นายศุภกร พะวันนา ผู้อำนวยการสายการตลาดเครือโรงพยาบาลพญาไท-เปาโล เปิดเผยว่า ในช่วง ตลอดระยะเวลาที่เกิดการระบาดของโควิด-19 ส่งผลให้พฤติกรรมของผู้บริโภคเปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว ผู้คนหันมาใส่ใจดูแลสุขภาพจริงจัง ตลอดจนในช่วงโควิดระบาดพบว่า เตียงในโรงพยาบาลต่างๆ ไม่พอรองรับผู้ป่วย ซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นที่ทำให้โรงพยาบาลTransform ผลิตภัณฑ์ของโรงพยาบาล เพื่อรองรับความต้องการของผู้บริโภคในใหม่ โดยนำเทคโนโลยีดิจิทัล เข้ามามีบทบาทและเป็นปัจจัยหลักการบริการ ในรูปของ Digital Healthcare และนวัตกรรมใหม่ๆ เข้าสู่การบริการแบบ Digital Healthcare Provider อย่างเต็มรูปแบบ เพื่อตอบโจทย์ต่อทุกความต้องการ ทุกไลฟ์สไตล์ และทุกกลุ่มผู้บริโภคให้มีสุขภาพแข็งแรงอย่างยั่งยืน
“การเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมของคนยุคนี้ เห็นได้จากผลสำรวจเรื่องเทรนด์สุขภาพล่าสุด พบว่ากลุ่มคน Gen Y หรือกลุ่มมิลเลนเนียลที่อายุประมาณ22 – 40 ปี และกลุ่มอายุช่วง 40 – 49 ปี จะให้ความสำคัญกับการดูแลสุขภาพมากขึ้นอย่างชัดเจน เพราะหากสุขภาพไม่ดีอาจมีค่าใช้จ่ายสูงขึ้นตามมา ส่งผลต่อสุขภาพจิตทำให้ทุกอย่างแย่ไปด้วย เครือโรงพยาบาลพญาไท-เปาโล จึงได้มีการนำ Digital Engagement Model เข้ามาปรับใช้ในบริการ เพื่อให้สามารถเข้าใจถึงพฤติกรรมของผู้บริโภคได้”
นายศุภกร กล่าวอีกว่า รพ.เปาโล และรพ.พญาไท จึงปรับตัวเข้าสู่ยุคใหม่ของการบริการทางการแพทย์ หรือที่เรียกว่า”The New Era Of Digital Health ซึ่งเน้นเรื่องการป้องกันดูแลสุขภาพมากกว่าการรักษา โดยนวัตกรรมของโรงพยาบาลคือ การให้อำนาจกับคนไข้ในการออกแบบสุขภาพของตนเอง โดยทางโรงพยาบาลจะให้ความสำคัญกับการเก็บข้อมูล (Data)ซึ่งเป็นหัวใจหลัก ในการทำ ‘Hyper Personalization’ เพื่อนำข้อมูลของแต่ละบุคคลมาวิเคราะห์ เพื่อให้ออกมาเป็นแผนในการดูแลสุขภาพ ที่ตรงกับเป้าหมายที่คนไข้ต้องการ
“เรามีทีมทำ Futuristic Data ที่สามารถนำข้อมูลเชิงบุคคลมาช่วยวิเคราะห์ วางแผนโปรแกรมการดูแลรักษาแบบ Human Touch Service มุ่งเน้นเรื่องการส่งเสริมสุขภาพเชิงป้องกัน (Preventive Healthcare) ลดความเสี่ยงของการเจ็บป่วยทำให้เสียค่าใช้จ่ายในด้านการรักษาโรคที่อาจจะเกิดขึ้นในอนาคต ยิ่งได้ข้อมูลมากเท่าไรก็จะยิ่งเป็นประโยชน์ต่อผู้เข้าใช้บริการ ที่จะได้รับคำแนะนำด้านสุขภาพในการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมที่เสี่ยงต่อการเกิดโรค สามารถออกแบบโปรแกรมตรวจสุขภาพ ให้ตรงกับไลฟ์สไตล์ของแต่ละบุคคลได้ เช่น โปรแกรมตรวจสุขภาพ All You Can Check เป็นต้น” ศุกกรกล่าว
มาถึงยุค TeleCare แล้วจริงๆ ผอ.สายการตลาดเครือรพ.พญาไท-เปาโล บอกว่า ในยุคหลังโควิด การใช้บริการของคนไข้ผ่านระบบTeleCare มียอดเพิ่มขึ้นแล้วจริงๆ ทั้งการนัดพบแพทย์ การนัดเจาะเลือด และการนัดฉีดวัคซีน รวมทั้งการเข้าไปที่แอบพลิเคชั่นของโรงพยาบาลก็เพิ่มขึ้นด้วยเช่นกัน เนื่องจาก การใช้แอบพลิเคชั่นที่นำAI มาช่วยการบริการ จะเป็นการตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคได้ทันที เช่นการถามตอบปัญหาต่างๆ ไม่ต้องรอข้ามวันเหมือนแต่ก่อน
” เรายังสร้างความสัมพันธ์กับลูกค้าผ่านการใช้ Digital Health Solution Service เช่น ข้อมูลสุขภาพบน Health Content Library ของเครือโรงพยาบาลฯ ที่ครอบคลุมทุกกลุ่มปัญหาสุขภาพ นับเป็นการเปิดมิติใหม่ของการดูแลสุขภาพจริงๆ ทำให้ลูกค้าที่เป็นองค์กรพึงพอใจมาก โดยเฉพาะ TeleCare ทำให้ยอดองค์กรที่เป็นลูกค้าของเราเพิ่มจาก 6,000 บริษัท ในปี 64 มาเป็น 7,000 บริษัทในปี 65 นอกจากนี้ เทคโนโลยีดิจิทัล ยังทำให้คนเข้าถึงข้อมูลการดูแลสุขภาพได้ง่ายและบ่อยขึ้น จากข้อมูลคลังสุขภาพออนไลน์ของเครือโรงพยาบาลฯ พบว่าสถิติของผู้เข้าอ่านบทความมีจำนวนมากถึง 100 ล้านครั้งต่อเดือน นั่นแสดงให้เห็นว่าคนไทยใส่ใจในสุขภาพเป็นอย่างมาก”
ด้านผลิตภัณฑ์และบริการของเครือโรงพยาบาลฯ พญ.กอบกุลยา จึงประเสริฐศรี ผู้อำนวยการ ศูนย์พรีเมี่ยมไลฟ์ โรงพยาบาลพญาไท 2 กล่าวว่า ด้านการบริการเครือโรงพยาบาลพญาไท-เปาโล มีการปรับตัวอย่างมาก จากในอดีตที่แพทย์จะเน้นเรื่องการรักษา แต่ปัจจุบันให้ความสำคัญในเรื่องการป้องกัน (Preventive Care) เปลี่ยนจากหมอผู้รักษาคนป่วยเป็น Health Coach ที่จะคอยให้คำแนะนำ และติดตามดูแลใกล้ชิดจนสามารถเปลี่ยนพฤติกรรมลูกค้าให้มีสุขภาพที่ดีขึ้น โดยออกแบบโปรแกรมดูแลสุขภาพรูปแบบใหม่ที่เน้นการดูแลสุขภาพเชิงป้องกัน ได้แก่ All You Can Check ที่จะคอยติดตามภาวะสุขภาพได้ตลอดทั้งปี มีทีมแพทย์ให้คำแนะนำวางแผนการดูแลสุขภาพ ปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการใช้ชีวิตได้อย่างตรงจุด การตรวจร่างกายด้วยเครื่องมือทางการแพทย์ที่ละเอียดและแม่นยำ ลดความเสี่ยงในอนาคตจากโรคต่างๆ
“เคยมีงานวิชาการของมหาวิทยาลัยวอชิงตัน บอกว่าในปีค.ศ.2100 มนุษย์เราน่าจะมีอายุยืนได้ถึง 120ปี ซึ่งอาจจะไม่ใช่ทุกคน แต่ในคนที่ดูแลสุขภาพอย่างดี อาจเป็นไปได้ ดังนั้น การดูแลสุขภาพจึงต้องแตกต่างจากอดีต เช่น จากที่เคยตรวจสุขภาพปีละครั้ง ก็จะเปลี่ยนเป็น 3 เดือนต่อครั้ง ดังจะเห็นได้จากว่า โควิดก็ยังมีการกลายพันธุ์ทุก 3เดือน ดังนั้น เราจึงจำเป็นต้องมีการเช็คสุขภาพอย่างต่อเนื่อง สม่ำเสมอ และคนเราการมีอายุยืน ต้องอายุยืนแบบมีคุณภาพ สามารถจำคนได้ ดังนั้น การป้องกันจึงสำคัญ เราจึงออกแบบผลิตภัณฑ์ ก่อนป่วย “
All You Can Shine โปรแกรมตรวจสุขภาพเชิงลึกระดับ DNA เป็นหนึ่งในผลิตภัณฑ์ที่จะมาช่วยในการวางแผนสุขภาพอนาคตด้วยเวชศาสตร์ชะลอวัย นับเป็นมิติใหม่ที่ฉีกกฎการตรวจสุขภาพปีละครั้ง มาเป็นการตรวจซ้ำ เพื่อทำนายว่าเราจะมีโอกาสเกิดโรคอะไรหรือไม่ และ โปรแกรม All You Can Fits ตรวจความสมดุลและสมรรถภาพร่างกายรายบุคคล การปรับพฤติกรรม เพื่อแก้ไขสาเหตุอาการบาดเจ็บของร่างกาย โดยเฉพาะโรคออฟฟิศซินโดรม ที่เป็นกันมากในกลุ่มวัยทำงาน โดยจะมี Health Coach นักกายภาพคอยดูแลให้คำแนะนำ
พญ.กอบกุลยา กล่าวอีกว่า นอกจากนี้ทางโรงพยาบาล ยังมีนวัตกรรมการแพทย์ Urine CTX II ซึ่งเป็นงานวิจัยการเสื่อมสลายข้อเข่าด้วยการตรวจปัสสาวะ ทำให้สามารถรู้ถึงภาวะสุขภาพและวางแผนชะลอความเสื่อมได้ตั้งแต่เนิ่นๆ ซึ่งการเอ็กซเรย์ ไม่สามารถระบุได้ถ้าเริ่มมีการเสื่อม
“Urine CTX II เป็นนวัตกรรม ที่จะดูสารในปัสสาวะ แม้ผิวข้อเสื่อมเล็กน้อย สารตัวนี้ก็จะแสดงออกมา ซึ่งการเอ็กซเรย์ อาจไม่เห็นถ้ามีอาการเริ่มแรก ซึ่งโรคนี้ ถ้ารู้ไว รีบรักษา หรือป้องกันก็จะดีกว่า เพราะถ้าเสื่อมมากก็จะรักษาแก้ไขยาก “พญ.กอบกุลยากล่าว
นพ.ยงยุทธ มัยลาภ ประธานคณะอนุกรรมการสื่อสารเครือโรงพยาบาลพญาไท-เปาโล กล่าวว่า เครือโรงพยาบาลพญาไท-เปาโลให้ความสำคัญกับ Digital Healthcare เป็นอย่างมาก หลังจากที่ต้องเผชิญกับความเปลี่ยนแปลงจากการแพร่ระบาดของโควิด-19 โดยเน้นส่งเสริมให้เกิดการพัฒนาเทคโนโลยีและแพลตฟอร์ม ควบคู่ไปกับการลงทุนพัฒนาด้านโครงสร้างพื้นฐานและสิ่งอำนวยความสะดวก เพื่อนำ Digital Healthcare มาพัฒนาระบบการให้บริการแก่ผู้รับบริการได้อย่างไร้รอยต่อ ผ่านบริการต่างๆ อาทิ Telecare บริการปรึกษาแพทย์ออนไลน์แบบ Real-Time Video Call บริการเจาะเลือดที่บ้าน บริการจัดส่งยา ช่วยให้เข้าถึงบริการ ได้จากทุกที่ ง่าย สะดวก ประหยัดเวลา ไม่ต้องมาโรงพยาบาล ช่วยลดค่าใช้จ่าย แต่ยังได้รับการดูแลเหมือนมารับบริการที่โรงพยาบาล
“เรายังมี ‘Health Up’ แอปพลิเคชันที่รวบรวมข้อมูลด้านสุขภาพ สามารถเข้าไปดูผลตรวจสุขภาพ ความรู้ด้านสุขภาพ การนัดหมายแพทย์ ตลอดจนซื้อแพ็กเกจตรวจสุขภาพได้ด้วย ซึ่งแอปพลิเคชันนี้ได้รับการตอบรับเป็นอย่างดี ปัจจุบันมียอดดาวน์โหลดใช้งานมากกว่า 265,000 ราย และมีผู้ใช้บริการทำนัดหมายพบแพทย์ผ่านแอปพลิเคชันแล้วประมาณ 57,000 ครั้งในรอบระยะเวลา 10 เดือนที่ผ่านมา นอกจากนี้ยังได้นำเทคโนโลยีดิจิทัลเข้ามาดูแลลูกค้าระบบประกันสุขภาพ (ประกันสังคม) ซึ่งปัจจุบันมีอยู่ประมาณ 600,000 กว่าคน “นพ.ยงยุทธกล่าว