักหมุดรอ เมื่อทางช่อง3 ร่วมกับค่าย จูเวไนล์(JUVE9) ได้ฤกษ์ส่งละครแนวซีเนมาติก ดราม่า สุดเข้มข้น เรื่อง เกมรักทรยศ (The Betrayal) ลงจอแล้วเริ่มตอนแรก 23 สิงหาคม นี้ กับการมาประกบคู่กันครั้งแรกของ อนันดา เอเวอริงแฮม และ แอน ทองประสม ที่งานนี้การันตีความร้อนแรงตั้งแต่ตอนแรก ด้วยฝีมือคุณภาพทางการแสดงแบบทุ่มสุดตัว รับรองว่าทุกคนจะไม่เคยเห็นที่ไหนมาก่อน

'อนันดา' คลอดแนวทางแก้ปัญหา `แอชตัน อโศก` ทั้งขอใบอนุญาตใหม่- ประสานแบงก์ช่วยสินเชื่อเจ้าของร่วม

บริษัท อนันดา เอ็มเอฟ เอเชีย อโศก จำกัด  ออกหนังสือแจ้งความคืบหน้าการดำเนินงานเพื่อแสวงหาทางออกสำหรับเจ้าของร่วม และชี้แจงประเด็นอื่นๆเพิ่มเติม ดังนี้

'เกมรักทรยศ' เปิดยิ่งใหญ่ 'แอน-อนันดา' นำทีมบวงสรวง

หลังจากซุ่มถ่ายทำโปรเจกต์ยักษ์ที่เป็นกระแสดัง สร้างเสียงฮือฮาบนโลกโซเชียล ตั้งแต่เปิดตัวอย่างเป็นทางการกับละครเรื่อง เกมรักทรยศ (The Betrayal) ที่เตรียมออกอากาศทางสถานีโทรทัศน์ไทยทีวีสีช่อง 3 ผลงานรีเมคจากซีรีส์ชื่อดัง ด็อกเตอร์ฟอสเตอร์ (Doctor Foster) ลิขสิทธิ์จาก BBC Studios บริษัทผู้ผลิตคอนเทนต์ระดับโลกจากประเทศอังกฤษ ที่กวาดรางวัลและได้รับความนิยมอย่างมากมายมาแล้วทั่วโลก