“คลัง” ปลื้มเศรษฐกิจเดือน ม.ค. 2565 ยังไปต่อ อานิสงส์ลงทุนภาคเอกชน – ท่องเที่ยวหนุนเต็มสูบ ต่างชาติแห่เข้าไทย 1.33 แสนคน สวนทางบริโภคภาคเอกชนชะลอ หลังประชาชนกังวลโอมิครอนปะทุเดือด ยอดผู้ติดเชื้อพุ่งต่อเนื่อง
26 ก.พ. 2565 นายวุฒิพงศ์ จิตตั้งสกุล ที่ปรึกษาด้านเศรษฐกิจการคลัง ในฐานะโฆษกสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) กล่าวว่า ภาพรวมเศรษฐกิจไทยในเดือน ม.ค. 2565ได้รับปัจจัยสนับสนุนจากการลงทุนภาคเอกชน และภาคการท่องเที่ยวที่ปรับตัวดีขึ้น ทั้งนักท่องเที่ยวต่างประเทศและในประเทศ โดยพบว่ามีนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติประเภทพิเศษ นักท่องเที่ยวกลุ่มสิทธิพิเศษ (Thailand Privilege Card) นักธุรกิจ กลุ่มสุขภาพที่เข้ามารับบริการทางการแพทย์ในประเทศไทยรวม จำนวน 133,903 คน โดยส่วนใหญ่เป็นนักท่องเที่ยวจากรัสเซีย เยอรมนี สหราชอาณาจักร ฝรั่งเศส และสหรัฐฯ เช่นเดียวกับการท่องเที่ยวภายในประเทศ ที่มีผู้เยี่ยมเยือนชาวไทย จำนวน 15.43 ล้านคน หรือคิดเป็นอัตราการขยายตัวจากช่วงเดียวกันปีก่อนที่ 127.2% และเพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับเดือนก่อนหน้า 15.5%
ขณะที่การบริโภคภาคเอกชนมีสัญญาณชะลอลงจากเดือนก่อนหน้า โดยดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภคปรับตัวลดลงมาที่ระดับ 44.8 จากระดับ 46.2 ในเดือนก่อนหน้า เนื่องจากผู้บริโภคมีความกังวลเกี่ยวกับการแพร่ระบาดของโควิด19 สายพันธุ์โอมิครอนที่เริ่มมีจำนวนผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้นส่วนการลงทุนภาคเอกชนมีสัญญาณปรับตัวดีขึ้น โดยการลงทุนภาคเอกชนในหมวดเครื่องมือเครื่องจักร สะท้อนจากปริมาณการจำหน่ายรถยนต์เชิงพาณิชย์ที่กลับมาขยายตัวจากช่วงเดียวกันปีก่อนที่ 17.9% ต่อปี และเพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับเดือนก่อนหน้าที่ 18.0%
สำหรับเครื่องชี้เศรษฐกิจด้านอุปทาน มีสัญญาณปรับตัวดีขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยภาคเกษตรสะท้อนจากดัชนีผลผลิตสินค้าเกษตรขยายตัวจากช่วงเดียวกันปีก่อนที่ 3.1%จากการเพิ่มขึ้นของผลผลิตสำคัญ เช่น อ้อยโรงงาน ปาล์มน้ำมัน และไก่เนื้อ เป็นต้น ส่วนภาคอุตสาหกรรม สะท้อนจากดัชนีความเชื่อมั่นภาคอุตสาหกรรม ปรับตัวเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ระดับ 88.0 จากระดับ 86.8 ในเดือนก่อนหน้า และเป็นการปรับตัวเพิ่มขึ้นต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 5 ตามการฟื้นตัวของอุปสงค์ภายในประเทศ ขณะที่ภาพรวมการนำเข้าและส่งออกในเดือน ม.ค. 2565 ยังต้องรอติดตามข้อมูลจากกระทรวงพาณิชย์
อย่างไรก็ดี ในส่วนของเสถียรภาพเศรษฐกิจยังอยู่ในเกณฑ์ดี แม้มีปัจจัยกดดันจากระดับราคาสินค้าที่เพิ่มขึ้น สะท้อนจากอัตราเงินเฟ้อทั่วไปในเดือน ม.ค. 2565 อยู่ที่ 3.23% ขณะที่อัตราเงินเฟ้อพื้นฐานอยู่ที่ 0.52% ส่วนสัดส่วนหนี้สาธารณะ ณ สิ้นเดือน ธ.ค. 2564 อยู่ที่ 59.6% ต่อจีดีพี ซึ่งยังอยู่ภายใต้กรอบวินัยการเงินการคลัง ขณะที่เสถียรภาพภายนอกยังอยู่ในระดับที่มั่นคง และสามารถรองรับความเสี่ยงจากความผันผวนของเศรษฐกิจโลกได้ สะท้อนจากทุนสำรองระหว่างประเทศ ณ สิ้นเดือน ม.ค. 2565 อยู่ในระดับสูงที่ 242.8 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
ศูนย์จีโนมฯ จับตาโอมิครอน KP.2.3/XEC ลูกผสมพันธุ์ใหม่ แพร่เร็วกว่าเดิม 2 เท่า
ศูนย์จีโนมทางการแพทย์ คณะแพทยศาสตร์ โรงพยาบาลรามาธิบดี โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กว่า โอมิครอน KP.2.3/XEC : ลูกผสมสายพันธุ์ใหม่แพร่เร็วกว่าเดิม 2 เท่า
ศูนย์จีโนมฯ แนะนำ JN.1.4 โอมิครอนตัวล่าสุดที่จะมาแทนที่ JN.1
ศูนย์จีโนมทางการแพทย์ คณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี
ศูนย์จีโนมฯ อัปเดตผลทดลอง 'วัคซีนโควิด' รุ่นล่าสุด 'XBB.1.5 โมโนวาเลนต์'
ศูนย์จีโนมทางการแพทย์ คณะแพทยศาสตร์ โรงพยาบาลรามาธิบดี โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กว่า องค์การอนามัยโลกระบุวัคซีนโควิด-19 เจนเนอเรชั่นล่าสุด “XBB.1.5 โมโนวาเลนต์”
'ศูนย์จีโนม' ผวา! พบโอมิครอน 'กลายพันธุ์คู่-พลิกขั้ว' เพิ่มอีกตำแหน่ง
ศูนย์จีโนมทางการแพทย์ คณะแพทยศาสตร์ โรงพยาบาลรามาธิบดี โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กว่า น่ากังวล! กลุ่มโอมิครอนกลายพันธุ์คู่-พลิกขั้ว “L455F + F456L”
ผวา! โอมิครอน BA.2.86 ผู้เชี่ยวชาญทั่วโลกยกระดับเฝ้าใกล้ชิด
ศูนย์จีโนมทางการแพทย์ คณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี มหาวิทยาลัยมหิดล โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กว่า ผลการทดลองจากหลายห้องปฏิบัติได้ออกมายืนยันตรงกันว่าโอมิครอน BA.2.86
ศูนย์จีโนมฯ ไขข้อข้องใจ! โควิด EG.5.1 ระบาดรุนแรงแทนที่ XBB.1.16 หรือไม่
ศูนย์จีโนมทางการแพทย์ คณะแพทยศาสตร์ โรงพยาบาลรามาธิบดี โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กว่า โอมิครอน EG.5.1 (XBB.1.9.2.5.1) จะมีการระบาดเกิดอาการรุนแรงและเข้ามาแทนที่ XBB.1.16 หรือไม่