สภามหาวิทยาลัยรามคำแหง เดือด! สั่งสอบผู้ช่วยอธิการบดี ข่มขู่ไม่ตั้งรองอธิการบดี 30 ตำแหน่ง

ผู้ช่วยอธิการบดีม.รามคำแหง โวยสภามหาวิทยาลัย ไม่ตั้งรองอธิการบดี 30 ตำแหน่ง ทำให้พลาดเก้าอี้ จี้ให้แต่งตั้งโดยเร็ว อุปนายกฯสภา ย้ำทุกอย่างอยู่ที่ความเหมาะสมคำนึงถึงผลประโยชน์มหา'ลัย ซัดกลับการตั้งตนเป็นปฏิปักษ์ข่มขู่มีแต่สร้างความแตกแยกไม่ใช่วิสัยที่วิญญูชน ก่อนสั่งสอบผิดจรรยาบรรณ

11 ก.ค.2565 - มีรายงานว่า เมื่อวันที่ 7ก.ค.ที่ผ่านมา ที่ ณ ห้องประชุม อาคารวิทยบริการ ชั้น 3 ได้มีการประชุมสภามหาวิทยาลัยรามคำแหงเพื่อพิจารณาระเบียบวาระต่าง ๆ ตามที่กำหนดไว้ล่วงหน้า ปรากฎว่าได้มีผู้ช่วยอธิการบดีกลุ่มหนึ่งประมาณ 10 คน นำโดยนายปรมต วรรณบวร และนายเจษฎา อธิพงศ์วณิช ได้เข้าชื่อทำหนังสือถึงอุปนายกสภามหาวิทยาลัยทำหน้าที่แทนนายกสภามหาวิทยาลัยรามคำแหง โดยอ้างว่า การที่สภามหาวิทยาลัยได้ชะลอการแต่งตั้งรองอธิการบดี 30 คนตามที่ ผศ.สืบพงษ์ ปราบใหญ่ อธิการบดีเสนอ ทำให้ตนไม่มีโอกาสตำรงตำแหน่งรองอธิการบดี ดังนั้น จึงขอเรียกร้องให้มีการแต่งตั้งรองอธิการบดีทั้ง 30 คนโดยพลัน มิเช่นนั้น ผู้ร้องขอสงวนสิทธิ์ในการดำเนินการทางกฎหมายกับสภามหาวิทยาลัยต่อไป

บรรยากาศในที่ประชุมเป็นไปอย่างเคร่งเครียด ศ.สมบูรณ์ สุขสำราญ อุปนายกสภามหาวิทยาลัย ทำหน้าที่แทนนายกสภามหาวิทยาลัย ประธานในที่ประชุม ได้อธิบายให้ที่ประชุมเข้าใจว่า หลังจากที่สภามหาวิทยาลัยได้มีการยับยั้งการแต่งตั้งรองอธิการบดี 30 คนไปเมื่อวันที่ 25 เมษายน แล้ว ผศ.สืบพงษ์ ปราบใหญ่ อธิการบดี ไม่เคยนำเรืองนี้กลับเข้าสู่ที่ประชุมสภามหาวิทยาลัยอีกเลย สภามหาวิทยาลัยได้เคยชี้แจงแล้วว่า การแต่งตั้งรองอธิการบดีอีก 30 คน จะทำให้มหาวิทยาลัยรามคำแหงมีรองอธิการบดีที่แต่งตั้งใหม่รวมกับที่แต่งตั้งไปแล้วก่อนหน้านี้รวมทั้งสิ้นมากถึง 45 คน ซึ่งไม่เหมาะสมกับสถานการณ์ในปัจจุบันอย่างยิ่ง การที่อธิการบดีไม่ได้นำเรื่องกลับมาอีกก็เป็นดุลพินิจของอธิการบดี สภามหาวิทยาลัยไม่ได้ขัดขวางการแต่งตั้งแต่อย่างใด ทุกอย่างขึ้นอยู่กับความเหมาะสมและสภามหาวิทยาลัยคำนึงถึงผลประโยชน์ของมหาวิทยาลัยเป็นสำคัญ

ดังนั้น หากกลุ่มอาจารย์ดังกล่าวต้องการเป็นรองธิการบดีก็ควรที่จักต้องหารือกับอธิการบดีเพื่อดำเนินการให้ถูกต้องตามช่องทางที่กฎหมายกำหนด ไม่ใช่ใช้วิธีเรียกร้องในลักษณะตำหนิและข่มขู่สภามหาวิทยาลัยอย่างไร้เหตุผล การตั้งตนเป็นปฏิปักษ์ข่มขู่สภามหาวิทยาลัยเช่นนี้มีแต่จะสร้างความแตกแยกและไม่ใช่วิสัยที่วิญญูชนโดยเฉพาะอย่างยิ่ง คนที่เป็นครูบาอาจารย์พึงกระทำ กรรมการสภาบางท่านถึงขนาดกล่าวว่า ไม่เคยปรากฎมาก่อนว่า ผู้ที่ต้องการเป็นรองอธิการบดีเรียกร้องให้สภามหาวิทยาลัยแต่งตั้งตนเองเช่นนี้ ไม่ใช่แบบอย่างที่ดีที่เหมาะสำหรับผู้ที่อบรมสั่งสอนลูกศิษย์ในมหาวิทยาลัย และกรรมการบางท่านยังท้วงติงด้วยว่า ผศ.สืบพงษ์ ปราบใหญ่ อธิการบดีไม่ควรปล่อยให้ผู้ใต้บังคับบัญชาของตนกระทำการเคลื่อนไหวอย่างไม่เหมาะสมและไม่เป็นไปตามกระบวนการทางกฎหมาย

อย่างไรก็ตาม กรรมการสภาฝ่ายที่เห็นด้วยกับข้อเรียกร้องซึ่งเป็นเสียงข้างน้อยกลับโต้แย้งว่าควรดูเจตนารมณ์ของคณาจารย์กลุ่มนี้โดยมิใยดีต่อข้อท้วงติงของกรรมการสภามหาวิทยาลัยผู้ทรงคุณวุฒิแต่อย่างใด บรรยากาศในการประชุมจึงเกิดความตึงเครียดเป็นระยะ ๆ จนถึงขนาดประธานในที่ประชุมต้องออกปากให้กรรมการท่านหนี่งออกนอกห้องประชุมและขอให้กรรมการสภามหาวิทยาลัยทุกฝ่ายคำนึงถึงผลประโยชน์ของมหาวิทยาลัยเป็นสำคัญ อย่าเห็นแก่ผู้ที่หวังแต่เพียงจะมีตำแหน่งบริหารในมหาวิทยาลัยเท่านั้น

จากนั้นที่ประชุม ได้มีมติให้ส่งเรื่องดังกล่าวให้อธิการบดีชี้แจงให้กลุ่มผู้ช่วยอธิการบดีดังกล่าวเข้าใจและให้คณะกรรมการจรรยาบรรณของมหาวิทยาลัยพิจารณาว่าการเรียกร้องของคณาจารย์กลุ่มนี้ ผิดจรรยาบรรณของความเป็นอาจารย์หรือไม่และรายงานให้สภามหาวิทยาลัยทราบต่อไป

รายงานข่าวยังระบุด้วยว่า ผู้ช่วยอธิการบดีทั้ง 30 คนที่เคยได้รับการเสนอชื่อให้เป็นรองอธิการบดี แม้จะยังไม่ได้รับการแต่งตั้งก็ตาม ผศ.สืบพงษ์ ปราบใหญ่ ในฐานะอธิการบดี ได้อนุมัติให้ผู้ช่วยอธิการบดีทั้ง 30 คนเข้าร่วมประชุมในที่ประชุมคณะกรรมการบริหารงานบุคคลและคณะกรรมการบริหารมหาวิทยาลัยและได้รับค่าตอบแทนในการเข้าประชุมแต่ละครั้งอีกด้วยทั้ง ๆ ที่ไม่มีบทบัญญัติในระเบียบหรือข้อบังคับใดที่ระบุให้สามารถกระทำได้ นับเป็นกระทำที่อาจขัดต่อข้อบังคับของมหาวิทยาลัยและอาจเป็นการสุ่มเสี่ยงต่อการถูกกล่าวหาว่าเป็นการกระทำที่เอื้อประโยชน์ให้แก่พวกพ้องตนเอง และล่าสุดยังได้มีการรีบเร่งจัดซื้อไอแพด (Ipad) แจกให้คณะผู้บริหารทุกคนอีกด้วย โดยอ้างว่าเพื่อประโยชน์ในการติดต่อสื่อสารและใช้สำหรับการประชุม และที่มอบให้ไม่ใช่เป็นการให้แต่เป็นการให้ยืมไปใช้เท่านั้น ผู้บริหารบางรายปฏิเสธที่จะรับเพราะเกรงว่าไม่มีระเบียบใด ๆ รองรับและอาจถูกตั้งกรรมการสอบภายหลังได้

นอกจากนั้น ในการประชุมสภามหาวิทยาลัยครั้งล่าสุดนี้ ผศ.สืบพงษ์ ปราบใหญ่ อธิการบดี ไม่ได้เข้าร่วมประชุม ซึ่งอาจสืบเนื่องมาจากการที่กำลังถูกร้องเรียนเรื่องการคัดลอกผลงานทางวิชาการและอยู่ในระหว่างทื่สภามหาวิทยาลัยกำลังตรวจสอบข้อเท็จจริง โดยเฉพาะอย่างยิ่ง การคัดลอกผลงานที่อาจสร้างความเสียหายให้เกิดขึ้นกับหลักสูตรที่ผศ.สืบพงษ์ ปราบใหญ่ อธิการบดี เป็นอาจารย์ผู้รับผิดชอบหลักสูตรอยู่ด้วย อันจะทำให้หลักสูตรไม่เป็นไปตามเกณฑ์มาตรฐานที่กระทรวงอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัย และนวัตกรรมกำหนดและทำให้นักศึกษาที่กำลังศึกษาอยู่อาจไม่สำเร็จการศึกษาในหลักสูตรที่ไม่ผ่านเกณฑ์มาตรฐานได้

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

เรืองไกร ยกคำพูดนายกฯเรื่อง MOU 44 เข้าข่ายทำให้พ้นจากตำแหน่งรัฐมนตรี

เรืองไกร อ้างคำพูดนายกฯ เรื่อง MOU 44 ร้อง กกต. สอบว่าจะเข้าข่ายทำให้พ้นจากตำแหน่งรัฐมนตรีเพราะกระทำการฝ่าฝืนมาตรฐานทางจริยธรรมข้อ 6 หรือไม่

โรงเรียน นรต. สั่งปลด 'หนิง' คู่กรณีเมียบิ๊กโจ๊ก พ้นอาจารย์พิเศษ

โรงเรียนนายร้อยตำรวจ เผยแพร่เอกสาร แจ้งผลการตรวจสอบข้อเท็จจริงกรณีอาจารย์โรงเรียนนายร้อยตำรวจประพฤติผิดจริยธรรม และการแต่งตั้งอาจารย์พิเศษ

ผู้นำฝ่ายค้านขึงขังเดินหน้าตรวจสอบจริยธรรม สส.

'ผู้นำฝ่ายค้าน' ยันเดินหน้าตรวจสอบจริยธรรม สส. ในสภา ไม่ละเว้นแม้เป็นสส.ด้วยกัน มองเสถียรภาพพรรคร่วมรัฐบาล เป็นเรื่องภายใน ไม่สามารถตัดสินได้