สกศ. เผยแผนสร้าง'เด็กไทย 2025 เพื่อเศรษฐกิจไทย'ชี้ต้องทำ 5 หัวใจหลักให้ได้ เพื่อบรรลุป้า

20 เม.ย.65นายอรรถพล สังขวาสี เลขาธิการสภาการศึกษา (เลขาฯ สกศ.) กล่าวว่า ตามที่สำนักงานเลขาธิการสภาการศึกษา (สกศ.) ได้รับโจทย์ใหญ่สำคัญจากพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และนางสาวตรีนุช เทียนทอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ (รมว.ศธ.) ในการพัฒนาคนตลอดช่วงชีวิต (กลุ่มเด็กปฐมวัย และผู้สูงอายุ) พ.ศ. 2565-2569 เพื่อให้บรรลุเป้าหมาย ตามบันทึกข้อตกลงการบูรณาการความร่วมมือ 7 กระทรวง ประกอบด้วย ศธ. กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) กระทรวงมหาดไทย (มท.) กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอีเอส) และกระทรวงแรงงาน (รง.) ที่มุ่งเน้นเจาะลึกลงไปในกลุ่มเด็กปฐมวัยสู่วัยผู้สูงอายุ ซึ่งจะมีการสนับสนุนส่งเสริมการดำเนินงานระหว่างกระทรวงร่วมกัน เพื่อพัฒนาคุณภาพชีวิตให้ครอบคลุมทุกมิติและทุกช่วงวัย ภายใต้ความท้าทายของโลกสมัยใหม่ที่มีการเปลี่ยนแปลงรวดเร็วและผันผวนอย่างต่อเนื่อง (VUCA world) ซึ่งจำเป็นต้องชี้ทิศทางที่มีความชัดเจนและสร้างผลกระทบที่เป็นประโยชน์ต่อการใช้ชีวิตของคนทุกกลุ่มเป้าหมาย

นายอรรถพล กล่าวต่อวว่า สิ่งสำคัญของการตอบโจทย์ดังกล่าว ต้องขับเคลื่อนพิมพ์เขียวการสร้างกำลังคน (Skill Mapping) เพื่อกำหนดทิศทางการศึกษาและการพัฒนากำลังคนของประเทศให้มีสมรรถนะสูงและสอดคล้องกับเศรษฐกิจใหม่ มีเส้นทางชีวิตชัดเจนในทุกช่วงวัย โดยยึดโยงกับเสาหลักเศรษฐกิจไทยหลอมรวมให้เข้ากับการกำหนดเป้าหมายอนาคต “เด็กไทย 2025 เพื่อเศรษฐกิจไทย”

โดยข้อคันพบสำคัญจากวิจัย สกศ. ที่ได้ศึกษาทักษะที่จำเป็นแห่งอนาคต (Future SKill ได้สังเคราะห์ทักษะสำคัญ 5 ประการ ที่ครอบคลุม 4 ช่วงวัย เริ่มตั้งแต่ 1.ช่วงปฐมวัย (0-5 ปี) จำเป็นต้องมีความคิดสร้างสรรค์ ความอยากรู้อยากเห็น แก้ไขปัญหาเอง อ่านออกเขียนได้กใช้เทคโนโลยี 2.ช่วงวัยเรียน/วัยรุ่น (5-21 ปี) ต้องมีความอยากรู้อยากเห็น เรียนรู้ในเชิงรุก เข้าใจพลเมืองที่ดี อ่านออกเขียนได้ และรู้เท่าทันเทคโนโลยีสมัยใหม่ 3.ช่วงวัยแรงงาน (15-59 ปี) ต้องสามารถปรับตัวเข้ารมที่หลากหลาย ทำงานร่วมกับผู้อื่นได้ มีความคิดสร้างสรรค์ มีความรู้เชิงธุรกิจที่สามารถต่อยอดเป็นผู้ประกอบการได้ และใช้เทคโนโลยีได้ดี และสุดท้าย 4.ช่วงวัยผู้สูงอายุ (60 ปีขึ้นไป) จำเป็นต้องมีความรู้ด้านสุขภาพมองโลกในแง่ดี สามารถปรับตัวได้กับสถานการณ์ต่าง ๆ เข้าใจการใช้เทคโนโลยีดิจิทัล และแก้ไขปัญหาได้

“จากบทสังเคราะห์จากงานวิจัย สกศ. สะท้อนให้เห็นชัดเจนว่า ต่อจากนี้ไปทุกช่วงวัยล้วนต้องปรับตัวและเลือกใช้เทคโนโลยีดิจิทัลมาตอบโจทย์ของชีวิตประจำวัน จุดเปลี่ยนสำคัญของระบบการศึกษา จึงต้องสร้างคนรุ่นใหม่ที่รู้เท่าทันการเปลี่ยนแปลง ทบทวนตนเอง และกล้าที่จะเปลี่ยนแปลงไปสู่สิ่งใหม่ๆ ประเทศไทยกำลังเผชิญกับปัญหาสังคมสูงวัย สวนทางกับอัตราการเกิดของประชากรไทยลดลงอย่างต่อเนื่อง ในปี 2564 มีอัตราการเกิดราว 5.4 แสนคน ถือเป็นอัตราต่ำสุดเป็นประวัติการณ์ ยิ่งทำให้เกิดช่องว่างของวัยแรงงานที่ขยายกว้างออกไปอีก ขณะที่ตำแหน่งานในอนาคตกำลังต้องการกำลังคนที่มีทักษะและสมรรถะระดับสูงที่สามารถทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งทาง สกศ. จะได้สรุปแนวทางดังกล่าวรายงาน รมว.ศธ. ต่อไป และภายใต้ทิศทางที่มีเป้าหมายการพัฒนากำลังคนตามนโยบายรัฐบาล เข็มทิศ สกศ. พัฒนาประเทศไทย ประเทศต้องมีความหวัง คนไทยต้องมีเส้นทางการศึกษาที่ชัดเจนด้วย Skill Mapping เลือกเรียนที่ชอบ เพื่อจะได้ทำงานที่ใช่สำหรับตนเอง เพราะคนทุกเจเนอเรชั่นคือกำลังสำคัญของการพัฒนาประเทศ”เลขาฯ สกศ. กล่าว

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง