'ม้า อรนภา' เคลียร์ปมร้อน ยันแค่แตะไม่ได้ตบ

ออกมาเคลียร์แล้ว สำหรับ ม้า-อรนภา กฤษฏี เกี่ยวกับประเด็นดราม่าที่ตัวเองได้ตบหน้านักแสดงน้องใหม่ท่านหนึ่งที่ประเทศเกาหลีใต้  เหตุเพราะชวนไปกินปูแต่อีกฝ่ายไม่ยอมไป โดยทนายษิทรา เบี้ยบังเกิด หรือทนายตั้ม ได้เป็นคนเปิดประเด็นนี้ขึ้นมา ซึ่งทาง ม้า อรนภา ได้ออกมาเปิดใจครั้งแรกต่อสื่อมวลชน  พร้อมกับยอมรับผิดกับประเด็นที่เกิดขึ้น แต่ยืนยันไม่ได้ตบ ขอใช้คำว่าแตะแทน

"พี่มีความรู้สึกเสียใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ยอมรับผิดตรงนี้ และก็ขอโทษน้องไปแล้ว ปรับความเข้าใจในทุกสิ่งทุกอย่าง แต่ก็ไม่ทราบว่าหลังจากนั้นน้องเขายังมี บางสิ่งบางอย่างที่ติดใจ ก็เลยทำให้เขาไปปรึกษาทนายหลายคน ซึ่งหลังจากเกิดเรื่องต้องบอกว่าเรายังใช้ชีวิตอยู่ด้วยกันอีกหลายวัน จนกระทั่งวันนึงมีการนำเสนอเรื่องราวนี้ขึ้นมา เราต้องขอโทษคุณพ่อคุณแม่เขา และต้องขอโทษกับสิ่งที่พี่ทำผิด และทำให้ทุกคนผิดหวังในตัวพี่ แต่อย่างหนึ่งเราอยากให้ฟังทั้งสองฝั่ง  อย่าเพิ่งด่วนตัดสินเรา แต่สุดท้ายก็ต้องขอยอมรับกับผลที่เกิดขึ้นตามมา

พี่ทำมาร์เก็ตติ้งให้กับ รพ. ที่เกาหลี เพราะเขาดูแลพี่มาตั้งแต่แรกและดูแลดีมาก มีคนขอให้แนะนำไป พี่เลยทำ ทุกครั้งเวลาพี่ไป พี่จะไม่อยู่นิ่ง เราควรจะไปกินอะไรที่ไหน อะไรอร่อย ไปดูอะไร เกาหลีใต้มีอะไร จนกระทั่งเพื่อนๆ ขอไปด้วย ทุกคนก็บอกว่าสนุก ดังนั้นที่ทุกๆ ครั้งที่พี่มีคนที่พี่จะต้องดูแล พี่จะทำแบบนี้ตลอดเวลา แล้วมาไม่ได้ทำ 3 ปีเพราะโควิด ทริปนี้ทริปแรก พี่รู้จักกับน้องจากผู้จัดการ เราเคยพูดว่าเธอเป็นคนหล่อ แต่เสียอย่างเดียวจมูกงุ้ม ต้องทำตัวเองให้สมบูรณ์แบบ และพาตัวเองเข้าไปสู่วงการบันเทิง  หลังจากนั้นน้องเขาก็ติดต่อกลับมาแล้วบอกว่าก่อนจะทำ อยากเที่ยวก่อน พี่เลยบอกว่าไม่มีปัญหา

หลังจากเดินทางไปเกาหลี ก็ไปกินกาแฟ นั่งคุยกัน ตอนเย็นหาร้านอาหารที่จะต้องกินกัน คุยกันไปคุยกันมาก็เลยบอกว่า ไปกินปูกันไหม  เขาก็บอกเอาครับ ผมชอบกินปู ซึ่งหลังจากนั้นเขาก็ขอแยกไป พี่ก็ปล่อยให้เขาไปเที่ยว พอเค้าเดินกลับมาก็ถือถุงช็อปปิ้งมาเยอะเลย ก่อนที่จะไปกินข้าว  ก็ถามเขาว่าถือของมาเยอะขนาดนี้ไหวไหม ย้ำ 2 ครั้งว่าไหวไหม เขาบอกว่าไหวก็เดินไปที่ร้านรองเท้า พอดูเสร็จและซื้อกับจ่ายตังค์เรียบร้อย และเขาก็ลุกขึ้นยืนมาพูดว่า ไม่ไปกินปูแล้วนะ จนดิฉันมือไวแล้วเผลอตบหน้า ตอนนั้นฉันก็แอบตกใจเหมือนกัน ซึ่งดูเหมือนว่าเขาจะไม่พอใจ

ซึ่งเราขอใช้คำว่าแตะ ไม่ได้ตบแบบสุดแรง หรือมีรอยมีแผล แล้วเขาก็บอกว่าทำแบบนั้นไม่ได้ ผมโกรธมาก เราก็รู้สึกเสียใจมาก และปล่อยให้เขาสงบสติอารมณ์สักพักใหญ่ และเห็นว่าเขายังไม่ไปไหน เราเลยเดินเข้าไปและจับมือเขาบอกขอโทษจริงๆ ไม่ได้ตั้งใจกับสิ่งที่มันเกิดขึ้น จนเขาก็เข้ามาบอกว่าจริงๆ ผมเคารพแม่มากเลยนะ และขอบคุณแม่มากที่สอนผมทุกอย่าง จนเขาก็เลยบอกว่างั้นไปกินปูกัน เราก็เลยเรียกแท็กซี่ไปกินปูที่ร้าน

พออีกวันก็เดินทางไปส่งเขาเข้าห้องผ่าตัด ตอนเย็นแล้วก็กลับไปรับเขาหลังจากนั้นอีกสามวันต้องพาเขาไปล้างแผลและถอดเฝือก พอถึงวันที่ล้างแผล เราก็ต้องดูแลให้เขาจนถึงที่สุด หลังจากนั้นก็เดินออกมาหน้าโรงพยาบาลและเขาก็พูดว่าเดี๋ยววันที่ 29 พ.ย. เจอกันครับ คือวันที่จะต้องตัดไหมและเราก็ต้องไปสนามบินเพื่อกลับ แต่ในเย็นวันนั้น ก็มีทนายพูดว่าให้เรารีบออกจากประเทศเดี๋ยวนี้ เราก็ตกใจว่าเกิดอะไรขึ้น ก็เลยคิดว่าคงมีการจะแจ้งความเกิดขึ้น  ภาพที่มีตำรวจและเห็นเรา เราก็คิดว่าเขาคงจะได้รับการแนะนำมาจากทนายว่าต้องทำแบบนี้ พอดีฉันรู้เรื่องแล้วว่ามันมีเรื่องราว เราก็โทรหาเขาทันทีแต่เขาไม่รับ

เราก็ยังเป็นห่วงเขาอยู่ในเรื่องของการทำศัลยกรรม ซึ่งเราก็ต้องแจ้งกับทางโรงพยาบาลว่ามันเป็นแบบนี้นะ น้องเขาไม่อยู่แล้ว เพราะไม่อย่างนั้นเราต้องเป็นคนจ่ายเงินเอง ซึ่งในขณะผู้จัดการของน้องเองเขาก็บอกมาว่าตอนนี้น้องเขาเครียดมาก และเขาก็อยากสั่งสอนเราด้วย ดิฉันก็ได้รับบทเรียนแล้วหลังจากที่พลั้งมือตบน้องเข้าไป ซึ่งกับน้องเราคิดว่ามันน่าจะจบกันที่ถนนตรงเมียงดงแล้ว เพราะเราได้มีการเคลียร์ใจกันแล้ว พูดคุยขอโทษกันแล้ว และจับมือกันไปกินปู  พี่รู้มาว่าเรื่องนี้ดำเนินคดีที่ไทยไม่ได้ เพราะเหตุการณ์เกิดที่โน้น ยืนยันว่าเรื่องนี้ไม่เป็นคดีความ แต่หลังจากนี้จะเป็นอย่างไรต่อไป ตนไม่รู้ ต้องรอติดตามกันต่อไป“