ร่วมกันค้าน 'ครม.' พิจารณาต่อสัมปทานสายสีเขียว

“ร่วมค้าน” โดยพรรคการเมืองทั้งฝ่ายค้าน รัฐบาล และผู้เชี่ยวชาญ ถกปมการแปลงสัญญาสัมปทาน เป็นสัญญาร่วมทุนโครงการรถไฟฟ้าสายสีเขียว แฉพบพิรุธหลายเรื่อง จี้ ‘รัฐ-เอกชน’ ทำตามกฎหมาย

22 พ.ค.2565 – ผู้สื่อข่าวรายงานว่าในการประชุมคณะรัฐมนตรี(ครม.) ในวันนี้ (22 ก.พ.2565) ที่ยังมีหลายฝ่ายจับจ้องไปที่ประเด็นปัญหา การต่ออายุสัมปทานรถไฟฟ้าสายสีเขียวโดยพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ได้ให้สัมภาษณ์ก่อนหน้านี้ว่ายังไม่เห็นวาระร่างสัญญาสัมปทานโครงการรถไฟฟ้าสายสีเขียว เพราะกำลังหารือในรายละเอียดเพิ่มเติมว่า มีข้อติดขัดจุดไหน และกฎหมายที่เป็นปัญหามีรายละเอียดอย่างไร ตามข้อสังเกตของกระทรวงคมนาคม ทั้งนี้ สิ่งสำคัญอยู่ที่ปัญหาของรัฐบาลจะต้องแก้ไขให้ประชาชนสามารถเข้าถึงบริการรถไฟฟ้าสายสีเขียวได้ ทั้งค่าโดยสาร การเดินทางเชื่อมต่อ โดยสิ่งที่รัฐบาลมุ่งหวัง คือ ทำให้ทุกคนเข้าถึงการบริการที่เหมาะสม ลดภาระของประชาชนในการเดินทางเชื่อมต่อและต้องการให้เป็นการเชื่อมโยงในระบบเดียวกัน

รายงานข่าวแจ้งว่าเมื่อวันที่ 21 ก.พ.ที่ผ่านมา สภาองค์กรของผู้บริโภค จัดเวทีเสวนาออนไลน์ “เปิดปมสัญญารถไฟฟ้าสายสีเขียว ประชาชนได้หรือเสีย ?” โดยมีผู้ร่วมเสวนา ได้แก่ นายประภัสร์ จงสงวน อดีตผู้ว่าการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.), รศ. ดร.ชาลี เจริญลาภนพรัตน์ รองอธิการบดีฝ่ายวิชาการ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ในฐานะนักวิชาการ, นายสิริพงศ์ อังคสกุลเกียรติ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ส.ส.) พรรคภูมิใจไทย (ภท.), นายชนินท์ รุ่งธนเกียรติ รองโฆษกพรรคเพื่อไทย (พท.) และดำเนินรายการโดย นางสาวฐปณีย์ เอียดศรีไชย

นายสิริพงศ์ อังคสกุลเกียรติ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ส.ส.) พรรคภูมิใจไทย กล่าวว่า ยังไม่ได้รับข่าวว่าจะนำวาระดังกล่าวเข้าที่ประชุม ครม.ในวันที่ 22 ก.พ.นี้ หรือไม่ ถ้านำเข้าคงไม่วอล์คเอาท์แล้ว แต่จะเตรียมข้อมูลไปนำเสนอโต้แย้ง ซึ่งทางกระทรวงคมนาคมได้เตรียมเอกสารข้อมูลประกอบไว้ค่อนข้างพร้อม และมีอยู่เป็นประจำ โดยเฉพาะโครงสร้างกรรมสิทธิ์ ในสัญญาสัมปทาน ช่วงปี 2561-2562 ที่ได้ดำเนินการไว้ไม่ถูกต้อง หากทางกระทรวงมหาดไทยยังไม่เปลี่ยนแปลง พรรคภูมิใจไทยคงมีจุดยืนเดิม คือ ไม่ลงมติเห็นด้วยกับการต่อสัญญาสัมปทาน คงได้มีโหวตสวนกันแน่นอน

นอกจากนี้ ได้ตั้งข้อสังเกตต่อไปว่า ครม.ต้องทำความเข้าใจก่อนว่า หนี้ค่าก่อสร้างจำนวน 6 หมื่นล้าน เป็นของใคร? และ กทม. ทำตามกระบวนการทางกฎหมายหรือไม่? เพราะแม้มีมติครม.ให้มีการโอน งานก่อสร้างให้ กทม. แต่หาก กทม. ยังมิได้ดำเนินการตามขั้นตอนกฎหมายให้ครบถ้วน ดังนั้น ภาระหนี้จึงเป็นของ รฟม. อยู่ ณ วันนี้ ตลอดจนบริษัท กรุงเทพธนาคม จำกัด มีสิทธิ์อะไรไปจ้าง บีทีเอส เพื่อดำเนินการตามสัมปทานเดินรถ

“การก่อหนี้ตรงนี้ต้องมีคนรับผิด แม้จะอ้างมาตรา 44 แต่การดำเนินการที่ผิดพลาดมันมาตั้งแต่ก่อนมาตรา 44 ซึ่งต้องเน้นย้ำในทางปฏิบัติที่ต้องให้ กทม. ดำเนินการตามระเบียบขั้นตอน นี่คือประเด็นข้อกฎหมายที่มีน้ำหนักมากในที่ประชุม ครม. และหากยังจะพิจารณาสัญญาตรงนี้ คมนาคมก็จะยังคงไม่เห็นด้วย” นายสิริพงศ์ กล่าว

ด้านนายประภัสร์ จงสงวน อดีตผู้ว่าการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) กล่าวว่า โดยหลักแล้วสัญญาประเภทนี้ หน่วยงานราชการควรเปิดเผยให้ประชาชนทราบ เพราะผลทั้งหลายนั้นเกี่ยวข้องกับประชาชน เช่น ค่าโดยสาร ผมคิดว่าเป็นเรื่องที่ทาง กทม. ต้องชี้แจง และทำให้ปรากฏว่าไม่มีอะไรปิดบังซ่อนเร้น ไม่ควรมีการดำเนินการอะไรแปลก ๆ อย่างการใช้มาตรา 44 ของหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ให้กรุงเทพมหานคร (กทม.) จ้างเอกชนรายเดียวดำเนินรถในพื้นที่จังหวัดสมุทรปราการ รวมถึงความเป็นความลับของพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) ร่วมลงทุนระหว่างรัฐ และเอกชน พ.ศ. 2562 ที่ควรมีความโปร่งใส ตรวจสอบได้

“ที่ผ่านมารถไฟฟ้าสายสีเขียวมีกระบวนการที่ไม่ได้ทำตามขั้นตอนที่ควรจะเป็น ตั้งแต่การก่อสร้างทางข้ามแม่น้ำเจ้าพระยา และการต่อสัญญาจนถึงสถานีแบริ่ง ผมอยู่ในวงการมาก็ยังไม่ทราบว่าสัญญาของบีทีเอสมันมีกี่ปีกันแน่ มันไปถึงเมื่อไหร่ ตรงนี้เป็นข้อมูลที่ผมเชื่อว่าหลายท่านก็ไม่ทราบ และตราบใดยังไม่เปิดข้อมูลทั้งหมดมันเป็นอันตรายมาก โดยเฉพาะในอนาคตที่จะมีการเชื่อมต่อโครงข่ายอีกหลายสาย” นายประภัสร์ กล่าว

นายประภัสร์ ยังกล่าวอีกด้วยว่า เมื่อรัฐบาลอ้างว่าทำทุกอย่างตาม พ.ร.บ.ร่วมทุนฯ ยกเว้นการใช้มาตรา 44 ตรงนี้มันสะท้อนนัยบางอย่าง ที่ตรวจสอบไม่ได้ และไม่โปร่งใส การเร่งอนุมัติไปมันก็มีสิทธิ์มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา (ป.อ.) มาตรา 157 เช่นกันไม่ใช่แค่ไม่เข้าแล้วจะผิดมาตรา 157

“ทำไมมันถึงเร่งด่วนต้องเอาเข้าให้ได้ก่อนที่จะมีการเลือกตั้ง หรือที่รัฐบาลนี้จะหมดชุดลงไป ทั้งที่สัญญาไม่ใช่จะหมดวันนี้พรุ่งนี้ ส่วนนี้ก็เร่งเก็บเงินไปเลย บวกเข้าไปใช้หนี้ มันควรต้องเอามาดูให้ชัด ไม่งั้นหากอนุมัติไปความเสียหายที่ตามขึ้นมาอีกหลายเรื่องต่อระบบขนส่งมวลชน ที่ต้องทำให้ ‘มวลชน’ ใช้ได้ ไม่ใช่แค่บางชนชั้นใช้ได้ มันเป็นขนส่งสาธารณะที่ควรดูที่ผลประโยชน์ทางเศรษฐกิจ ไม่ใช่หาค่าโดยสารแพงเพื่อหาเงินจ่ายให้กับรัฐบาล” นายประภัสร์ กล่าว

รศ.ดร.ชาลี เจริญลาภนพรัตน์ รองอธิการบดีฝ่ายวิชาการ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์กล่าวในประเด็นเดียวกันว่า เราทราบข้อมูลว่า กทม. ได้รับรายได้จากการเดินรถกว่า 3 แสนล้านบาท จากสูตรค่าโดยสาร 15+3X แล้วประโยชน์เหล่านี้จะกลับมาที่ประชาชนหรือไม่? พร้อมทั้งคาดการณ์ฉากทัศน์ที่จะเกิดขึ้นในการประชุมพรุ่งนี้อยู่ 3 รูปแบบ ได้แก่ 1. เลื่อนการต่อสัญญาสัมปทานนี้ออกไป 2. ต่อสัญญาสัมปทานด้วยการ “หักด้ามพร้าด้วยเข่า” หรือคือการอาศัยอำนาจของ ครม. ลงมติอนุมัติ 3. ถอนออกไปเลย โดยไม่กลับเข้า ครม. อีก
“หวังว่าจะมีการแก้ปัญหาเป็นระบบและมองภาพรวม เพราะเป้าหมายคือการทำให้ค่าโดยสารทั้งหมดมีราคาถูก ไม่ใช่แค่สายสีเขียว ขณะเดียวกันควรมีแนวทางการแก้ไขปัญหาหนี้ไม่ให้ประชาชนต้องจ่ายทั้งหมดใน 30 ปี แค่ทราบข้อมูลบางส่วน การต่อสัมปทาน 30 ปี ก็เหมือนจะไปต่อไม่ได้แล้ว ดังนั้น จึงอาจไม่เกิดการอนุมัติใน ครม. ในวันพรุ่งนี้” นายชาลี คาดคะเนผลลัพธ์ที่คาดว่าจะได้จากการประชุม ครม. สัปดาห์นี้” รศ.ดร.ชาลี กล่าว

รศ.ดร.ชาลี กล่าวถึงการกดดันมติใน ครม. ว่าแม้ฝ่ายค้านจะไม่สามารถควบคุมการทำงานของ ครม. ได้เสียทีเดียว แต่เราพูดให้ดังขึ้นได้ ซึ่งหาก ครม. จะอนุมัติเรื่องนี้ก็ต้องใช้เสียงเกินครึ่งหนึ่งของ ครม. ซึ่งอาจสามารถรวมเสียงคัดค้านของ ภูมิใจไทย พร้อมทั้งอยากเรียกร้องไปยังพรรคประชาธิปัตย์ ที่การเรียกร้องไปยัง ดร.เอ้ ศ.ดร. สุชัชวีร์ สุวรรณสวัสดิ์ ว่าที่ผู้สมัครผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร สังกัดพรรคประชาธิปัตย์ ที่มีจุดยืนไม่สนับสนุนการต่อสัญญาสัมปทาน ให้ชัดเจนในจุดยืน และร่วมกดดันเรื่องนี้

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

คปท.บุกทำเนียบฯ ยื่น นายกฯ-ครม. ค้าน ‘กิตติรัตน์’ นั่งปธ.บอร์ดแบงก์ชาติ

คปท. ยื่นหนังสือถึงนายกรัฐมนตรี และคณะรัฐมนตรี คัดค้านการเสนอชื่อนายกิตติรัตน์ ณ ระนอง เป็นประธานกรรมการธนาคารแห่งประเทศไทย หรือ บอร์ดแบงก์ชาติ

‘ภูมิธรรม’ มั่นใจนายกฯกลับมาประชุมตั้ง ‘เจทีซี’ เสร็จ ชงเข้าครม.19 พ.ย.ทันที

‘ภูมิธรรม’ ระบุ หากนายกฯกลับมา เรียกถก ตั้ง เจทีซี วันนี้ก็ เข้าครม.ทันพรุ่งนี้ โยน กต.เคาะรายชื่อ ลั่น เกาะกูดไม่จบซํ้ารอยเขาพระวิหารแน่ ยัน ไม่มีเหตุผลต้องยกเลิกเอ็มโอยู 44

ครม. ไฟเขียวร่างพ.ร.ฎ. 2 ฉบับ แก้ปัญหาที่ดินทำกินในเขตป่าอนุรักษ์ ยันไม่ได้จำกัดสิทธิเสรีภาพ

นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม แถลงผลประชุมคณะรัฐมนตรี(ครม.) ว่า ครม.เห็นชอบทบทวนร่างพระราชกฤษฎีกา โครงการอนุรักษ์ดูแลรักษาทรัพยากรธรรมชาติภายในอุทยานแห่งชาติ มาตรา 64

'เผ่าภูมิ' เผย ครม.อนุมัติโครงการสินเชื่อสร้างอาชีพ 1.5 หมื่นล้าน

นายเผ่าภูมิ โรจนสกุล รมช.คลัง แถลงภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ว่า กระทรวงการคลังได้เสนอ 2 เรื่องเข้าสู่ที่ประชุม โดยเรื่องที่ 1.เป็นเรื่องสินเชื่อสร้างงานสร้างอาชีพ เป็นโครงการของธนาคารออมสิน ยอดวงเงิน 15,000 ล้านบาท

ครม. ตั้ง 5 ข้าราชการการเมือง 'อ๋อม สกาวใจ' เป็นที่ปรึกษา รมว.วัฒนธรรม

น.ส.ศศิกานต์ วัฒนะจันทร์ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า คณะรัฐมนตรี (ครม.) มีแต่งตั้งคณะกรรมการเมือง ตามที่สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี เสนอ ประกอบด้วย

ครม. ไฟเขียววันหยุดราชการเพิ่มเป็นกรณีพิเศษ ปี 2568-2569

นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม แถลงผลประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ว่า ครม.เห็นชอบกำหนดวันหยุดราชการเพิ่มเป็นกรณีพิเศษ ประจำปี 2568 และปี 2569 โดย 1.กำหนดให้วันจันทร์ที่ 2 มิ.ย. 2568 เป็นวันหยุดราชการเพิ่มเติม