หลังถูกกรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือ DSI ตั้งข้อกล่าวหาฟอกเงิน สืบเนื่องจากคดีมูลฐาน Forex 3D ล่าสุดวันนี้ นักแสดงรุ่นใหญ่ ปราปต์- ปราปต์ปฎล สุวรรณบาง ก็ได้ออกมาตั้งโต๊ะแถลงข่าว ขอเคลียร์ทุกประเด็นที่เกิดขึ้น ทั้งกรณีที่ตนเองถูกออกหมายเรียกรวมถึงรถยนต์หรูที่ถูกดีเอสไอยึดทรัพย์ไปก่อนหน้านี้ ยอมรับว่าตอนนี้สังคมได้ตัดสินไปแล้วว่าได้กระทำผิดในฐานฉ้อโกงคดี Forex-3D ทำให้ตนเองได้รับผลกระทบจากข่าวที่นำเสนอไป
โดยปราปต์ปฎล ได้เล่าถึงความสัมพันธ์กับ จิ๊กกี๋-ชนกวนันท์ สีลุน อดีตภรรยาของ อภิรักษ์ โกฎธิ ว่ารู้จักกันตั้งแต่ปี 2558 แต่ไม่ได้สานสัมพันธ์อะไรกัน จนอีกฝ่ายไปมีครอบครัว กระทั่งกลางปี 2562 ได้พูดคุยกันอีกครั้ง และทราบว่าจิ๊กกี๋ได้เลิกกับสามีไปแล้ว และช่วงนั้นคดีแชร์ Forex-3D เริ่มเป็นกระแส แต่ทางจิ๊กกี๋ยืนยันว่าตนเองไม่ได้เกี่ยวข้อง Forex-3D เป็นธุรกิจของอดีตสามี
ส่วนรถยนต์แอสตั้นมาติน ที่ถูกดีเอสไอยึดทรัพย์ไปก่อนหน้านี้ เป็นรถยนต์ส่วนตัวของจิ๊กกี๋ ตนเองไม่ได้มีความเกี่ยวข้องกับรถหรูคันดังกล่าวเลย จะมีก็แค่ช่วงปี 2563 ทางจิ๊กกี๋อยากหาที่จอดรถเพื่อหนีน้ำท่วม จึงได้แนะนำให้ไปจอดที่บ้านเพื่อนที่ จ.ราชบุรี กับอีกครั้งที่จิ๊กกี๋ป่วย ได้มีเพื่อนที่เป็นสาวประเภทสองโทรศัพท์มาหาบอกว่าได้พาเจ้าหน้าที่ดีเอสไปยึดทรัพย์ของในคอนโด
โดยอ้างว่าเพื่อนสาวประเภทสองเป็น 1 ในผู้เสียหายที่ถูกอดีตสามีฉ้อโกงไป ซึ่งในคอนโดมีกุญแจรถดังกล่าวอยู่ด้วย จึงได้มอบกุญแจที่เธอมีอยู่กับตัว ให้ตนไปนำรถดังกล่าวไปหลบ ซึ่งตนก็ขับไปฝากไว้ที่บ้านเพื่อนหลังเดิม ซึ่งเป็นสถานที่ที่เจ้าหน้าที่ไปยึดรถมาได้ ทั้งนี้มีการกล่าวหาว่าตนร่วมกันปกปิด นำรถไปซุกซ่อน หากเป็นอย่างนั้นจริง เหตุใดรถหรูคันดังกล่าวจึงถูกจอดให้เห็นอย่างโจ่งแจ้ง และไม่มีการถูกคลุมผ้าแต่อย่างใด
สำหรับคดีฟอกเงินที่ถูกออกหมายเรียก ตามที่ดีเอสไอได้ให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชนไปว่า มีการออกหมายเรียกถึง 2 ครั้ง ขอยืนยันว่าไม่เคยได้รับหมายเรียก และไม่เคยได้รับการติดต่อจากเจ้าหน้าที่ดีเอสไอเลย กระทั่งมีสื่อไปลงชื่อและนามสกุล จึงได้ติดต่อไปว่าใช่ตนหรือไม่ ซึ่งตอนแรกเขาบอกว่าไม่ใช่ ต่อมาเขาก็ได้เผยว่าหมายดังกล่าวถูกส่งไปให้ สน.ประเวศ ซึ่งเป็น สน. ในพื้นที่ เพื่อประสานงานต่อ แต่ สน. ดังกล่าวไม่ได้มีรายงานกลับมาให้ DSI ดังนั้นมันเป็นปัญหาเรื่องระบบภายใน ตนจึงได้ไปขอหมายเรียก และเดินทางไปรับทราบข้อกล่าวหาที่ DSI ตามนัดหมาย พร้อมยืนยันว่าไม่ได้มีความเกี่ยวข้องกับการฟอกเงิน หรือฉ้อโกงประชาชน เพียงแต่เกี่ยวข้องเนื่องจากขับรถหรูคันดังกล่าวไปจอดที่บ้านเพื่อนเพียงเท่านั้น
ทั้งนี้สาเหตุที่ตัดสินใจออกมาชี้แจงกรณีนี้กับสื่อมวลชน เนื่องจากตลอด 2 เดือนที่ผ่านมาได้รับผลกระทบอย่างหนัก ทั้งทางด้านความรู้สึกของครอบครัว และหน้าที่การงาน ตอนนี้ตนเริ่มถูกบอกเลิกจ้างงาน กำลังจะเป็นคนตกงาน และรายได้หายไป จากการออกมาพูดในวันนี้ก็หวังว่าผู้ใหญ่ที่ช่องและผู้จัดจะเข้าใจ และเห็นใจตนมากขึ้น และหวังว่าการพูดในครั้งนี้จะสร้างประโยชน์ต่อสังคมมากขึ้น
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
แจ้งข้อหาเพิ่ม 'ทนายตั้ม' ปมเงิน 39 ล้าน หลังรวบคนสนิทร่วมฉ้อโกง-ฟอกเงิน
พล.ต.ต.มนตรี เทศขัน ผู้บังคับการปราบปราม เปิดเผยถึงปมเงิน 39 ล้านบาทของ น.ส.จตุพร อุบลเลิศ หรือ มาดามอ้อย แจ้งความดำเนินคดี ว่า ด้านตำรวจไม่ได้นิ่งนอนใจสืบสวนรวบรวมพยานหลักฐาน โดยวันที่ 11 พ.ย. 67
'ผบช.ก.' แถลงจับหมอดูชื่อดัง 'ตี่ลี่ฮวงจุ้ย' แจ้ง 2 ข้อหาหนัก
'บิ๊กก้อง' แถลงจับ 'หมอดูตี่ลี่ฮวงจุ้ย' ตุ๋นเหยื่อซื้อวัตถุมงคลแก้เคล็ดกว่า 108 ล้าน เอาไปเล่นพนัน แจ้ง 2 ข้อหา 'ฉ้อโกง-ฟอกเงิน' พร้อมยึดรถหรู 2 คัน
คุมตัว 'ทนายตั้ม-เมีย' ฝากขังศาลอาญา คัดค้านประกันตัว
ที่กองบังคับการปราบปราม (บก.ป.) ภายหลังจากที่เจ้าหน้าที่ทำการเบิกตัว นายษิทรา เบี้ยบังเกิด และ นางปทิตตา เบี้ยบังเกิด ภรรยาของนายษิทรา มาสอบปากคำเพิ่มเติมเมื่อช่วงเช้า กระทั่งเวลา 13.30 น.พนักงานสอบสวน ได้นำตัว ทนายษิทรา พร้อมภรรยา ไปฝากขังที่ศาลอาญา ถนนรัชดา
ผู้ช่วย ผบ.ตร. เผย 'ทนายตั้ม' เตรียมหนีออกนอกประเทศ ประสานตร.ทางหลวงสกัดจับ
พล.ต.ท.อัคราเดช พิมลศรี ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เปิดเผยถึงการจับกุม ทนายตั้มและภรรยา ว่าคดีดังกล่าว ทางผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติกำชับให้ตนเข้ามาดูแล
คุมตัว 'ทนายตั้ม-เมีย' ถึงกองปราบ-คัดค้านการประกันตัว
ที่กองบังคับการปราบปราม เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ควบคุมตัว นายษิทรา เบี้ยบังเกิด และ นางปทิตตา เบี้ยบังเกิด ภรรยาของนายษิทรา ผู้ต้อง
'ทนายตั้ม' อ่วมหนัก! 'อัจฉริยะ' แฉวิ่งอัยการได้ จ่อเปิดคดีที่ 5 รอเจ๊อ้อยไฟเขียว
นายอัจฉริยะ เรืองรัตนพงศ์ ประธานชมรมช่วยเหลือเหยื่ออาชญากรรม ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีตำรวจออกหมายจับประเด็นที่นายษิทรา เบี้ยบังเกิด หรือทนายตั้ม หลอกลวงนางจตุพร อุบลเลิศ หรือเจ๊อ้อย