เครือปตท. โชว์กำไรสุทธิปี 64 พุ่งกว่า 108,363 ล้านบาท

บอร์ด ปตท. อนุมัติเงินปันผลประจำปี รวมเงินส่งรัฐปี 64 กว่า 82,500 ล้านบาท พร้อมเดินหน้าสร้างผลตอบแทนสู่ประเทศทุกมิติต่อเนื่อง

17 กุมภาพันธ์ 2565 – นายอรรถพล ฤกษ์พิบูลย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะกรรมการ ปตท. อนุมัติการจ่ายเงินปันผลประจำปี 2564 เป็นจำนวน 2.0 บาทต่อหุ้น รวมเป็นเงินทั้งสิ้น 57,126 ล้านบาท จากผลประกอบการที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นสอดคล้องกับกิจกรรมทางเศรษฐกิจในประเทศที่ฟื้นตัว รวมถึงความสามารถในการรักษาความต่อเนื่องในการดำเนินธุรกิจและการลงทุนทั้งในประเทศและต่างประเทศ ตลอดช่วงสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ที่ผ่านมา ส่งผลให้ในปี 2564 กลุ่ม ปตท. ส่งเงินเข้ารัฐกว่า 82,500 ล้านบาท นอกเหนือจากงบประมาณกิจการเพื่อสังคม ปตท. ในปีที่ผ่านมา อีกกว่า 1,646 ล้านบาท

ด้านผลการดำเนินงาน ปตท. และบริษัทย่อยปี 2564 ซึ่งเป็นผลการดำเนินงานที่รวมจากบริษัทในเครือทั้งในและต่างประเทศกว่า 400 แห่ง (ถือหุ้นทางตรง 34 แห่ง และถือหุ้นทางอ้อม 404 แห่ง) มีกำไรสุทธิจำนวน 108,363 ล้านบาท หรือคิดเป็น 5% ของยอดขาย โดยหลักจากธุรกิจก๊าซธรรมชาติ ธุรกิจสำรวจและผลิตปิโตรเลียม และธุรกิจปิโตรเคมีและการกลั่น จากความต้องการที่ฟื้นตัวตามเศรษฐกิจโลก รวมถึงการขยายการลงทุนทั้งในและต่างประเทศอย่างต่อเนื่อง ในขณะที่ปี 2563 ได้รับผลกระทบจากทั้งการแพร่ระบาดของโควิด-19 และสงครามราคาน้ำมันระหว่างรัสเซียและซาอุดิอาระเบีย

ทั้งนี้ สัดส่วนกำไร 31% มาจากการดำเนินธุรกิจของ ปตท. และ 69% มาจากผลตอบแทนการลงทุนในบริษัทในกลุ่ม ปตท. ซึ่งดำเนินธุรกิจทั้งในประเทศและต่างประเทศ โดยหากแบ่งตามประเภทธุรกิจ มีสัดส่วนมาจากธุรกิจก๊าซธรรมชาติและธุรกิจการค้าระหว่างประเทศของ ปตท. 31% ธุรกิจสำรวจและผลิตปิโตรเลียม 24% ธุรกิจปิโตรเคมีและการกลั่น 21% ธุรกิจใหม่และโครงสร้างพื้นฐาน และบริษัทย่อยอื่นๆ 16% สำหรับกลุ่มธุรกิจน้ำมันและค้าปลีกมีสัดส่วนเพียง 8% โดยกลุ่มธุรกิจน้ำมันมีกำไรจากการดำเนินงานต่อยอดขายน้ำมันเพียง 2%

อรรถพล ฤกษ์พิบูลย์

นอกจากนั้น ในสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 กลุ่ม ปตท. ยังช่วยบรรเทาผลกระทบให้กับประชาชนโดยชะลอการปรับราคาขายปลีกน้ำมันถึงแม้ว่าต้นทุนราคาน้ำมันจะเพิ่มขึ้น ปตท. ได้ขยายระยะเวลาการคงราคาขายปลีกก๊าซธรรมชาติสำหรับยานยนต์ (NGV) ที่ 15.59 บาท/กิโลกรัม และราคาขายปลีก NGV ในโครงการ “เอ็นจีวี เพื่อลมหายใจเดียวกัน” สำหรับ ผู้ประกอบอาชีพขับขี่รถแท็กซี่ในเขตกรุงเทพฯและปริมณฑลที่เคยรับสิทธิ์ผ่านเว็บเอ็นจีวีเพื่อลมหายใจเดียวกันที่ 13.62 บาทต่อกิโลกรัม จนถึงวันที่ 15 มีนาคม 2565 ทั้งนี้ ปตท. ยังสนับสนุนส่วนลดค่าซื้อก๊าซหุงต้ม (LPG) แก่ผู้มีรายได้น้อย กลุ่มร้านค้า หาบเร่ แผงลอยอาหาร ที่มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ จำนวนเงิน 100 บาท/คน/เดือน ถึงวันที่ 31 มีนาคม 2565

ปตท. ยังสานต่อโครงการลมหายใจเดียวกัน สนับสนุนระบบสาธารณสุขไทยช่วงสถานการณ์โควิด-19 ร่วมจัดตั้งหน่วยวัคซีนเคลื่อนที่เชิงรุก จนถึงหน่วยคัดกรองโควิด-19 และโรงพยาบาลสนามครบวงจรรวมประมาณ 1,900 ล้านบาท นอกจากนี้ ยังดำเนินกิจการเพื่อสังคมในทุกมิติต่อเนื่อง อาทิ โครงการ Restart Thailand จ้างนักศึกษาจบใหม่และผู้ว่างงาน ปี 2564 จำนวน 25,000 อัตรา และปี 2565 จำนวน 23,000 อัตรา

โครงการนวัตกรรมสร้างรอยยิ้ม ยกระดับการเกษตรควบคู่กับพัฒนาสินค้าชุมชนและช่องทางผ่านดิจิทัลแพลตฟอร์ม โครงการพัฒนาการศึกษาเยาวชน PTT Group School Model พัฒนาทักษะเยาวชน เพิ่มความสามารถในการแข่งขัน และสนับสนุนงบประมาณแก่ KVIS และ VISTEC ต่อเนื่อง โครงการร้านกาแฟคาเฟ่อเมซอนเพื่อผู้ด้อยโอกาส (Café Amazon for Chance) เพื่อสร้างโอกาสให้กับกลุ่มผู้พิการทางการได้ยิน ผู้บกพร่องทางการเรียนรู้ ผู้สูงวัย และผู้พิการทหารผ่านศึกและครอบครัว การจัดหากาแฟชุมชน โครงการปลูกป่าถาวรเฉลิมพระเกียรติฯ การเพิ่มพื้นที่สีเขียวในเมือง อีกทั้งยังช่วยเหลือประชาชนที่เดือดร้อนจากภัยพิบัติต่าง ๆ ทั่วประเทศอีกด้วย

“ปตท. ในฐานะรัฐวิสาหกิจ โดยมีกระทรวงการคลังเป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่ ยังคงขับเคลื่อนองค์กรในทุกมิติอย่างต่อเนื่อง เพื่อสร้างความมั่นคงทางพลังงานของชาติ สร้างความแข็งแกร่ง และเพิ่มศักยภาพในการดำเนินธุรกิจภายใต้ความท้าทายที่เกิดขึ้น เพื่อผลตอบแทนกลับคืนสู่เศรษฐกิจและสังคมไทยต่อไป” นายอรรถพล กล่าวเสริมในตอนท้าย

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ตลาด mai เปิดกำไร บจ. ไตรมาส 1 รวมทะลุ 4.6 พันล้านบาท

บริษัทจดทะเบียน (บจ.) ในตลาดหลักทรัพย์เอ็ม เอ ไอ (mai) รายงานผลการดำเนินงานไตรมาส 1 ปี 2567 มียอดขายรวม 54,030 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 9.2% ต้นทุนขาย และค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารเพิ่มขึ้น 6.7% และ 6.4% ตามลำดับเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ส่งผลให้ บจ. มีความสามารถในการทำกำไรในไตรมาสที่ 1 ปี 2567 ดีขึ้น

เซ็นทรัล รีเทล โชว์รายได้ Q1 โกยรายได้ 6.7 หมื่นล้าน

นายญนน์ โภคทรัพย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เซ็นทรัล รีเทล คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ CRC กล่าวว่า “เซ็นทรัล รีเทล เปิดปีโตต่อเนื่อง ด้วยผลประกอบการในไตรมาสแรก

OR เผยผลประกอบการไตรมาสแรก 2567 ปรับตัวดีขึ้นจากไตรมาสก่อนในทุกกลุ่มธุรกิจ เสริมแกร่งศักยภาพในการดำเนินธุรกิจ มุ่งสู่การเป็น Data-Driven Organization ควบคู่กับการสร้างอนาคตอย่างยั่งยืน

OR เผยผลการดำเนินงานไตรมาส 1 ปี 2567 มี EBITDA จำนวน 6,173 ล้านบาท เพิ่มขึ้นกว่า 100% จากไตรมาสก่อน โดยเพิ่มขึ้นจากทุกกลุ่มธุรกิจ และมีกำไรสุทธิ 3,723 ล้านบาท

IRPC กำไร 1,545 ล้านบาท รุกเพิ่มสัดส่วนผลิตภัณฑ์ชนิดพิเศษใหม่ ตั้งเป้าขายน้ำมันดีเซลยูโร 5 เต็มสูบ

“IRPC” เผยกำไรไตรมาสแรก 1,545 ล้านบาท รุกเพิ่มสัดส่วนผลิตภัณฑ์ชนิดพิเศษตามแผนกลยุทธ์ ตั้งเป้าไตรมาส 2/2567 ลุยขายน้ำมันดีเซลยูโร 5 รองรับความต้องการภายในประเทศที่สูงขึ้น