'แม็คกรุ๊ป' ฝ่าวิกฤตโควิด-19 ทำกำไรช่วงไตรมาสปลายปีทะลุ 230 ล้านบาท

“แม็คกรุ๊ป” เดินหน้าเพิ่มประสิทธิภาพบริหารค่าใช้จ่าย-คุมเข้มต้นทุนสู้วิกฤตโควิด-19 หนุนผลงานงวดไตรมาส 2/2565 (ต.ค.-ธ.ค.64) แกร่ง กำไรสุทธิทะลุ 230 ล้านบาท รายได้จากการขายเกือบ 1 พันล้านบาท เร่งปรับโฉม Outlet-เพิ่มความหลากหลายสินค้า ดึงนักเดินทางขาช้อป ซีอีโอ ยืนยัน ผลงานทั้งปี 2565 รายได้และกำไรสุทธิเติบโตต่อเนื่องตามแผน

11 ก.พ. 2565 – นายเจมส์ ริชาร์ด อมตวิวัฒน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท แม็คกรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ MC เปิดเผยภาพผลการดำเนินงานงวดไตรมาส 2/2565 (ตุลาคม-ธันวาคม 2564) ว่า ภาพรวมเศรษฐกิจไทยช่วงไตรมาส 4 ปี 2564 (ตุลาคม-ธันวาคม) ยังคงเปราะบางจากผลกระทบการระบาดเชื้อไวรัสโควิด-19 รวมถึงความกังวลเกี่ยวกับราคาสินค้าและค่าครองชีพที่มีแนวโน้มปรับเพิ่มสูงขึ้น แม้รัฐบาลจะพยายามออกมาตรการกระตุ้นกำลังซื้อ อาทิ โครงการเราชนะ , คนละครึ่งเฟส 3 เป็นต้น อย่างไรก็ตาม จากการเดินหน้าเพิ่มประสิทธิภาพการบริหารค่าใช้จ่าย และควบคุมต้นทุนอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้บริษัทฯ มีกำไรสุทธิ 231 ล้านบาท เพิ่มขึ้นต่อเนื่องทั้ง Q/Q และ Y/Y

โดยมีรายได้จากการขายอยู่ที่ 995 ล้านบาท ลดลงราว 12% เทียบช่วงเดียวกันปีก่อน ผลจากช่องทางออฟไลน์ ซึ่งเป็นช่องทางหลักที่มีสัดส่วนถึง 90% ของยอดขายรวม ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 สายพันธุ์เดลต้า และโอมิครอน ทำให้ผู้บริโภคเกิดความวิตกกังวลต่อสถานการณ์เป็นการชั่วคราว ขณะที่ยอดขายจากช่องทางออนไลน์ ไม่สามารถเข้ามาชดเชยได้ทั้งหมด เนื่องจากกำลังซื้อที่ยังถดถอย โดยช่องทางร้านค้าปลีกตัวเอง (Freestanding Shop) มียอดขายจำนวน 609 ล้านบาท, ห้างสรรพสินค้า (Department Store) จำนวน 251 ล้านบาท, ซูเปอร์สโตร์ (Superstore) จำนวน 12 ล้านบาท และช่องทางออนไลน์ (E-Commerce) จำนวน 102 ล้านบาท

ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.แม็คกรุ๊ป บอกเพิ่มเติมว่า บริษัทฯ ได้ปรับโฉม Outlet ในสถานีบริการน้ำมันให้มีความทันสมัย และเร่งขยาย MC Outlet เน้นย่านชุมชน และเส้นทางการจราจรหนาแน่น เพิ่มเติมจากปัจจุบันที่มีอยู่จำนวน 55 แห่ง เป็น 70 แห่ง ภายในมิถุนายน 2565 พร้อมเพิ่มความหลากหลายของสินค้าและคุณภาพในราคาที่จับต้องได้ ดึงดูดนักเดินทางขาช้อป กระตุ้นยอดขายต่อบิล ซึ่งปัจจุบันเฉลี่ยอยู่ที่ราว 1,000 บาทต่อบิล

ขณะเดียวกัน บริษัทฯ ยังเน้นบริหารจัดการต้นทุนสินค้าอย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด เดินเกมกลยุทธ์การตลาดแบบเฉพาะเจาะตรงกลุ่มเป้าหมาย, สัดส่วนการขายสินค้า รวมไปถึงการบริหารช่องทางจัดจำหน่ายให้สอดคล้องกับแต่ละช่วงเวลาอย่างลงตัว ส่งผลให้ยังสามารถรักษาอัตรากำไรขั้นต้น (Gross Profit Margin : GP) ไว้ได้ในระดับสูงต่อเนื่องที่ 65.1% ปรับเพิ่มสูงขึ้นจากช่วงเดียวกันปีก่อนที่ 60.5% และอัตรากำไรสุทธิ (Net Profit Margin : NP) อยู่ที่ 23% เพิ่มขึ้นจากระดับ 19.8% ในช่วงเดียวกันปีก่อน จากประสิทธิภาพการบริหารจัดการค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารที่ดี โดยค่าใช้จ่ายในการขายและบริหาร (SG&A) ปรับลดลงเกือบ 10% จากช่วงเดียวกันปีก่อน เหลือ 370 ล้านบาท

ทั้งนี้ ฐานะการเงินของบริษัทล่าสุด ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2564 ยังคงแข็งแกร่ง โดยมีเงินสดและเงินลงทุนระยะสั้นทั้งหมด จำนวน 1,997 ล้านบาท ภายใต้การเป็นบริษัทที่ไม่มีหนี้สิน จึงมีความพร้อมแสวงหาโอกาสต่อยอดธุรกิจ สร้างการเติบโตอย่างแข็งแกร่ง ผลักดันภาพรวมรายได้และกำไรสุทธิงวดปี 2565 เติบโตต่อเนื่องตามแผนที่วางไว้

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ตลาด mai เปิดกำไร บจ. ไตรมาส 1 รวมทะลุ 4.6 พันล้านบาท

บริษัทจดทะเบียน (บจ.) ในตลาดหลักทรัพย์เอ็ม เอ ไอ (mai) รายงานผลการดำเนินงานไตรมาส 1 ปี 2567 มียอดขายรวม 54,030 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 9.2% ต้นทุนขาย และค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารเพิ่มขึ้น 6.7% และ 6.4% ตามลำดับเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ส่งผลให้ บจ. มีความสามารถในการทำกำไรในไตรมาสที่ 1 ปี 2567 ดีขึ้น

เซ็นทรัล รีเทล โชว์รายได้ Q1 โกยรายได้ 6.7 หมื่นล้าน

นายญนน์ โภคทรัพย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เซ็นทรัล รีเทล คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ CRC กล่าวว่า “เซ็นทรัล รีเทล เปิดปีโตต่อเนื่อง ด้วยผลประกอบการในไตรมาสแรก

OR เผยผลประกอบการไตรมาสแรก 2567 ปรับตัวดีขึ้นจากไตรมาสก่อนในทุกกลุ่มธุรกิจ เสริมแกร่งศักยภาพในการดำเนินธุรกิจ มุ่งสู่การเป็น Data-Driven Organization ควบคู่กับการสร้างอนาคตอย่างยั่งยืน

OR เผยผลการดำเนินงานไตรมาส 1 ปี 2567 มี EBITDA จำนวน 6,173 ล้านบาท เพิ่มขึ้นกว่า 100% จากไตรมาสก่อน โดยเพิ่มขึ้นจากทุกกลุ่มธุรกิจ และมีกำไรสุทธิ 3,723 ล้านบาท

IRPC กำไร 1,545 ล้านบาท รุกเพิ่มสัดส่วนผลิตภัณฑ์ชนิดพิเศษใหม่ ตั้งเป้าขายน้ำมันดีเซลยูโร 5 เต็มสูบ

“IRPC” เผยกำไรไตรมาสแรก 1,545 ล้านบาท รุกเพิ่มสัดส่วนผลิตภัณฑ์ชนิดพิเศษตามแผนกลยุทธ์ ตั้งเป้าไตรมาส 2/2567 ลุยขายน้ำมันดีเซลยูโร 5 รองรับความต้องการภายในประเทศที่สูงขึ้น