อว.-วศ.-วช-มทร.อีสาน จับมือบางจากฯ วิจัยพัฒนา 'สารเติมแต่งน้ำมันเชื้อเพลิง GBA' ลดควันดำ-PM 2.5

9 ส.ค. 2567-นางสาวศุภมาส อิศรภักดี รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) ให้เกียรติเป็นสักขีพยานการลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ (MOU) การผลักดันผลงานวิจัยและนวัตกรรม เพื่อเสริมสร้างคุณภาพชีวิตและสร้างอากาศสะอาดเพื่อคนไทย พร้อมด้วย นายเพิ่มสุข สัจจาภิวัฒน์ ปลัดกระทรวง อว., พ.ญ.เพชรดาว โต๊ะมีนา ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวง อว. และ ศ.เกียรติคุณ ดร.นพ.สิริฤกษ์ ทรงศิวิไล ประธานคณะกรรมการส่งเสริมวิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม โดยมี นายแพทย์รุ่งเรือง กิจผาติ อธิบดีกรมวิทยาศาสตร์บริการ (วศ.), ดร.วิภารัตน์ ดีอ่อง ผู้อำนวยการสำนักงานการวิจัยแห่งชาติ (วช.), รศ.ดร.บัณฑิต กฤตาคม รองอธิการบดีฝ่ายวิจัย พัฒนานวัตกรรมและบริการวิชาการ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลอีสาน และ คุณกัณฑมาศ กฤตยานุกูล ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ สายงานการผลิต บริษัทบางจาก คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) ร่วมลงนาม ความร่วมมือ วิจัยและพัฒนาสารเติมแต่งน้ำมันเชื้อเพลิง GBA ช่วยลดควันดำและฝุ่น PM 2.5 สร้างอากาศสะอาดเพื่อคนไทย

นางสาวศุภมาส กล่าวว่า สืบเนื่องจากที่คณะรัฐมนตรี ได้ให้ความเห็นชอบมาตรการแก้ไขปัญหาฝุ่นพิษ PM 2.5 ปี 2567 และนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ได้เน้นย้ำว่ารัฐบาลจะให้ความสำคัญต่อการดำเนินการทุกด้านเพื่อเร่งแก้ปัญหา PM 2.5 ซึ่งได้มีการตั้งคณะกรรมการ PM 2.5 แห่งชาติ และมอบหมายให้ทุกกระทรวงเร่งแก้ไขปัญหาดังกล่าว เพื่อให้สอดคล้องกับมติคณะรัฐมนตรี กระทรวง อว. จึงมีนโยบายให้หน่วยงานในสังกัดนำองค์ความรู้ด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีมาใช้เป็นเครื่องมือในการแก้ปัญหา PM 2.5 ที่กำลังส่งผลกระทบต่อสุขภาพและคุณภาพชีวิตของประชาชนคนไทยทั้งประเทศในช่วงหลายปีที่ผ่านมา และยังเป็นปัญหาที่เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องหากยังไม่ได้รับการแก้ไข การลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมของทั้ง 4 หน่วยงานในวันนี้ จะเป็นกลไกสำคัญในการสร้างความร่วมมือด้านการวิจัยและพัฒนาสารเติมแต่งน้ำมันเชื้อเพลิงกรีเซอรอล บิวทิล อะเซทัล หรือ GBA ที่สามารถช่วยลดควันดำและฝุ่น PM 2.5 จากการเผาไหม้ของเครื่องยนต์ดีเซลได้ รวมถึงนำไปสู่การศึกษาความเป็นไปได้ในการพัฒนาต่อยอดและหาแนวทางการดำเนินการเพื่อใช้ประโยชน์ในเชิงพาณิชย์ต่อไป GBA ที่สังเคราะห์ขึ้นจากงานวิจัยนี้ สามารถเตรียมได้จากผลิตภัณฑ์พลอยได้ ที่เกิดจากกระบวนการผลิตน้ำมันไบโอดีเซล ถือเป็นการสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับผลผลิตทางการเกษตร ซึ่งสอดคล้องกับนโยบาย BCG ที่มุ่งเน้นการพัฒนาเศรษฐกิจชีวภาพ เศรษฐกิจหมุนเวียน และเศรษฐกิจสีเขียว นับเป็นโมเดลเศรษฐกิจที่มุ่งสู่การพัฒนาที่ยั่งยืน ตรงกับแผนปฏิบัติการด้านการขับเคลื่อนการพัฒนาประเทศด้วยโมเดลเศรษฐกิจ พ.ศ. 2564-2570

“นี่คือความพยายามของ 4 หน่วยงานที่บูรณาการร่วมกันในมิติต่าง ๆ เพื่อแก้วิกฤติฝุ่น PM2.5 รวมถึงขับเคลื่อนงานวิจัยให้เกิดเป็นข้อเสนอเชิงนโยบาย เชิงพาณิชย์ หรือเชิงสาธารณะประโยชน์ ก่อให้เกิดการแก้ปัญหาฝุ่น PM2.5 อย่างยั่งยืน” รมว.อว. กล่าว

ด้าน นายแพทย์รุ่งเรือง กล่าวว่า ปัญหา PM2.5 จากภาคจราจรมีสาเหตุหลักเกิดจากไอเสียรถยนต์เครื่องยนต์ดีเซลที่เผาไหม้ไม่สมบูรณ์ โดยเฉพาะรถยนต์เครื่องยนต์ตีเซลเก่าที่ยังไม่ได้มาตรฐานไอเสียยูโร 5 ทางภาคีเครือข่ายงานวิจัยจึงได้ร่วมเสนอแนวทางการแก้ไขปัญหาฝุ่น PM2.5 โดยใช้สารเติมแต่งเชื้อเพลิงที่มีออกซิเจนเป็นส่วนประกอบ เมื่อเติมลงในน้ำมันจะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการเผาไหม้ และลดฝุ่น PM2.5 ได้ โดยสารเติมแต่งนี้สามารถผลิตได้จากสารตั้งต้นที่ประเทศไทยมีศักยภาพในการผลิต ซึ่งเตรียมได้จากปาล์มน้ำมัน มันสำปะหลัง หรืออ้อย ดังนั้น งานวิจัยนี้นอกจากจะช่วยแก้ไขปัญหาฝุ่นพิษ PM2.5 ยังช่วยให้เกิดการพัฒนาเศรษฐกิจชีวภาพ เศรษฐกิจหมุนเวียน และเศรษฐกิจสีเขียว ที่เป็นเครื่องมือในการพัฒนาเศรษฐกิจของประเทศไทยจากการใช้วัตถุดิบทางการเกษตร มาเปลี่ยนเป็นผลิตภัณฑ์ที่มีมูลค่าเพิ่ม

ขณะที่ ดร.วิภารัตน์ กล่าวว่า แหล่งกำเนิดฝุ่น PM2.5 มาจากหลายแหล่งกำเนิด เช่น ควันจากท่อไอเสียรถยนต์ โดยเฉพาะรถดีเซลรุ่นเก่าที่ประสิทธิภาพของเครื่องยนต์ต่ำ การเผาในที่โล่ง การเผาขยะ การเผาเพื่อการเกษตรไฟป่าทั้งที่เกิดตามธรรมชาติและการลักลอบเผาป่า รวมทั้งการก่อสร้างและโรงงานอุตสาหกรรม โดยในประเด็นแหล่งกำเนิดจากเครื่องยนต์ดีเซล วช. จึงร่วมกับ มทร.อีสาน เพื่อแก้ไขปัญหา PM2.5 จากแหล่งกำเนิดรถยนต์จากเครื่องยนต์ดีเซล ภายใต้โครงการวิจัยและนวัตกรรม เรื่อง "การพัฒนาตัวเร่งปฏิกิริยากรดของแข็งคาร์บอนสำหรับการผลิตสารเติมแต่งเชื้อเพลิง กลีเซอรอล บิวทิล อะเซทัล เพื่อลด PM2.5 จากแหล่งกำเนิดเครื่องยนต์ดีเซล" ในปีงบประมาณ 2565 และ สนับสนุนทุนวิจัยและนวัตกรรมต่อเนื่องฯ เพื่อต่อยอดผลงานวิจัยในระยะที่ 2 ปีงบประมาณ 2567 วช. จึงร่วมมือกับ วศ. และ มทร.อีสาน วิจัยเพิ่มภายใต้โครงการวิจัยและนวัตกรรม "การลดควันดำและ PM25 ของเครื่องยนต์ดีเซลด้วยสารเติมแต่งน้ำมันเชื้อเพลิง" ที่มีบริษัทบางจาก คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) เข้ามาร่วมในฐานะหน่วยงานที่ใช้ประโยชน์ผลงานวิจัย

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

“ศุภมาส” รมว.กระทรวง อว. เปิดงาน “มหกรรมวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ ประจำปี 2567”

17 สิงหาคม 2567 ที่ศูนย์แสดงสินค้าและการประชุมอิมแพ็ค เมืองทองธานี น.ส.ศุภมาส อิศรภักดี รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.)

ดีพร้อม ผนึกกำลัง GISTDA ติดปีกอุตสาหกรรมอนาคต ด้วยเศรษฐกิจอวกาศ จับมือสองกระทรวงขับเคลื่อนอุตสาหกรรมไทยสู่โลกอนาคต

กรมส่งเสริมอุตสาหกรรม หรือ ดีพร้อม (DIPROM) กระทรวงอุตสาหกรรม ผนึกกำลัง สำนักงานพัฒนาเทคโนโลยีอวกาศและภูมิสารสนเทศ (องค์การมหาชน) หรือ GISTDA กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัย และนวัตกรรม

Kick-off โครงการการพัฒนาระบบกลไกของอุทยานวิทยาศาสตร์ภูมิภาคเพื่อพัฒนาพื้นที่ระเบียงเศรษฐกิจ 4 ภาค

เมื่อวันที่ 1 ส.ค. รศ.ดร.วีระพงษ์ แพสุวรรณ ประธานคณะที่ปรึกษา รมว.กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) ด้านวิทยาศาสตร์ เป็นประธานเปิดงานปฐมนิเทศ (Kick-off)

ห้ามพลาด! 'อว.แฟร์' ชวนคนไทยสัมผัสสถานีอวกาศขนาดเสมือนจริง พบผลิตภัณฑ์-สินค้าวัฒนธรรมของดี 20 จังหวัด และนิทรรศการสุดเจ๋งทางวิทยาศาสตร์ จัดถึง 28 ก.ค. นี้ ณ ศูนย์ฯ สิริกิติ์

กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) เชิญชวนทุกท่านร่วมสัมผัสพลังแห่งอนาคตในงาน อว.แฟร์ : SCI POWER FOR FUTURE THAILAND มหกรรมส่งเสริมการใช้ประโยชน์ อววน. เพื่อการพัฒนาเศรษฐกิจไทยอย่างยั่งยืน ด้วยพลังสหวิทยาการ หรือ “อว.แฟร์” วันนี้ - 28 กรกฎาคม 2567 เวลา 09.00 - 20.00 น. ณ ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์

NSM ขับเคลื่อนนโยบาย 'ศุภมาส' ผนึกกำลังหน่วยงานเครือข่ายพิพิธภัณฑ์-แหล่งเรียนรู้-นักสื่อสารวิทย์ ประกาศเจตจำนงสร้างพลังวิทยาศาสตร์ระดับชาติครั้งแรกของไทย

นายเพิ่มสุข สัจจาภิวัฒน์ ปลัดกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) เป็นประธานในพิธีประกาศเจตจำนงค์เครือข่ายพลังสื่อสารวิทยาศาสตร์ เครือข่ายพิพิธภัณฑ์ และแหล่งเรียนรู้วิทยาศาสตร์ครั้งแรกของประเทศไทย ในงาน “Empowering Science Communication and Science Museums”