“จุรินทร์”ถกร่วมภาครัฐและเอกชน วางแผนบุกตลาดซาอุดิอาระเบีย หลังมีการฟื้นความสัมพันธ์ทางการทูต ตั้งเป้าผลักดันส่งออกปี 65 เพิ่มขึ้น 6.2% เล็งผลักดันสินค้า 3 กลุ่ม เกษตร อุตสาหกรรม และบริการ เน้น “ข้าว-ไก่” เป็นพิเศษ ดันตั้ง JTC ไทย-ซาอุดิอาระเบีย เป็นเวทีเจรจาการค้า ปูทางสู่การทำ FTA
12 ก.พ. 2565 – นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยภายหลังการประชุมร่วมกับภาคเอกชนไทยที่เกี่ยวข้องกับภูมิภาคตลาดตะวันออกกลาง เพื่อหารือในการเตรียมความพร้อมเพื่อฟื้น ความสัมพันธ์ทางการค้าระหว่างไทยกับซาอุดีอาระเบียภายหลังการรื้อฟื้นความสัมพันธ์ทางการทูต ว่า กระทรวงพาณิชย์ได้ตั้งเป้าหมายเพิ่มมูลค่าการส่งออกสินค้าไทยไปซาอุดิอาระเบีย ในปี 2565 เพิ่มขึ้น 6.2% จากปี 2564 ที่มีการส่งออกมูลค่า 51,500 ล้านบาท โดยได้วิเคราะห์ร่วมกันเห็นว่าสินค้าที่มีโอกาสในการส่งออก เป็นเป็นหมายในการผลักดันเพื่อทำรายได้เข้าประเทศ มีจำนวน 3 กลุ่ม คือ เกษตร อุตสาหกรรม และบริการ
โดยกลุ่มสินค้าเกษตรที่มีศักยภาพ เช่น อาหารฮาลาล ข้าว ไก่สด ผลไม้ เนื้อปลา กาแฟ ขนมจากน้ำตาล อาหารปรุงแต่งจากธัญพืช อาหารสัตว์เลี้ยง ซอสปรุงรส อาหารแห่งอนาคต เป็นต้น สินค้าอุตสาหกรรม เช่น รถยนต์และอุปกรณ์ ยางรถยนต์ เครื่องปรับอากาศ ตู้เย็น ตู้แช่แข็ง เครื่องใช้ไฟฟ้า อัญมณีและเครื่องประดับ และบริการ เช่น การให้บริการทางการแพทย์ โรงพยาบาล สถานพยาบาล โรงแรม และธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับการท่องเที่ยว
ทั้งนี้ สินค้าที่มีอนาคตมากที่สุด คือ ข้าว เพราะซาอุดิอาระเบียนำเข้า 100% นำเข้าปีละ 1.2-1.6 ล้านตัน 80% นำเข้าจากอินเดีย ที่เหลือนำเข้าจากปากีสถาน สหรัฐฯ เวียดนามและไทย โดยนำเข้าจากไทยน้อยมากแค่ 2% มีโอกาสเพิ่มได้ ส่วนไก่ ซาอุดิอาระเบียเลี้ยงเอง 60% บริโภคในปี 2563 ประมาณ 1.48 ล้านตัน นำเข้า 70% จากบราซิล ที่เหลือยูเครน และฝรั่งเศส ไทยมีศักยภาพส่งออกได้ แต่ยังติดขัดเรื่องตรวจรับรองโรงงาน โดยตรวจแล้ว 11 โรงงาน รอประกาศเป็นทางการ และติดปัญหาการรับรองตราฮาลาล ติดปัญหาการไม่ประกาศรับรองไทยปลอดไข้หวัดนก และการออกมาตรฐาน GSO 993 ที่รอประชุมคณะมนตรีความร่วมมือแห่งรัฐอ่าวอาหรับ 7 ประเทศ และมีซาอุดิอาระเบียรวมอยู่ด้วยที่จะรับรองมาตรฐาน ซึ่งได้มอบหมายให้กระทรวงการต่างประเทศ กรมปศุสัตว์ ประสานกับทางการซาอุดิอาระเบีย เพื่อเร่งแก้ปัญหาที่ติดขัดให้จบ เพราะถ้าจบ ก็จะส่งออกไก่ได้ทันที ซึ่งเอกชนพร้อมอยู่แล้ว
นายจุรินทร์กล่าวว่า ที่ประชุมยังได้เห็นชอบให้มีการจัดตั้งคณะกรรมการร่วมทางการค้า (Joint Trade Committee : JTC) ไทย-ซาอุดีอาระเบีย เพื่อเป็นเวทีเจรจาการค้าระหว่างกันอย่างเป็นทางการ และนำไปสู่การจัดทำความตกลงการค้าเสรี (FTA) ระหว่างกันในอนาคต ซึ่งเป็นเรื่องที่ภาคเอกชนต้องการ และจะเร่งจัดคณะผู้แทนการค้าและนักธุรกิจจากไทยไปเยือนซาอุดีอาระเบีย และจากซาอุดีอาระเบียเยือนไทย เพื่อเจรจาการค้าและกระชับความสัมพันธ์ระหว่างกัน
นอกจากนี้ ได้มอบหมายให้กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ ดำเนินการจัดกิจกรรมส่งเสริมการขายสินค้าไทย บริการไทย ในตลาดซาอุดิอาระเบียในทุกรูปแบบ ทั้งการประชาสัมพันธ์สินค้าไทย การเข้าร่วมงานแสดงสินค้าในซาอุดิอาระเบีย การจัดกิจกรรมเจรจาจับคู่ธุรกิจ และอื่น ๆ เพื่อให้เกิดการซื้อขายมากที่สุด เร็วที่สุด รวมทั้งจะมีการจัดสัมมนาให้ข้อมูล ความรู้แก่ผู้ประกอบการไทย โดยเฉพาะ SMEs ที่เป็นกลุ่มเป้าหมายหลัก ซึ่งจะมีการกำหนดรายละเอียดต่อไป และยังจะจัดทำระบบข้อมูลตลาดซาอุดิอาระเบียเชิงลึก โดยทูตพาณิชย์จะมีส่วนสำคัญร่วมกับกระทรวงการต่างประเทศ กรมปศุสัตว์ และเตรียมศึกษา กฎระเบียบที่เกี่ยวข้อง เพื่อเป็นแหล่งข้อมูลให้เอกชนนำไปใช้ ทั้งนี้ ให้กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ เป็นเจ้าของเรื่องในการติดตาม ประสานงาน และให้บรรจุเป็นวาระในการประชุม กรอ.พาณิชย์ เพื่อติดตามความคืบหน้าด้วย
นายสนั่น อังอุบลกุล ประธานกรรมการหอการค้าไทย กล่าวว่า ภาคเอกชนมีความมั่นใจว่า หลังจากที่กระทรวงพาณิชย์เข้ามาช่วยปลดล็อกปัญหาต่าง ๆ จะทำให้มีโอกาสมากมายที่จะช่วยเร่งรัดการส่งออกไปยังซาอุดิอาระเบีย โดยเฉพาะสินค้าข้าว ที่มีจะส่งออกได้เพิ่มขึ้นแน่นอน เพราะปัจจุบัน เริ่มมีคนไทยไปทำงานแล้ว ทำให้มีความต้องการบริโภคข้าวเพิ่มขึ้นตามไปด้วย นอกเหนือจากการบริโภคของชาวซาอุดิอาระเบียที่มีความต้องการอยู่แล้ว
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
รัฐบาลยันผู้ปลูกมันสำปะหลังไม่ถูกกดราคาแน่
รัฐบาลให้ความเชื่อมั่นผู้ปลูกมันสำปะหลัง เตือนพ่อค้ากดราคา โทษจำคุกสูงสุด 7 ปี จัดสายตรวจเฉพาะกิจ ลงพื้นที่ตรวจสอบการซื้อขายมันฯ ในแหล่งเพาะปลูกทั่วประเทศ รับฤดูเก็บเกี่ยวที่จะเริ่ม ธ.ค.นี้
‘พาณิชย์’ ชวนคนหาดใหญ่ สงขลา และจังหวัดใกล้เคียงแวะไป ชม ชิม ชอป ในงานแฟรนไชส์สร้างอาชีพ Roadshow 2024 ครั้งที่ 3 ระหว่างวันที่ 14 -18 พย.นี้ ที่เซ็นทรัลหาดใหญ่
ตามที่รัฐบาลมีนโยบายดำเนินโครงการฟื้นฟูเศรษฐกิจ "ลดรายจ่าย เพิ่มรายได้ และขยายโอกาส" ให้ผู้ประกอบการ และประชาชนกลับมาคึกคักอีกครั้ง โดยให้ส่วนราชการที่เกี่ยวข้องการกระตุ้นและสนับสนุนประชาชนในทุกมิติ เน้น 3 เรื่องหลัก ได้แก่ การลดต้นทุน การเพิ่มพื้นที่ค้าขายให้ผู้ประกอบการรายเล็ก และ
พาณิชย์ จับมือ ตำรวจภูธรภาค 8 สร้างเครือข่ายป้องปรามลานเทแยกลูกปาล์มร่วงผิดธรรมชาติ เพื่อรักษาคุณภาพผลปาล์ม ยกระดับอุตสาหกรรมปาล์มน้ำมันและน้ำมันปาล์ม
กระทรวงพาณิชย์ สร้างเครือข่ายความร่วมมือเพื่อรักษาคุณภาพผลปาล์มให้เกษตรกรขายได้ราคา โดยร่วมมือกับ ตำรวจภูธรภาค 8 ส่งเสริมการทำปาล์มคุณภาพ จัดอบรมเจ้าหน้าที่ตำรวจในพื้นที่เกี่ยวกับแนวทางการสืบสวนสอบสวนการกระทำความผิดตามประกาศคณะกรรมการกลางว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ เรื่องมือ