จุฬา ค้นพบ'มณีแดง'นวัตกรรมต้านความชรา ครั้งแรกของโลก

เพิ่มความแข็งแรงดีเอ็นเอ เบื้องต้นทดลองกับหนูพบอวัยวะย้อนวัยได้หลายสิบปี ล่าสุดจับมือร่วมกับ ปตท.-อินโนบิก พัฒนาไปสู่การทดลองในมนุษย์

12 ก.ค.65-ศ.ดร.บัณฑิต เอื้ออาภรณ์ อธิการบดี จุฬาฯ พร้อมด้วยนายอรรถพล ฤกษ์พิบูลย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ปตท. จํากัด (มหาชน)ดร.บุรณิน รัตนสมบัติ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่นวัตกรรมและธุรกิจใหม่ บริษัท ปตท. จํากัด (มหาชน) และประธานกรรมการ บริษัท อินโนบิก (เอเซีย) จํากัด รศ.นพ.ฉันชาย สิทธิพันธุ์ คณบดี คณะแพทยศาสตร์ จุฬาฯศ.ภญ.ดร.พรอนงค์ อร่ามวิทย์ คณบดี คณะเภสัชศาสตร์ จุฬาฯ และ ศ.นพ.อภิวัฒน์ มุทิรางกูร อาจารย์ประจํา คณะกายวิภาคศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ จุฬาฯ ร่วมกันแถลงข่าว จุฬาฯ จับมือ ปตท. – อินโนบิก พัฒนางานวิจัย‘โมเลกุลมณีแดง’ นวัตกรรมต้านเซลล์ชรา เตรียมพร้อมทดสอบในมนุษย์เพื่อแถลงความคืบหน้าล่าสุดของการพัฒนาและวิจัยโมเลกุลมณีแดง หรือ RED–GEMs ที่พร้อมทดสอบในมนุษย์และการเตรียมความพร้อมในกระบวนการผลิตโมเลกุลมณีแดงสู่สังคม โดยภายในงานมีพิธีลงนามความร่วมมือเพื่อสนับสนุนการวิจัยและการผลิตนวัตกรรม ‘มณีแดง’ระหว่าง จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ซึ่งดําเนินงานโดย คณะแพทยศาสตร์ และคณะเภสัชศาสตร์ ร่วมกับ บริษัท ปตท.จํากัด (มหาชน) และ บริษัท อินโนบิก (เอเซีย) จํากัด โดยมีพญ.กอบกุลยา จึงประเสริฐศรีเป็นผู้ดําเนินรายการ


ศ.ดร.นพ.อภิวัฒน์ มุทิรางกูร กล่าวว่า นับเป็น “ครั้งแรกของโลก” จากการที่ได้ค้นพบกลไกต้นน้ําของความชราสู่การพัฒนา “โมเลกุลมณีแดง” หรือ RED-GEMs (REjuvenating DNA by GEnomic Stability Molecules) โดยทั่วไปในดีเอ็นเอจะมีรอยแยก (youth-DNA-gap) อยู่บริเวณที่มีดีเอ็นเอแมดทิเลชัน (DNA methylation) อันเป็นที่มาของโมเลกุลมณีแดง ซึ่งมีบทบาทในการช่วยปกป้องดีเอ็นเอและป้องกันความแก่ชราในดีเอ็นเอ โดยเมื่อมนุษย์อายุมากขึ้น รอยแยกดีเอ็นเอจะลดลง ทําให้เกิดแรงตึงทั่วสายของดีเอ็นเอ ดีเอ็นเอไม่สามารถหมุนตัวได้อย่างปกติและถูกทําลายได้ง่าย เราจึงพบรอยโรคในดีเอ็นเอของเซลล์ที่แก่ชราแล้วเยอะขึ้น ซึ่งรอยโรคดีเอ็นเอนี้จะส่งสัญญาณให้เซลล์หยุดการแบ่งตัวตามปกติและเข้าสู่ความแก่ชรา รวมถึงอาจนําไปสู่การกลายพันธุ์และมะเร็งได้ ซึ่งโมเลกุลมณีแดงคือยีนที่มีหน้าที่เป็นกรรไกรเพื่อสร้างรอยแยกดีเอ็นเอ เซลล์ที่ได้รับมณีแดงจะมีดีเอ็นเอที่แข็งแรงขึ้น และทําให้เซลล์ที่เสื่อมลงแล้วกลับมาดีขึ้น

เซลล์ที่นำไปวิจัยมณีแดง

“จากการค้นพบนําไปสู่การวิจัยและพัฒนา จนเข้าสู่การทดสอบในสัตว์คือ หนู หมู และลิง โดยได้ทดสอบกับหนูวัยชราที่มีแผลเบาหวาน แผลไฟไหม้ พบว่าหนูวัยชรากลับเป็นหนูที่มีความแข็งแรงและกระตือรือร้นขึ้น ทั้งการทํางานของสมอง ตับ และไต ในส่วนของไขมันในช่องท้องและพังผืดในตับได้ลดหายไปด้วย ด้านแผลเบาหวาน แผลไฟไหม้หายดี ไม่มีผลข้างเคียง นอกจากนี้ ทีมวิจัยยังได้ทดสอบในหมูแรกเกิด และทดสอบคุณภาพเนื้อเมื่อมีน้ําหนัก 100 กิโลกรัม พบว่ามีเนื้อสัมผัสที่นุ่มขึ้น แน่นขึ้น ปัจจุบันโครงการได้ทดสอบในลิงแสม และหนูที่เป็นโรคสมองเสื่อมแบบอัลไซเมอร์ พาร์กินสันและปอดเป็นพังผืด ขณะนี้ได้ทดสอบมณีแดงกับลิงแสมแล้ว 3 เข็มในระยะเวลา 3 สัปดาห์ จากที่วางแผนไว้ 8 เข็มในระยะเวลา 8 สัปดาห์ โดยลิงแสมทุกตัวปลอดภัยดี และไม่มีผลข้างเคียงใดๆ” ศ.ดร.นพ.อภิวัฒน์กล่าว

ตู้เก็บสเต็มเซลล์ที่นำไปวิจัย

ทางด้าน ดร.บุรณิน รัตนสมบัติกล่าวว่า อินโนบิก เอเซีย มีความมุ่งมั่นที่จะสร้างนิเวศน์วิทยาทางธุรกิจวิทยาศาสตร์เพื่อชีวิต เพื่อส่งเสริมคุณภาพชีวิตที่ดี และสร้างความมั่นคงด้านสุขภาพของประชาชน โดยนอกเหนือจากการลงทุนด้านยา อุปกรณ์ทางการแพทย์ และโภชนเภสัชแล้ว เรายังมีเป้าหมายเร่งสร้างการพัฒนานวัตกรรมของคนไทยให้เทียบเคียงได้ในระดับสากล ผ่านความร่วมมือกับเครือข่าย ทั้งนักวิจัยและมหาวิทยาลัย เพื่อต่อยอดงานวิจัยออกสู่เชิงพาณิชย์ซึ่งเป็นความท้าทายและต้องอาศัยการทํางานร่วมกัน ทั้งการวิจัยในห้องปฏิบัติการ การวิจัยทางคลินิก การเตรียมความพร้อมทางด้านการผลิตในระดับอุตสาหกรรม การตลาด การขึ้นทะเบียน และทรัพย์สินทางปัญญา เพื่อสร้างมูลค่าของงานวิจัยให้เกิดขึ้นกับเศรษฐกิจไทย โดยอินโนบิก (เอเชีย) จะสนับสนุนองค์ความรู้ด้านการบริหารจัดการโครงการการทําการตลาดเชิงพาณิชย์ พร้อมทั้งบุคลากรที่เชี่ยวชาญ ตลอดจนเครือข่ายพันธมิตรที่แข็งแกร่ง เพื่อให้โครงการดังกล่าวประสบความสําเร็จตามเป้าหมาย ทั้งในเชิงผลลัพธ์และระยะเวลา

ศึกษาสภาพเซลล์ก่อนนำไปวิจัยมณีแดง


ทั้งนี้มณีแดง ถือได้ว่าเป็นการค้นพบที่น่าสนใจ สามารถต่อยอดในการฟื้นฟูและป้องกันที่มีการประยุกต์ใช้องค์ความรู้ทางด้านชีววิทยาโดยเฉพาะพันธุศาสตร์ สนับสนุนยุทธศาสตร์ของประเทศ ที่ต้องการเป็นศูนย์กลางทางการแพทย์ครบวงจร และพัฒนาอุตสาหกรรมการสร้างเสริมสุขภาพให้สมบูรณ์อย่างยั่งยืน หรือ Wellness


ศ.ดร.บัณฑิต เอื้ออาภรณ์กล่าวว่า จุฬาฯ เป็นสถาบันการศึกษามีการผลักดันให้เกิดการพัฒนาผลงานนวัตกรรมที่ยั่งยืน เป็นประโยชน์ต่อสังคม (Real-world Impact Innovation) ตลอดจนมุ่งใช้ศักยภาพของมหาวิทยาลัยในการตอบสนองและบริการสังคม ด้วยการสร้างสรรค์ และบ่มเพาะองค์ความรู้สู่การสร้างสรรค์แนวทางแก้ไขปัญหาสังคม ทันต่อการปรับเปลี่ยนและการแข่งขันสู่มหาวิทยาลัยแห่งชาติในระดับโลกที่ยั่งยืน ตามสโลแกนใหม่ของจุฬาฯ“Innovations for Society” เพื่อตอบโจทย์สังคม สร้างสรรค์ให้สังคมดีขึ้นในทุกๆด้าน ไม่ว่าจะเป็นด้านสุขภาพ ความเป็นอยู่ที่ดี ไปจนถึงการส่งเสริมองค์ความรู้ที่สําคัญที่จะขับเคลื่อนสังคมให้ไปข้างหน้าด้วยกัน


นายอรรถพล ฤกษ์พิบูลย์กล่าวว่า ประเทศไทยได้ก้าวเข้าสู่สังคมสูงวัยอย่างเต็มตัว ซึ่งจะมีผลกระทบต่องบประมาณค่าใช้จ่ายของภาครัฐด้านสาธารณสุข ตลอดจนการขับเคลื่อนและพัฒนาเศรษฐกิจประเทศอย่างมีนัยสําคัญปตท. ตระหนักถึงสถานการณ์ที่จะเกิดขึ้น จึงมุ่งสร้างธุรกิจ New S-Curve เพื่อเป็นแรงสําคัญในการขับคลื่อนประเทศและส่วนร่วมนําพาประเทศให้เดินหน้าได้อย่างแข็งแรง สอดคล้องกับวิสัยทัศน์ขององค์กร Powering Life with Future Energy and Beyond ที่มุ่งสร้างคุณค่าให้แก่สังคม ยกระดับคุณภาพชีวิตของคนไทย โครงการมณีแดง ถือเป็นหนึ่งในความสําเร็จของนักวิจัยไทยที่น่ายกย่อง และควรสนับสนุนต่อยอดให้เกิดผลสําเร็จอย่างเป็นรูปธรรม

ทีมวิจัยเภสัชจุฬาฯ

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

จุฬาฯ “เปิดแพลตฟอร์ม ฝ่าพิบัติ: Digital War Room” นวัตกรรมเตือนพื้นที่น้ำท่วมและแนวดินถล่มจากอุทกภัย

จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยจัดงานเสวนาวิชาการ Chula the Impact ครั้งที่ 25 เรื่อง “แพลตฟอร์มจุฬาฯ ฝ่าพิบัติ: Digital War Room” เพื่อนำเสนอนวัตกรรมจากคณาจารย์นักวิจัยจุฬาฯ

จุฬาฯ อันดับ 1 มหาวิทยาลัยไทย Top ของประเทศ 3 ด้าน จากการจัดอันดับโดย THE WUR 2025

จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยได้รับการจัดอันดับให้เป็นมหาวิทยาลัยอันดับ 1 ของไทย จากการจัดอันดับมหาวิทยาลัยที่ดีที่สุดในโลกโดย The Times Higher Education World University Rankings 2025 (THE WUR 2025) จากมหาวิทยาลัยต่าง ๆ ทั่วโลกที่ได้รับการจัดอันดับกว่า 2,000 แห่ง กว่า 115 ประเทศ