'ปฏิบัติการโกงอายุ' ด้วยศัลยกรรมความงาม

รศ.นพ.ถนอม บรรณประเสริฐ

การศัลยกรรมความงาม เพื่อให้ตัวเองดูดี ย้อนวัย กำลังเป็นเทรนด์ของโลก ที่ไม่จำกัดเพศ อายุ อาชีพ  และนับวันจะกลายเป็นเรื่องปกติธรรมดาเข้าไปทุกที  ในฐานะเป็นโรงพยาบาลศัลยกรรมเพื่อความงามหนึ่งเดียวที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ เมื่อเร็วๆนี้โรงพยาบาลมาสเตอร์พีซ  ได้เปิดตัวโชว์ศักยภาพ การเป็นสถานพยาบาลที่มีความพร้อมเรื่องศัลยกรรมความงาม ไม่ว่าทำจมูก ยกคิ้วที่กำลังมาแรง ทำหน้าอก และการศัลยกรรมดึงหน้าให้ดูเด็กลง ซึ่งถือว่าเป็นการโกงความแก่ ในนวัตกรรม การผ่าตัดที่ถือว่าเป็นเทคนิคที่ดีที่สุดในปัจจุบัน

ด้วยเหตุนี้มูลค่าธุรกิจการศัลยกรรมความงามจึงเติบโตพรวดพราด โดยนางสาวลภัสรดา เลิศภานุโรจ รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท มาสเตอร์ สไตล์ จำกัด (มหาชน) (MASTER)  ในนามโรงพยาบาลมาสเตอร์พีซ เปิดเผยถึงภาพรวมอุตสาหกรรมศัลยกรรมความงามในไทยปัจจุบันยังเป็นที่นิยมอย่างมาก คาดว่าในปี 2566 มูลค่าตลาดศัลยกรรมความงามไทยจะมีมูลค่าสูงถึง 40,000 ล้านบาท ขณะที่ปี 2565 มูลค่าตลาดอยู่ที่ประมาณ 30,000 ล้านบาท เนื่องจาก เป็นนี้สถานการณ์โควิด-19 ได้คลี่คลายลงนั่นเอง ส่วนรายได้ของรพ.มาสเตอร์พีซ จากช่วงแรกๆที่เปิดโรงพยาบาลมีรายได้จาก  100 ล้านบาท ก็ค่อยๆเพิ่มเป็น 200 ล้านบาท และ400 ล้านบาทตามลำดับ  ก่อนเข้าตลาดหลักทรัพย์  600 ล้านบาท แต่เชื่อว่าหลังเข้าตลาดหลักทรัพย์แล้วจะเพิ่มขึ้นเป็น  1,500  ล้านบาท  หรือเติบโต 100% และคาดว่าในช่วง 3 ปี 2566-2568 จะเติบโตได้ปีละ 40%

อันดับการศัลยกรรมความงามยอดฮิต คนนิยมทำอะไรมากที่สุด รศ.นพ.ถนอม บรรณประเสริฐ หนึ่งในคณะแพทย์ของโรงพยาบาลมาสเตอร์พีซกล่าวว่า คือการทำจมูก ด้วยค่านิยมของคนเอเชียที่อยากมีปลายจมูกโด่ง เหมือนตะวันตก ทำให้มีการมาทำจมูกมาก รองลงมาคือ คือ การทำตา ตาสองชั้นหรือเปิดตัวตา หางตา ตามมาด้วยทำหน้าอก ที่มีทั้งเพิ่มขนาดและตกแต่ง การดูดไขมัน แต่ที่มาแรงที่สุดในปีนี้คือ"การยกคิ้ว" ซึ่งทางโรงพยาบาลมีเทคนิคที่ทันสมัย คือการส่องกล้อง

"สิ่งที่ทางโรงพยาบาลมาสเตอร์พีชเพิ่มเข้ามาในปีนี้ คือการทำศัลยกรรม ยกคิ้ว - ดึงหน้า - ดึงคอ เทคนิคใหม่ปี 2023 ที่เราเรียก ‘ปฏิบัติการโกงอายุ’ เป็นการผสมผสานระหว่างเทคนิคการดึงหน้าด้วยวิธีผ่าตัดแบบส่องกล้อง เข้ากับการผ่าตัดดึงหน้าในชั้นกล้ามเนื้อ ถึงระดับ SMAS เพื่อจะสามารถดึงชั้นกล้ามเนื้อที่ลึกที่สุดได้อย่างมีประสิทธิภาพ และได้ผลลัพธ์ที่ดียิ่งขึ้น จึงมีการเพิ่มเทคนิค FACIAL FAT CONTOURING เข้าไปด้วย เพื่อช่วยแก้ไขปัญหาจุดบกพร่องบนใบหน้าเฉพาะจุดของแต่ละบุคคล ด้วยการจัดแต่ง แก้ไขไขมัน ของผู้ที่ทำศัลยกรรมเอง ให้ผลลัพธ์ออกมาดีที่สุด  โดยการผสมผสานเทคนิคทั้ง 3 ดังกล่าว ทำให้ผลลัพธ์ออกมาดูอ่อนเยาว์อย่างเป็นธรรมชาติ และยาวนานมากที่สุด "รศ.นพ.ถนอม บรรณประเสริฐ หนึ่งในคณะแพทย์ของโรงพยาบาลมาสเตอร์พีซกล่าว

การดึงหน้า ย้อนวัย ซึ่งถือว่าเป็นสุดยอดของการทำศัลยกรรมความงาม  ซึ่งปัจจุบันรพ.มาสเตอร์พีซ ใช้วิธีส่องกล้อง รศ.นพ.ถนอม กล่าวว่า  การผ่าตัดจะใช้วิธีส่องกล้องเข้าไป 5 จุด ขนาดจุดละ2  ซม. โดยผ่าตัดดึงหน้าในชั้นกล้ามเนื้อ ถึงระดับ SMAS เพื่อจะสามารถดึงชั้นกล้ามเนื้อที่ลึกที่สุดได้อย่างมีประสิทธิภาพ ข้อดีของส่องกล้อง ทุกอย่างจะถูกขยายหมด เช่น เส้นประสาท มองตาเปล่าจะเห็นแค่ 1 มม. แต่พอส่องกล้องจะขยายกลายเป็น 3-4 มม. ทำให้ผ่าตัดได้แม่นยำมากขึ้น วิธีการใหม่จะดีกว่า วิธีการดึงหน้าแบบเก่า  ซึ่งจะมีการตัดเส้นประสาท ทำให้คนที่ทำมา จะรู้สึกชาที่หนังศรีษะตลอดไป แม้จะหวีผม หรือสระผมก็ไม่มีความรู้สึก เป็นการชาถาวร  ทำให้รู้สึกเห็นใจคนไข้  และวิธีแบบเก่า หน้าจะตึงไปได้  5 ปี หลังจากนั้นก็กลับมาหย่อนใหม่    แต่เทคนิคใหม่ จะลงไปแก้ไขจุดที่ลึกกว่ากล้ามเนื้อ ลึกไปถึงกระดูก ซึ่งอยู่ชั้นลึกที่สุด จะต่างกับดึงหน้าทั่วไป  หรือสิ่งที่เราทำคือการยกไปถึงใต้เยื้อหุ้มกระดูก ซึ่งจะมียกมาทั้งก้อน  

" ผมไม่อยากทำวิธีการแบบเก่า    วิธีเทคนิคใหม่นี้ดีกว่า ตอนแรกที่เทคนิคนี้ออกมาใหม่ๆเมื่อ 20ปีก่อน อาจยังไม่ค่อยเข้าใจกันเรื่องโครงสร้างหน้า แต่ตอนนี้เข้าใจกันหมดแล้ว ทำยังไงไม่กระทบเส้นประสาท ต้องตัดขาดตรงไหน ตรงไหนเลื่อน แล้วผนึกเข้าหากัน ซึ่งการผ่าตัดของเรา ที่มีการเลื่อนเยื่อหุ้มกระดูกขึ้นมาด้วย  จะให้ผลลัพธ์ที่ดี แต่ต้องรอให้เยื่อนี้เกาะหุ้มกระดูกประมาณ 3เดือน  ก็จะทำให้หน้ายกขึ้น แต่การทำแบบนี้ในเชิงสรีระวิทยา จะอยู่ได้ระยะหนึ่ง เพราะคนเราก็จะแก่ขึ้นเรื่อยๆ หน้าก็จะตกลงไป แต่จะช้าลงกว่าวิธีแบบเก่า"

เทียบกับเกาหลีที่มีชื่อเรื่องศัลยกรรมความงาม รศ.นพ.ถนอมบอกว่า เกาหลีจะมีหลายระดับ ตั้งแต่ระดับผู้เชี่ยวชาญ แต่คิดว่าการส่องกล้องยกคิ้วของมาสเตอร์พีซ เกาหลีไม่ค่อยทำ และเราน่าจะทำเยอะกว่า  ส่วนการดึงหน้าที่เกาหลีทำ มีหลายรูปแบบ ตั้งแต่การดึงหน้าที่ยากที่สุดคือ การใช้เทคนิคแบบนี้  ที่เรียกว่าดีพเพลน เป็นเทคนิคที่มีประสิทธิภาพที่สุด เพราะผ่าลงไปใต้ชั้นกล้ามเนื้อ และ รักษาเส้นประสาทใบหน้า  และเทคนิคแบบเก่า

คนที่คิดไปดึงหน้า อาจจะยังไม่มีความรู้มากพอ ลองฟังจากปากคำ รศ.นพ.ถนอม ที่บอกว่า ต้องเข้าใจก่อนว่าตัวเราก็ต้องแก่ลงไปเรื่อยๆ ตามความเสื่อมทุกอย่าง  โดยทั่วไปการผ่าตัดดึงหน้า ยกคิ้ว ถ้าเราทำแล้วถ้าจะดูเห็นผลจริงๆ ต้อง 3-6 เดือนหลังทำ เทคนิคใหม่ จะให้ผลอยู่ได้ 3-5ปี  แต่ถ้าทำศัลยกรรมที่ใช้เทคนิคทำไม่เยอะ  ช่วง 1-3 เดือนแรกหลังทำ จะดูสวย แต่พอผ่านไป 6เดือน จะดูไม่ค่อยต่างจากก่อนทำเท่าไหร่  แต่พอหนึ่งปีก็จะหายไปเลย

ข้อควรระวังของคนที่คิดจะทำศัลยกรรมความงาม  รศ.นพ.ถนอม กล่าวถึง กรณีของชูชัย ชัยฤทธิเลิศ ประธานกรรมการบริหาร บริษัท เจมพีช กรุ๊ป เจ้าของร้าน เจมส์ พีซ บาย ชูชัย (Gem Peace by Chuchai) ที่มาผ่าตัด ยกคิ้วแบบผ่าตัดส่องกล้อง - ดึงหน้า - เสริมหน้าผาก กับโรงพยาบาลมาสเตอร์พีชว่า  พบว่าคุณชูชัย ทำศัลยกรรมก่อนหน้านี้หลายครั้ง ทำให้มีผังผืดเยอะมากหลายจุด ซึ่งสาเหตุของผังผืดแต่ละคนไม่แน่ชัด แต่มักพบในจุดที่มีการฉีดฟิลเลอร์  การยิงพลังงานต่างๆ หรือการใส่ไหมเข้าไป  แต่ถ้าเป็นการใส่ไฮยายูลอนแอซิดแท้จะไม่เกิดผังผืด ซึ่งผังผืด จะเหมือนกาวปิดหากัน   ทำให้การผ่าตัดจะคุมผลลัพธ์ได้ยากขึ้น 

ในเรื่องการทำจมูก ที่นิยมสูงสุด คุณหมอถนอมบอกว่า ที่คนนิยมทำจมูกมาจาก ความเป็นเอเชียที่ต้องการมีปลายจมูกโด่งเหมือนตะวันตก แต่ก็มีหลายคนที่มาทำจมูกไม่ใช่เพื่อให้มีดั้งแบบสมัยก่อน  แต่เป็นการทำตามแฟชั่น หรือกระแสในช่วงนั้น ซึ่งการเปลี่ยนเยอะถือว่าไม่ดี   เพราะทุกครั้งที่มีกาเปลี่ยนจะมีโรคแทรกซ้อนเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ และเวลาที่เกิดปัญหาที่จมูกจะทำให้เกิดความพิการ หายใจไม่ได้ หรือหายใจไม่สะดวก  เพราะจมูกเป็นอวัยวะที่อยู่ตรงกลางใบหน้า ถ้าพิการแล้วจะเห็นชัดมาก

ชูชัย ชัยฤทธิ์เลิศ 


รองลงไปเป็นตา เพราะในเคสเปิดหางตา บางครั้งเกิดปัญหาตามมา การทำตาสองชั้น ทำให้เกิดปัญหาตาแห้ง ตาอ้า และที่ต้องระวังที่ตามีปัญหาคือกล้ามเนื้อตา หรือกล้ามเนื้อตาสองข้างไม่เท่ากัน แม้จะเป็นผู้เชี่ยวชาญบางคร้้ง ก็อาจจะเกิดสิ่งที่คาดไม่ถึงได้

ทำไมคนถึงอยากศัลยกรรมความงามกันมาก รศ.นพ.ถนอม มองในฐานะนักวิทยศาสตร์ การพบปะกันของคนในยุคนี้มันมาทางออนไลน์ เป็นเรียลไทม์ จากเมื่อก่อนต้องเดินทางกว่าจะไปพบเห็นหน้ากันได้ และคนยังใช้ภาพลักษณ์หน้าตา ในการประกอบอาชีพอีกด้วย อย่างที่เห็นกันว่ามีการใช้แอปลิเคชั่นต่างๆมาตกแต่งให้ดูดี
"ความเห็นผมคิดว่า Interface ทางอินเตอร์เน็ต มีผลต่อการใช้ชีวิต การประกอบอาชีพ ดังนั้น คนในอนาคต ก็จำเป็นต้องทำกับภาพลักษณ์ให้สอดคล้อง  กับรูปแบบของโลกที่เปลี่ยนไป เราได้ยินเรื่องระเบียบโลก ยุคใหม่  ซึ่งมีการบอกกันว่าอิทธิพลที่มีต่อมนุษย์จะเปลี่ยนไปจากเดิม  จึงตอบไม่ได้ว่า จะเป็นยังไง แต่ที่รู้คือเราเข้าสู่อีกPhase หนึ่ง เป็นยุคขอ visual reality ที่มาไวมาเร็ว"ศัลยแพทย์กล่าว

การทำงานในฐานะศัลยแพทย์ความงาม  คุณหมอถนอม บอกว่า สิ่งที่ตนจะระวังมากที่สุด คือ ในเรื่อง ทำไปแล้ว คนไข้ต้องพึงพอใจ เพราะศัลยกรรมความงาม มันไม่ใช่โรค มันเป็นหัตถการที่แก้ที่จิตใจคนไข้  ทำแล้วคนไข้มีความสุข นอนหลับ  นี่คือสิ่งที่เราต้องการ แต่ถ้าผ่าไปแล้วคนไข้นอนไม่หลับ เป็นทุกข์ หรือซึมเศร้า  ก็คงไม่ใช่แล้ว
" ประสบการณ์ผมจริงๆ ความพึงพอใจคนไข้จะไม่เหมือนกัน หมอต้องเป็นคนตัดสินใจเอง ต้อวางแผนด้วยกัน เพราะบางคนต้องการความสมบูรณ์แบบ 100% มันเป็นสิ่งที่เป็นไปไม่ได้ "รศ.นพ.ถนอมกล่าว

ทางด้าน  ชูชัย ชัยฤทธิเลิศ  ที่มีประสบการณ์การทำศัลยกรรมดึงหน้าย้อนวัยกับรพ.มาสเตอร์พีซ กล่าวว่า แต่ก่อนไปทำศัลยกรรมที่เกาหลีหลายครั้ง  พอนานไปหน้าก็มีปัญหา  ต่อมามีคนแนะนำให้มาที่รพ.มาสเตอร์พีซ  พอมาดูพบว่าน่าเชื่อถือ  พอทำแล้วแฮปปี้มาก ไม่เจ็บ เทียบกับทำที่เกาหลียังไม่เท่านี้  ตอนทำจมูกทำที่เกาหลีไม่ได้นอน หายใจลำบาก แต่ทำที่นี่ได้ดังใจ  หลายคนชมแล้วหน้าดูดีขึ้น    

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ฉลองวันเกิด 70ปี 'บานเย็น รากแก่น' ดึงหน้ากระชากอายุ

“บานเย็น รากแก่น” ราชินีลูกทุ่งหมอลำประยุกต์ ศิลปินแห่งชาติ สาขาศิลปะการแสดงประจำปี พ.ศ. 2556 เปิดใจกับการตัดสินใจทำศัลยกรรมชุดใหญ่ดึงหน้าฉลองครบรอบวันเกิด70ปี เพราะอยากสวย