2ก.ย.2565-นพ.สุวรรณชัย วัฒนายิ่งเจริญชัย อธิบดีกรมอนามัย กล่าวว่า คนวัยทำงานนิยมดื่มกาแฟ เพื่อให้ตื่นตัว สดชื่น ลดความง่วง เพิ่มความกระปรี้กระเปร่า ในช่วงเช้าหรือระหว่างวัน ทำให้มีพฤติกรรมเคยชินในการดื่มกาแฟ จึงอาจเผลอดื่มมากเกินไป นอกจากนี้ยังมีโอกาสได้รับคาเฟอีนจากแหล่งอาหารอื่นที่ไม่ใช่กาแฟร่วมด้วย เช่น น้ำชา น้ำอัดลม โกโก้ เครื่องดื่มชูกำลัง ผู้ใหญ่สามารถบริโภคคาเฟอีนได้ โดยควรรับในปริมาณที่เหมาะสมจากเครื่องดื่ม และอาหารต่างๆ แนะนำให้จำกัดปริมาณคาเฟอีนที่ได้รับในแต่ละวันไม่เกิน 300 – 400 มิลลิกรัมต่อวัน ซึ่งเทียบเท่ากับกาแฟ 3 – 4 แก้ว หากร่างกายได้รับคาเฟอีนในปริมาณมากเกินไปหรือเรียกว่าการบริโภคคาเฟอีนเกินขนาด (Caffeine Overdose) จะส่งผลกระทบต่อระบบต่าง ๆ ของร่างกาย ดังนี้ 1) ระบบประสาทส่วนกลาง จะทำให้มือสั่น นอนไม่หลับ เกิดความวิตกกังวล ปวดศรีษะ บางครั้งอาจทำให้ชักได้ 2) ระบบทางเดินอาหาร จะเพิ่มการหลั่งของกรดและน้ำย่อยในกระเพาะอาหาร ทำให้ปริมาณน้ำย่อยและกรดในกระเพาะอาหารมากขึ้น ผู้ที่เป็นโรคแผลในกระเพาะอาหารหรือลำไส้ จึงควรหลีกเลี่ยงกาแฟทุกชนิด รวมทั้งเครื่องดื่มหรืออาหารที่มีคาเฟอีน เป็นส่วนประกอบ 3) ระบบการไหลเวียนโลหิต คาเฟอีนกระตุ้นหัวใจ เพิ่มการไหลเวียนโลหิต อาจเพิ่ม ความดันโลหิตชั่วคราว โดยเฉพาะในผู้ที่ปกติไม่บริโภคคาเฟอีน กลุ่มที่มีภาวะความดันโลหิตสูงอยู่เดิม ภาวะความดันโลหิตสูงอาจเพิ่มความเสี่ยงโรคหัวใจ 4) ระบบทางเดินปัสสาวะ คาเฟอีนลดการดูดน้ำกลับ ตอนผ่านเข้าไปในไต ทำให้ไตขับน้ำออกมาเยอะขึ้น กระตุ้นให้เกิดการปัสสาวะบ่อยขึ้น แคลเซียมซึ่งเป็นสารก่อนิ่ว ชนิดหนึ่ง จะถูกขับออกมาพร้อมปัสาวะ ในภาวะที่มีปริมาณผิดปกติ และสภาพแวดล้อมที่เอื้ออำนวยอาจก่อให้เกิด นิ่วในระบบทางเดินปัสสาวะหรือการติดเชื้อในระบบทางเดินปัสสาวะ การทำงานของไตเสื่อมลง และอาจเป็นอันตราย ร้ายแรงถึงขั้นเกิดภาวะไตวาย
“ทั้งนี้ ควรเลือกดื่มเป็นกาแฟดำไม่ใส่นมและน้ำตาล เลือกสั่งแบบหวานน้อย หรือเลือกซื้อผลิตภัณฑ์ ที่มีสัญลักษณ์ ‘ทางเลือกสุขภาพ’ หรือหากต้องการจำกัดไขมันหรือน้ำตาล อาจเลือกเป็นสูตรแคลอรีต่ำ หรือสูตรไม่มีน้ำตาล จะช่วยให้สมองตื่นตัว รู้สึกกระปรี้กระเปร่า หรือเมื่อดื่มกาแฟเย็นแล้วควรลดอาหารหวาน มัน และของทอด ในมื้ออาหารหลักลง ผู้ที่ดื่มกาแฟเป็นประจำ อาจเสี่ยงภาวะกระดูกพรุน เนื่องจากสูญเสียแคลเซียมออกจากร่างกายทางปัสสาวะ จึงควรกินอาหารที่มีแคลเซียม จากแหล่งอื่นร่วมด้วย เช่น นม ปลาเล็กปลาน้อย ผักใบเขียว เป็นต้น และกินอาหารให้ครบ 5 หมู่ ดื่มน้ำเปล่าสะอาด 8 – 10 แก้วต่อวันออกกำลังกายเพื่อเผาผลาญพลังงาน”อธิบดีกรมอนามัย กล่าว
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
6 อุปกรณ์ชงกาแฟสำหรับโฮมคาเฟ่ ดริปกาแฟออกมาอย่างมีคุณภาพ รสชาติเข้มข้น
การเปิดโฮมคาเฟ่เล็กๆ และได้เสิร์ฟ ‘กาแฟดริป’ ที่ทำได้ไม่ยาก แต่ให้รสชาติเข้มข้น กลมกล่อม หอมกรุ่นให้กับลูกค้าถือเป็นหนึ่งใน Job ในฝันของใครหลายคน เพราะนอกจากจะได้มีธุรกิจให้ได้บริหารเป็นของตัวเองแล้ว โฮมคาเฟ่ที่อบอวลไปด้วยกลิ่นกาแฟและคนรักคาเฟอีนเป็นชีวิตจิตใจ
เปิดเมนูฮิตคนไทย 2566 ‘ส้มตำปูปลาร้า-กาแฟ’ ครองแชมป์แห่งปี
“แกร็บ” เผยอินไซต์ผู้ใช้บริการเดลิเวอรีผ่านรายงาน “เทรนด์การสั่งอาหารและของใช้ในบ้านปี 2566” เผย “ส้มตำปูปลาร้า-กาแฟ” ครองแชมป์เมนูฮิตแห่งปียอดสั่งกว่า 4.4 ล้านออเดอร์และ 4.6 ล้านแก้วผ่าน GrabFood ขณะที่ “ไข่ไก่-น้ำดื่ม” ยังคงเป็นสินค้าที่ถูกสั่งมากที่สุดผ่าน GrabMart
‘ภูมิธรรม’ ปลื้มผู้ประกอบการไทย-จีน ซื้อขายมันและกาแฟกว่า 5,430 ล้านบาท
“ภูมิธรรม” เป็นสักขีพยานลงนาม MOU ระหว่างผู้ประกอบการไทย-จีน ซื้อขายผลิตภัณฑ์มันสำปะหลังและผลิตภัณฑ์กาแฟ มูลค่ากว่า 5,430 ล้านบาท คาดส่งผลดีช่วยผลักดันราคาในประเทศสูงขึ้น เกษตรกรมีรายได้มากขึ้น พร้อมร่วมมือห้าง Parkson ผลักดันสินค้าไทย เดินหน้าจัดกิจกรรมขายผลไม้ไทย และหารือกับเจ้าของบริษัท Yunnan Dimiao Electronic Commerce ร่วมมือนำสินค้าไทยไปขายเพิ่มขึ้น
ถึงเวลาพัฒนาเกษตรอินทรีย์อย่างยั่งยืนให้เกษตรกรผู้ปลูกกาแฟ
จากเคมีสู่เกษตรอินทรีย์ WALHI องค์กรด้านสิ่งแวดล้อมของอินโดนีเซีย เผยกรณีศึกษาโรงเรียนสอนปลูกกาแฟภาคสนาม (Coffee Field School) กับการทำเกษตรอินทรีย์ที่ช่วยพลิกฟื้นวิถีชีวิตเกษตรกรผู้ปลูกกาแฟ