ปตท.เปิดแผนลงทุนทั้งกลุ่ม 5 ปี 9.4 แสนล้านบาท รุกธุรกิจใหม่ วางแผนพัฒนาอีวีครบวงจร ตั้งเป้าปี 71 ผลิตรถอีวีได้ 5 หมื่นคัน พร้อมคาดผลประกอบการโตจากธุรกิจใหม่ 30% หวังสร้างผลตอบแทนคืนสู่สังคม
2 มี.ค. 2565- นายอรรถพล ฤกษ์พิบูลย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า กลุ่ม ปตท. ได้วางแผนงานและงบลงทุน 5 ปี (2565-2569) รวมกว่า 9.4 แสนล้านบาท ตามกรอบวิสัยทัศน์ “ขับเคลื่อนทุกชีวิต ด้วยพลังแห่งอนาคต” โดยจะเน้นไปที่กลุ่มธุรกิจใหม่ทั้งพลังงานหมุนเวียนและยานยนต์ไฟฟ้า(อีวี) โดยเดินหน้าธุรกิจยานยนต์ไฟฟ้าครบวงจร ซึ่งร่วมมือกับฟ็อกซ์คอนน์ (Foxconn) ตั้ง บริษัท ฮอริษอน พลัส จำกัด (HORIZON PLUS) บริษัทร่วมทุนเพื่อศึกษาความเป็นไปได้ในการขยายตลาดและสร้างฐานการผลิตอีวีในไทย รวมถึงจัดตั้งบริษัท นูออโว พลัส จำกัด (NUOVO PLUS) เพื่อเป็นหลักขับเคลื่อนการลงทุนด้านแบตเตอรี่ของกลุ่ม ปตท.
ทั้งนี้คาดว่าจะมีการลงทุนก่อสร้างโรงงานผลิตอีวีระยะในช่วงครึ่งแรกของปี 2565 และจะสามารถดำเนินการเชิงพาณิชย์ได้ในปี 2571 โดยในระยะแรกนี้จะสามารถผลิตรถอีวีได้ประมาณ 50,000 คันต่อปี โดยคาดว่าจะใช่เงินลงทุนประมาณ 1,000 ล้านเหรียญสหรัฐ นอกจากนี้ยังได้จัดตั้งบริษัท อีวี มี พลัส จำกัด (EVME PLUS) เพื่อให้บริการด้านดิจิทัลแพลตฟอร์ม ส่งเสริม และสร้างระบบนิเวศธุรกิจให้เกิดการใช้อีวี อย่างแพร่หลายในประเทศ อาทิ บริการให้เช่า บริการข้อมูลเกี่ยวกับสถานีอัดประจุไฟฟ้า และสถานีซ่อมบำรุง
ขณะเดียวกันก็จะเดินหน้ารุกธุรกิจใหม่ ที่มุ่งพัฒนาคุณภาพชีวิตคนไทย และเป็นธุรกิจที่มีศักยภาพเติบโตสูงตามทิศทางโลก ด้วยการเข้าสู่ธุรกิจวิทยาศาสตร์เพื่อชีวิต โดยมี บริษัท อินโนบิก (เอเซีย) จำกัด เป็นแกนหลักในการขับเคลื่อนธุรกิจ นอกจากนี้ กลุ่ม ปตท. ยังมุ่งเข้าสู่กลุ่มผลิตภัณฑ์มูลค่าสูง ต่อยอดจากธุรกิจปิโตรเคมี ด้วยเทคโนโลยีชั้นสูง เสริมสร้างความแข็งแกร่งธุรกิจน้ำมันและเสริมสร้างธุรกิจไลฟ์สไตล์ ตลอดจนการเข้าสู่ธุรกิจโลจิสติกส์และโครงสร้างพื้นฐาน ระบบปัญญาประดิษฐ์(เอไอ) หุ่นยนต์ และเทคโนโลยีดิจิทัล
“คาดว่าภายในปี 2573 บริษัทจะสามารถรับรู้รายได้จากกลุ่มธุรกิจใหม่ที่ดำเนินการอยู่เพิ่มขึ้นเป็น 30% โดยคาดว่าจะสามารถทำกำไรต่อหน่วยได้ดีกว่าธุรกิจพลังงานเดิม อาทิ น้ำมัน ซึ่งถือว่าเป็นการยกขีดความสามารถในการแข่งขันธุรกิจปัจจุบัน ตลอดจนให้การสนับสนุนภาครัฐช่วยลดต้นทุนทางพลังงานให้ประชาชนในอีกแนวทางหนึ่งด้วย”นายอรรถพล กล่าว
นายอรรถพล กล่าวถึงความคืบหน้าโครงการคลังกักเก็บก๊าซธรรมชาติเหลว(แอลเอ็นจี) หรือ เทอมินอล หนองแฟบ(แห่งที่2) จังหวัดระยองว่า โครงการดังกล่าวเป็นการร่วมทุนระหว่าง ปตท. กับการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย(กฟผ.) โดย กฟผ. เข้ามาร่วมทุนในเทอมินอล 2 ขนาด 7.5 ล้านตันต่อปี (MTPA) นี้คาดว่าจะเป็นความร่วมมือแบบการร่วมลงทุนกับ บริษัท พีทีที แอลเอ็นจี จำกัด สัดส่วน 50:50 โดยโครงการดังกล่าวจะใช้เงินลงทุนกว่า 38,000 และปัจจุบัน ปตท. – กฟผ. ลงนามบันทึกสาระสำคัญของสัญญาร่วมทุนโครงการก่อสร้าง คาดว่าโครงการจะดำเนินการแล้วเสร็จไตรมาสที่ 4 ปี 2022
อย่างไรก็ตามผลประกอบการ ปตท. ประจำปี 2564 ปรับตัวเพิ่มขึ้นจากปี 2563 ซึ่งสอดคล้องกับกิจกรรมทางเศรษฐกิจในประเทศที่ฟื้นตัว รวมถึงความสามารถในการรักษาความต่อเนื่องในการดำเนินธุรกิจและการลงทุนทั้งในประเทศและต่างประเทศในช่วงที่ผ่านมา ส่งผลให้ในปี 2564 กลุ่ม ปตท. ส่งเงินเข้ารัฐกว่า 82,500 ล้านบาท
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
ปตท. ผนึก กฟผ. ร่วมทุนโครงการ LNG Map Ta Phut Terminal 2
ปตท. ผนึก กฟผ. ร่วมทุนโครงการ LNG Map Ta Phut Terminal 2 (LMPT2) เสริมสร้างความมั่นคงทางพลังงาน