19ม.ค. 65-นายสุทธิชัย จรูญเนตร ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ (ที่ปรึกษา รมว.ศธ.) กล่าวว่า เมื่อเร็วๆ นี้ กลุ่มมูลนิธิสุภาวงค์เสนาเพื่อการปฏิรูปสิทธิลูกหนี้และคณะฯ ที่มาเข้าพบเพื่อแสดงความขอบคุณ คณะทำงานคณะกรรมการแก้ไขปัญหาหนี้สินข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษาของกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) ที่ช่วยผลักดันการแก้ไขปัญหาหนี้สินครูและบุคลากร โดยตนได้ชี้แจงไปว่า พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ได้ให้ความสำคัญกับปัญหาหนี้สินของประชาชน โดยได้มอบให้ นายสุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์ รองนายกรัฐมนตรี เป็นประธานคณะกรรมการ เพื่อดูแลแก้ไขปัญหาหนี้สินให้กับประชาชนโดยรวม รวมทั้งเครือข่ายครูในนาม “กลุ่มมูลนิธิสุภาวงค์เสนาเพื่อการปฏิรูปสิทธิลูกหนี้” ที่เดินทางมาในวันนี้ เช่นเดียวกับ ศธ. นางสาวตรีนุช เทียนทอง รมว.ศธ. ได้ให้ความสำคัญในเรื่องของการแก้ไขปัญหาหนี้สินครูและบุคลากรทางการศึกษา เพื่อให้ครูมีขวัญกำลังใจในการสอนนักเรียนและไม่ส่งผลกระทบต่อการพัฒนาการศึกษา จึงมอบหมายให้ตน ในฐานะที่ปรึกษา รมว.ศธ. ดูแลรับผิดชอบการแก้ไขปัญหาอย่างยั่งยืน โดยได้แต่งตั้งคณะกรรมการแก้ไขปัญหาหนี้สินข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา
“จากการดำเนินงานผลักดันการแก้ไขปัญหาหนี้สินครู ทำให้ทราบว่าปัญหาเกิดจากปัจจัยหลายด้าน ปัญหามิได้อยู่ที่ครูเพียงเท่านั้น แต่ยังมีปัญหาเกี่ยวกับกฎเกณฑ์และกฎหมายต่างๆ ที่จะต้องหาทางแก้ไขบนฐานของข้อมูลและรายละเอียดต่าง ๆ ที่จะสามารถออกแบบแนวทางแก้ไขให้เหมาะสมกับปัญหานั้น ๆ และหนี้สินของครูในสังกัดกระทรวงศึกษาธิการ ส่วนใหญ่อยู่ที่สหกรณ์ออมทรัพย์และสถาบันการเงิน โดยเฉพาะธนาคารออมสิน ธนาคารกรุงไทย เป็นต้น ดังนั้น จึงต้องวางมาตรการทั้งในเรื่องของดอกเบี้ยที่เป็นธรรม กฎระเบียบคุ้มครองครู ไม่ให้ถูกเอาเปรียบ การพัฒนาและให้ความรู้ด้านการเงินแก่ครู ในลักษณะการฝึกอบรม เป็นต้น
“ผมขอให้ทุกท่านสบายใจ ศธ.พร้อมที่จะทำงานให้กับเพื่อนครู พร้อมที่จะแก้ไขความเดือดร้อนของครู ตลอดจนพร้อมเปิดรับข้อเสนอแนะและร่วมแลกเปลี่ยนความคิดเห็น เพื่อนำไปสู่การพัฒนาแก้ไขต่อไป”ที่ปรึกษา รมว.ศธ. กล่าว
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
โฆษกรัฐบาล เผย 'นายกฯ' พอใจแก้ไขปัญหาหนี้สินครูคืบหน้า ลงทะเบียนร่วมโครงการกว่า2.9 หมื่นราย
โฆษกรัฐบาลเผย 'นายกฯ' พอใจแก้ไขปัญหาหนี้สินครูคืบหน้า ศธ. จัดตั้งสถานีแก้หนี้ 558 แห่งทั่วประเทศ ครู-บุคลากรทางการศึกษา ลงทะเบียนเข้าร่วมโครงการรอบแรกกว่า 2.9 หมื่นราย