'อัมพร'ลั่นปีการศึกษาหน้า มุ่งเป้าจัดทำหลักสูตรฐานสมรรถนะ ควบคู่เรียน-สอนแบบActive Learning

25 ส.ค.2565-นายอัมพร พินะสา เลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (เลขาฯกพฐ.) กล่าวว่า เมื่อเร็วๆ นี้ ตนพร้อมด้วยผู้บริหารสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) ได้ประชุมร่วมกับ นางสาวตรีนุช เทียนทอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ (รมว.ศธ.) ถึงนโยบายเร่งด่วนเรื่องต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับ สพฐ. โดยเริ่มตั้งแต่การจัดการเรียนการสอนภายใต้สถานการณ์โควิด ซึ่งพบปัญหาการเรียนรู้ถดถอยของนักเรียนใน 2 มิติ คือ มิติด้านการเรียนรู้ และด้านสังคม โดย สพฐ.ได้แก้ไขด้วยการเติมเต็มคุณภาพด้านการอ่านออกเขียนได้และคิดเลขเป็นอย่างเข้มข้นให้แก่เด็กประถมศึกษาปีที่ 1-3 ส่วนระดับมัธยมศึกษาเน้นการทำกิจกรรมแบบละลายพฤติกรรม นอกจากนี้ตนยังได้รายงานโครงการพาน้องกลับมาเรียนที่ตั้งเป้าเด็กหลุดออกนอกระบบการศึกษาจะต้องเป็นศูนย์ พร้อมวางแผนป้องกันไม่ให้เด็กออกจากระบบการศึกษาไปอีก รวมไปถึงการวางระบบให้เด็กใหม่ที่เพิ่งเข้าเรียนต้องไม่หลุดจากระบบการศึกษาด้วย

นายอัมพร กล่าวต่อว่า ส่วนการจัดการเรียนการสอนด้วย Active Learning หรือกระบวนการจัดการเรียนรู้ที่ผู้เรียนได้ลงมือกระทำนั้น ขณะนี้ สพฐ.ได้นำการเรียนรู้ในเรื่องนี้เข้าสู่สถานศึกษาอย่างเต็มรูปแบบแล้ว ส่วนหลักสูตรฐานสมรรถนะได้มีการปรับปรุงไปแล้วในหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พ.ศ.2561 แต่ยังไม่เกิดจริงในสถานศึกษา ดังนั้นในปีการศึกษาหน้าสพฐ.จะมุ่งเป้าจัดทำหลักสูตรฐานสมรรถนะควบคู่ไปกับการเรียนการสอนด้วยกระบวนการ Active Learning และในปีนี้จะต้องพัฒนาครูให้ได้ 100% เพื่อที่ในปีการศึกษาหน้าครูจะได้ลงมือปฏิบัติจริงผ่านกลไกลหลักสูตร แผนการเรียนรู้ การวัดและประเมินผลต่อไป
“รมว.ศธ.ย้ำว่าในปีการศึกษาหน้าจะไม่เน้นมอบนโยบายแล้ว แต่จะลงพื้นที่ไปดูว่านโยบายที่สั่งการลงไปได้ทำให้เกิดขึ้นจริงในพื้นที่ไหนบ้าง ซึ่งโรงเรียนแต่ละแห่งมีจุดเด่นในการสนองนโยบายในด้านใด เพื่อนำไปสู่การพัฒนาคุณภาพการศึกษาในอนาคต”รมว.ศธ. กล่าว

นอกจากนี้ ทั้งนี้ รมว.ศธ.ได้ฝากให้ สพฐ.ไปดำเนินการเรื่อง Soft Power ซึ่งเป็นข้อสั่งการจากพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ที่ต้องการให้นวัตกรรมหรือวัฒนธรรมไทยได้ผงาดในเวทีโลก โดยขอให้ สพฐ.นำครูที่เป็นปราชญ์ชาวบ้านเข้ามาเป็นต้นแบบให้แก่เด็กได้เรียนรู้ รวมถึงการนำเอกลักษณ์การละเล่นพื้นบ้านของไทยให้เด็กได้เข้าถึงและต่อยอดวัฒนธรรมของชุมชนตนเองได้ ซึ่ง สพฐ.จะนำเรื่องดังกล่าวมาขับเคลื่อนและเติมเต็มเรื่อง Soft Power ให้ทั่วถึงทุกโรงเรียน

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง