สบส.เผยสำรวจนักเรียนกว่า 68% ยังกินอาหารรวมกลุ่ม 'หมูกระทะ' นำโด่ง 56.8%

3ธ.ค.2564- นพ. ธเรศ กรัษนัยรวิวงค์ อธิบดีกรมสนับสนุนบริการสุขภาพ (กรม สบส.) กระทรวงสาธารณสุข เปิดเผยว่า แม้ปัจจุบันสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือโรคโควิด 19 (COVID 19) ในประเทศไทยจะมีแนวโน้มที่ลดลง แต่ก็ยังมิอาจไว้วางใจได้เสียทีเดียว ด้วยการมาของโคโรนาไวรัสสายพันธุ์ใหม่ “โอไมครอน” (Omicron) ประกอบกับการเปิดภาคเรียนของเด็กนักเรียน ที่ทำให้เกิดกิจกรรมการรวมกลุ่มของนักเรียน ก็อาจทำให้เกิดการแพร่ระบาดของโรคโควิด 19 ระลอกใหม่ได้ โดยจากการเก็บข้อมูลจากนักเรียนที่กำลังศึกษาระดับมัธยม ซึ่งมีพฤติกรรมล้อมวงรับประทานอาหารร่วมกันกับเพื่อน และคนในครอบครัว ใน 19 จังหวัด จำนวน 14,387 ราย ระหว่างวันที่ 1-25 พฤศจิกายน 2564 โดยกองสุขศึกษา กรม สบส.พบความคิดเห็น 5 อันดับแรก ซึ่งเป็นสาเหตุให้นักเรียนเลือกรับประทานอาหารร่วมกัน ดังนี้


1)เป็นวัฒนธรรมที่เคยชิน ร้อยละ 68.47 2)เป็นคนใกล้ชิด ร้อยละ 68.19 3)เป็นการสร้างความสัมพันธ์ที่ดี ร้อยละ 63.57 4)ประเภทอาหารที่กินเอื้อต้องให้กินร่วมกัน 56.82 และ 5)กินอาหารร่วมกันช่วยเพิ่มความสนุกสนาน ร้อยละ 53.87 โดยอาหารที่นักเรียนส่วนใหญ่รับประทานร่วมกับเพื่อนหรือครอบครัว ได้แก่ หมูกระทะ สุกี้ ร้อยละ 56.8 ซึ่งถือว่าเป็นพฤติกรรมเสี่ยงต่อโรคโควิด 19 ดังนั้น กุญแจสำคัญในการผลักดันให้เยาวชนเกิดการปรับเปลี่ยนความคิดเห็น ลด ละ เลิก แนวคิด ในการร่วมวงรับประทานอาหารร่วมกันนั้น ทั้งภาครัฐ สถาบันการศึกษา และครอบครัว จะต้องร่วมให้ความรู้ ความเข้าใจ ถึงความเสี่ยง และอันตรายจากการรับประทานอาหารร่วมกันที่อาจจะทำให้มีการแพร่กระจายของโรคโควิด 19 มีการปฏิบัติตัวเป็นแบบอย่าง พร้อมแนะนำวิธีปฏิบัติตัวที่ถูกต้อง ให้นักเรียน/บุตร หลาน มีการเว้นระยะห่างในการรับประทานอาหาร ไม่ใช้ภาชนะร่วมกัน ล้างมือให้สะอาด รับประทานอาหารสุกใหม่ และแยกสำรับอาหารเฉพาะแต่ละคน เกิดการตั้งสติคิดว่าทุกคนคือผู้ติดเชื้อ จนนักเรียน/บุตร หลาน มีการปรับเปลี่ยนความคิดเห็น และพฤติกรรมสุขภาพให้ถูกต้องเหมาะสมกับวิถีชีวิตใหม่ที่ห่างไกลโรคโควิด 19

ด้านทันตแพทย์อาคม ประดิษฐสุวรรณ รองอธิบดี กรม สบส.กล่าวเพิ่มเติมว่า กรม สบส.ได้มอบหมายให้กองสุขศึกษา ดำเนินการผลิต และเผยแพร่สื่อความรู้ในการป้องกันการติดเชื้อโควิดแบบครอบจักรวาล (Universal Prevention : UP) 10 ข้อ ดังนี้ ออกจากบ้านเมื่อจำเป็น เว้นระยะห่าง 1-2 เมตร สวมหน้ากากอนามัยทับด้วยหน้ากากผ้า ล้างมือบ่อยๆ อย่าใช้มือสัมผัสหน้ากาก รวมทั้งใบหน้า ตา จมูก ปาก หากเป็นกลุ่มเสี่ยงให้หลีกเลี่ยงออกนอกบ้าน ทำความสะอาดและฆ่าเชื้อพื้นผิวที่ถูกสัมผัสบ่อยๆ แยกของใช้ส่วนตัว กินอาหารปรุง สุก ใหม่ แยกสำรับ ช้อนกลางส่วนตัว และหากสงสัยว่าตนเองมีความเสี่ยงให้ตรวจด้วย ATK ทุก 3 – 5 วัน ซึ่งจะมีการประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง อาทิ สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการศึกษาเอกชน สำนักการศึกษา กรุงเทพมหานคร ฯลฯ ร่วมเผยแพร่สื่อความรู้ที่ผลิตลงไปยังกลุ่มนักเรียน ซึ่งหากทุกคนร่วมมือกันในการลด ละ เลิก พฤติกรรมเสี่ยง เชื่อว่าสถานการณ์การระบาดของโรคโควิด 19 ก็จะผ่านพ้นไปโดยเร็ว และเมื่อการระบาดของโรคได้ผ่านพ้นไปแล้ว ทุกคนก็จะสามารถกลับมาดำเนินชีวิตได้ตามปกติสุขดังเดิม ทั้งนี้ ประชาชนที่ต้องการสืบค้นข้อมูลด้านสุขภาพ แนวทางการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมสุขภาพ หรือการดูแล ป้องกันตนเองจากโรคโควิด 19 สามารถสืบค้นข้อมูลได้ที่เว็บไซต์คลังความรู้สุขภาพ กระทรวงสาธารณสุข (http://healthydee.moph.go.th)

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

'กมธ.คมนาคม' สว. ไล่บี้กรมขนส่งฯ ปมบัสไฟไหม้ แนะขึ้นบัญชีรถบริการ 'ผู้สูงอายุ-นร.'

'สว.วุฒิชาติ' แจงเหตุชงญัตติด่วนไฟไหม้รถบัสทัศนศึกษา ย้ำต้องยึดมาตรฐานความปลอดภัย ขู่เจอตรวจทิพย์ต้องดำเนินคดี แนะกรมขนส่งฯ ขึ้นบัญชีรถที่ให้บริการผู้สูงอายุ-นักเรียน

สั่งศูนย์ต้านเฟกนิวส์ สอบเพจรับบริจาคเงินช่วยเหตุบัสไฟไหม้

'ประเสริฐ' สั่งศูนย์ต่อต้านข่าวปลอม ตรวจสอบเพจเปิดรับบริจาคเงินช่วยนักเรียนบัสมรณะ ขอประชาชนอย่าหลงเชื่อตกเป็นเหยื่อมิจฉาชีพ

นายกฯ ชี้ทัศนศึกษาไม่ได้ทำร้ายเด็ก แต่รถที่ไม่ได้ถูกดูแลตรวจสอบเป็นต้นเหตุ

น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี แถลงภายหลังการประชุมร่วมกับ นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รองนายกรัฐมนตรีและรมว.คมนาคม นายสมศักดิ์ เทพสุทิ

นักเรียนขอนแก่น บุกประท้วงเรียกร้องย้ายผอ.โรงเรียน พบพฤติกรรมไม่เหมาะสม

ผู้สื่อข่าวรายงานว่าที่ว่าการอำเภอชุมแพ จ.ขอนแก่น ได้มีนักเรียนระดับชั้นมัธยมโรงเรียนชื่อดังใน อ.ชุมแพ จ.ขอนแก่น กว่า 200 คนรวมตัวกันเดินทางมาประท้วงร้องเรียน ให้ตรวจสอบและย้ายผู้อำนวยการโรงเรียน