
9มี.ค.65-ที่กระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) – มีการประชุมคณะกรรมการแก้ไขปัญหาหนี้สินครูและบุคลากรทางการศึกษาระดับจังหวัด ผ่านระบบ VIDEO ZOOM MEETING ซึ่งมีผู้บริหาร ศธ. ผู้แทนจากธนาคารแห่งประเทศไทย กรมส่งเสริมสหกรณ์ สหกรณ์ออมทรัพย์ครู รองผู้ว่าราชการจังหวัด และผู้อำนวยการเขตพื้นที่การศึกษาทั่วประเทศเข้าร่วม
โดยนางสาวตรีนุช เทียนทอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ (รมว.ศธ.) กล่าวเปิดการประชุมฯ ตอนหนึ่งว่า ภายใต้นโยบายการบริหารประเทศของ พล.อ.เอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี มีความมุ่งมั่น ให้ประชาชนมีคุณภาพชีวิตดี โดยประกาศให้ปี 2565 เป็น “ปีแห่งการแก้หนี้ภาคครัวเรือน” ซึ่งครูและบุคลากรทางการศึกษา เป็นประชาชนกลุ่มหนึ่งที่มีจำนวนกว่า 9 แสนคน มีหนี้สินรวมกว่า 1.4 ล้านล้านบาท โดย ศธ.ได้ตั้งคณะกรรมการแก้ไขปัญหาหนี้สินครูและบุคลากรทางการศึกษาในระดับกระทรวงขึ้น เพื่อหาแนวทางช่วยเหลือเพื่อนครูและบุคลากรทางการศึกษา โดยมีนายสุทธิชัย จรูญเนตร ที่ปรึกษา รมว.ศธ.เป็นประธาน และวันนี้ก็สามารถเสนอการแก้ไขปัญหาให้ประจักษ์เป็นรูปธรรมได้อย่างชัดเจน สำหรับแนวทางในการแก้ไขปัญหาหนี้สินครูนั้น เราต้องการลดภาระหนี้โดยรวมของครูให้น้อยลง ให้ครูมีรายได้ต่อเดือนเหลือไม่น้อยกว่าร้อยละ 30 ของเงินเดือน โดยได้กำหนดแนวทางขับเคลื่อนในระยะแรก เป็น 4 มาตรการ ดังนี้
มาตรการที่ 1. ลดดอกเบี้ย โดยเปิดโครงการแก้ไขปัญหาหนี้สินครู ให้สหกรณ์ออมทรัพย์ครู ซึ่งเป็นเจ้าหนี้ครูรายใหญ่เข้าร่วม ขณะนี้มีสหกรณ์ออมทรัพย์ครู 70 แห่ง จากทั้งหมด 108 แห่ง เข้าร่วมปรับอัตราดอกเบี้ยแล้ว โดยจะปรับอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ลงตั้งแต่ร้อยละ 0.05-1.0 และพบว่ามีสหกรณ์ 11 แห่ง สามารถปรับลดดอกเบี้ยให้ลงเหลือต่ำกว่า ร้อยละ 5 โดยมีครูที่ได้รับประโยชน์ทันทีกว่า 460,000 คน และจะเร่งขยายผลให้ครอบคลุมทั่วประเทศในเฟสถัดไป ซึ่งครูมีหนี้เฉลี่ยอยู่ที่ 1,000,000 บาท หากอัตราดอกเบี้ยลดลงร้อยละ 1 จะทำให้ครูมีเงินไว้ใช้จ่ายต่อปีเพิ่มขึ้นถึง 10,000 บาท ขณะเดียวกันนายสุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน (รมว.พลังงาน) จะเป็นคนกลางในการประสานขอความร่วมมือกับธนาคารออมสิน เพื่อชะลอการดำเนินคดีทางกฎหมายกับกลุ่มครู ซึ่งคาดว่ามีครูได้รับประโยชน์กว่า 25,000 คน
นางสาวตรีนุช กล่าวต่อว่า มาตรการที่ 2. พิจารณาและควบคุมการอนุมัติเงินกู้อย่างเคร่งครัด โดยยอดหนี้รวมทั้งหมดของผู้กู้ต้องไม่ให้มากเกินกว่า ร้อยละ 70 ของรายได้ เพื่อให้ครูสามารถมีเงินใช้จ่ายได้ร้อยละ 30 ของเงินเดือน ซึ่งเนื่องจากครูมีหนี้หลายด้าน ระบบการพิจารณาอนุมัติเงินกู้ยังไม่เป็นระบบที่เชื่อมโยง ศธ.จึงร่วมมือกับบริษัทข้อมูลเครดิตแห่งชาติ จำกัด (เครดิตบูโร) ในการสร้างระบบและเชื่อมโยงหนี้รายบุคคล เพื่อให้ทราบข้อมูลหนี้ครูรายคนสำหรับการบริหารจัดการและไม่ให้เกิดปัญหาซ้ำซ้อน โดยทางเครดิตบูโรสนับสนุนให้ ศธ. ใช้ระบบได้ฟรี ไม่คิดใช้จ่าย หากตรวจพบว่าครูที่ต้องการกู้เงินเพิ่มเติม มีหนี้รวมมากกว่าร้อยละ 70 จะไม่ได้รับการอนุมัติให้กู้เพิ่ม
มาตรการที่ 3. จัดตั้งสถานีแก้หนี้ครูฯ ระดับเขตพื้นที่การศึกษาและหน่วยงานทางการศึกษา และระดับจังหวัด 77 จังหวัด รวม 558 สถานีทั่วประเทศ โดยดำเนินการในรูปคณะกรรมการ ซึ่งระดับเขตพื้นที่ฯกำหนดให้ผู้อำนวยการสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา (สพท.) หรือ หัวหน้าหน่วยงานทางการศึกษา เป็นประธาน มีอำนาจหน้าที่กำหนดแนวทางแก้หนี้ร่วมกับสหกรณ์ออมทรัพย์ครู ส่วนราชการ และสถาบันการเงิน ,จัดทำระบบข้อมูล, ปรับปรุง กำหนดมาตรการหักเงินเดือนเพื่อชำระหนี้ , รับลงทะเบียนแก้ไขปัญหาหนี้สินครูฯ ช่วยเจรจาไกล่เกลี่ยระหว่างเจ้าหนี้กับครูและผู้ค้ำประกัน ส่วนสถานีแก้หนี้ครูฯระดับจังหวัด จะมีผู้ว่าราชการจังหวัด หรือ รองผู้ว่าฯ เป็นประธาน กำกับดูแลในภาพรวมของจังหวัด บูรณาการความร่วมมือกับหน่วยงานอื่นภายในจังหวัด ช่วยเหลือสถานีแก้หนี้ตามที่ได้รับการร้องขอ และ มาตรการที่ 4. ให้ความรู้ด้านการเงินให้ครูฯ โดยประสานงานกับตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อให้ครูสามารถวางแผนการเงิน และมีระเบียบวินัยในการใช้จ่ายได้อย่างเป็นระบบมากขึ้น
“ นับตั้งแต่ ศธ.ได้เปิดให้ครูมาลงทะเบียนแก้ปัญหาหนี้สิน เมื่อวันที่ 14 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา จนถึงวันนี้มีครูมาลงทะเบียนแล้ว 27,427 ราย ซึ่ง ศธ.จะส่งต่อให้เขตพื้นที่ฯ เร่งดำเนินการช่วยเหลือ ขณะเดียวกัน ศธ.จะเดินหน้าหาแนวทางแก้ไขที่หลากหลาย รวมถึงดำเนินการเกี่ยวกฎ ระเบียบต่าง ๆ เพื่อปลดล็อกข้อจำกัดและแบ่งเบาการแก้ไขปัญหาหนี้สินครูต่อไป ซึ่งดิฉันยินดีรับฟังข้อเสนอแนะต่าง ๆ จากทุกคน และในนามของรัฐบาลขอขอบคุณทุกภาคส่วน ที่ร่วมมือกันขับเคลื่อนโครงการแก้ไขปัญหาหนี้สินครูและบุคลากรทางการศึกษาให้เกิดผลสัมฤทธิ์ เพื่อร่วมกันยกระดับคุณภาพชีวิตเพื่อนครูด้วยกัน และช่วยลดความกังวล ซึ่งจะส่งผลให้ครูฯ สามาถปฏิบัติหน้าที่ได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ มีความสุข พัฒนาห้องเรียนให้มีคุณภาพ และสร้างคุณภาพของนักเรียนและเยาวชนของประเทศให้เป็นทรัพยากรบุคคลที่มีคุณภาพมากขึ้นไปด้วย”รมว.ศธ.กล่าว

ข่าวที่เกี่ยวข้อง
'ตรีนุช' ไม่ถอดใจ แม้ พปชร. เจอคลื่นพายุ ลั่นเป้าหมายอยากทำงานเพื่อประเทศชาติ
น.ส.ตรีนุช เทียนทอง แคนดิเดตนายกฯ พรรคพลังประชารัฐ เปิดเผยว่ายังทำงานยึดมั่นให้ประชาชนในนามพรรค พปชร.ต่อไป
‘บิ๊กป้อม’ ถอย ดัน ‘ตรีนุช’ เลือกตั้งสุดท้ายของ ‘พปชร.’
‘บิ๊กป้อม’ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ประกาศถอนตัวจากการเป็นแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของพรรค ทั้งที่อีกไม่กี่ชั่วโมงจะถึงวันรับสมัคร สส.แบบแบ่งเขต และบัญชีรายชื่อ ตามที่คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) กำหนดในวันที่ 27-28 ธันวาคมนี้
เจรจา ‘ไดกิ้น’ ได้ข้อยุติ เปลี่ยนระบบจ่ายทองเป็นเงินแทน พนักงานเตรียมกลับเข้าทำงาน
นางสาวตรีนุช เทียนทอง รมว.แรงงาน ให้สัมภาษณ์ถึงผลการเจรจาร่วมกันระหว่างบริษัท ไดกิ้น อินดัสทรีส์ (ประเทศไทย) จำกัด กับ สหภาพแรงงานไดกิ้น อมตะ รักษ์เสรี
'นฤมล' ลงพื้นที่ จ.พัทลุง ขับเคลื่อน 'เรียนดี มีคุณธรรม' แก้หนี้ครู 1 แสนล้าน
รมว.ศึกษาธิการ ลงพื้นที่จังหวัดพัทลุง ตรวจเยี่ยมการศึกษาในพื้นที่ โดยได้เดินทางไปยังวิทยาลัยเกษตรและเทคโนโลยีพัทลุงตรวจเยี่ยมการจัดการศึกษาตามนโยบาย เรียนดี มีคุณธรรม
'ตรีนุช' เตรียมนำเข้าแรงงานศรีลังกา ทดแทนแรงงานเขมรแห่กลับ
น.ส.ตรีนุช เทียนทอง รมว.แรงงาน เปิดเผยว่า ขณะนี้กระทรวงแรงงาน ได้เปิดให้แรงงานมาลงทะเบียน โดยเฉพาะแรงงานต่างด้าวเพื่อทดแทนแรงงานที่ขาดหายไป ที่เกิดจากเหตุการณ์ความไม่สงบชายแดนที่ผ่านมา

