'บิ๊กตู่' ลั่นรัฐบาลจริงใจดูแล 'เอสเอ็มอี'

นายกฯ ถกบอร์ด สสว. ย้ำรัฐบาลจริงใจขับเคลื่อนทุกอย่างเพื่อยกระดับเอสเอ็มอี พุ่งเป้าช่วยเหลือให้เข้าถึงการดูแลของภาครัฐ พร้อมเห็นชอบแผนส่งเสริมเอสเอ็มอีปี 2566

10 ก.พ.2565 - ที่ตึกภักดีบดินทร์ ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (บอร์ด สสว.) ครั้งที่ 1/2565 ผ่านสื่ออิเล็กทรอนิกส์ ร่วมกับนายสุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง และผู้ที่เกี่ยวข้อง

ภายหลังการประชุม นายธนกร วังบุญคงชนะ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า นายกฯ กล่าวต่อที่ประชุมว่า การดำเนินงานเพื่อส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (เอสเอ็มอี) จะต้องหาแนวทางให้สามารถดูแลช่วยเหลือเอสเอ็มอีเข้ามาอยู่ในระบบให้มากที่สุดเพื่อให้เอสเอ็มอีเข้าถึงการช่วยเหลือดูแลของรัฐบาลได้ ซึ่งเรื่องการขึ้นทะเบียนเอสเอ็มอีนั้นพบว่าตัวเลขจำนวนเอสเอ็มอีของภาครัฐกับภาคธุรกิจเอกชนยังไม่ตรงกัน จึงขอให้ช่วยกันบริหารจัดการข้อมูลอย่างต่อเนื่อง ซึ่งความร่วมมือระหว่างกันในเรื่องการใช้ฐานข้อมูล และระเบียบต่างๆ ที่เหมาะสมกับสถานการณ์ เป็นเรื่องที่สำคัญต่อการช่วยเหลือเอสเอ็มอี ยืนยันว่ารัฐบาลให้ความสำคัญกับธุรกิจเอสเอ็มอีเป็นอย่างยิ่ง ซึ่งที่ผ่านมานายกฯ ได้เร่งรัดเรื่องการขึ้นทะเบียนผู้ประกอบการเอสเอ็มอี และการทำให้เอสเอ็มอีเข้าสู่ระบบการช่วยเหลือมาโดยตลอด สิ่งสำคัญคือการทำความเข้าใจว่ารัฐบาลมีความจริงใจ ขับเคลื่อนทุกอย่างในการยกระดับเอสเอ็มอีให้ดีขึ้น

นายธนกร กล่าวว่า นายกฯ ได้กำชับให้มีการตรวจสอบผู้ประกอบการเอสเอ็มอีที่ดำเนินการเข้าข่ายมีการฮั้ว โดยต้องมีมาตรการตรวจสอบที่รอบคอบ รัดกุม ให้ดำเนินการอย่างสุจริต ถ้าพบผู้ทุจริตต้องถูกลงโทษ ไม่ว่าจะเป็นบริษัทใหญ่หรือเล็กก็ตาม ทั้งนี้ หลายปีที่ผ่านมา การแก้ปัญหาของเอสเอ็มอีเป็นไปแบบรายกลุ่ม วันนี้จะต้องแก้ปัญหาในภาพรวมทั้งหมด โดยต้องแก้ปัญหาแบบพุ่งเป้าค้นหาเอสเอ็มอีที่ยังมีศักยภาพในแต่ละภาคส่วน เพื่อช่วยเหลือฟื้นฟูเอสเอ็มอีที่ประสบปัญหาแต่ยังมีศักยภาพให้ล้มแล้วลุกไว ซึ่ง สสว. จะต้องทำงานแบบพุ่งเป้าให้กับรัฐบาลด้วย

นายธนกร กล่าวอีกว่า ทั้งนี้ตัวแทนภาคเอกชนผู้ประกอบการเอสเอ็มอี ได้กล่าวขอบคุณนายกฯ และรัฐบาล ที่ทำให้ภาคเอกชนเอสเอ็มอีได้รับประโยชน์จากระบบการจัดซื้อจัดจ้างภาครัฐเป็นอย่างมาก รวมทั้งภาคเอกชนส่วนท้องถิ่นก็ได้รับการดูแลช่วยเหลือจากภาครัฐเป็นอย่างดี

โฆษกประจำสำนักนายกฯ กล่าวว่า สำหรับมติที่ประชุมรับทราบผลการดำเนินงานโครงการนำร่อง ONE ID และพัฒนาระบบ Single Sign On ฐานข้อมูลสมาชิกของ สสว.เพื่อขอรับบริการจากภาครัฐ ปี 2564 โดย สสว.ได้ดำเนินการร่วมกับสำนักงานพัฒนารัฐบาลดิจิทัล (องค์การมหาชน) หรือ สพร. ในการพัฒนาระบบ “หนึ่งรหัส หนึ่งผู้ประกอบการ SME” ซึ่งเป็นโครงการนำร่องพัฒนาระบบให้บริการแก่ผู้ประกอบการผ่านหมายเลข ID เพียงตัวเดียว เพื่อให้ผู้ประกอบการได้รับความสะดวกในการเข้าถึงบริการของภาครัฐ หรือไม่ต้องยื่นเอกสารในทำธุรกรรมกับภาครัฐ ซึ่งคาดว่าในการดำเนินงานระยะที่ 1 สามารถยืนยันตัวตนในกลุ่มผู้ประกอบการบุคคลธรรมดาที่ตรวจสอบข้อมูลได้กับกรมการปกครอง และในระยะที่ 2 จะพัฒนากระบวนการยืนยันตัวตนกลุ่มนิติบุคคลที่ตรวจสอบข้อมูลได้กับกรมพัฒนาธุรกิจการค้า และกลุ่มวิสาหกิจชุมชนต่อไป

นายธนกรกล่าวว่า ที่ประชุมยังเห็นชอบในหลักการแผนปฏิบัติการส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม ประจำปีงบประมาณ 2566 ซึ่งมุ่งเน้นการดำเนินงานที่สำคัญ ดังนี้ ด้านการให้ความช่วยเหลือและส่งเสริม SME ให้สามารถดำเนินธุรกิจต่อไปได้ โดยเร่งฟื้นฟู SME ที่ประสบปัญหาให้กลับมาดำเนินธุรกิจได้ ด้วยบริการปรึกษาแนะนำเพื่อช่วยเหลือ ฟื้นฟู และปรับปรุงกิจการผ่านระบบผู้ให้บริการทางธุรกิจ (Business Development Service) ส่งเสริมให้ SME นำเทคโนโลยีดิจิทัลมาใช้เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการดำเนินงาน ทั้งในส่วนของกระบวนการผลิต การบริหารจัดการ รวมไปถึงการขายด้วย e-Commerce สนับสนุนให้ SME สามารถขายสินค้าและบริการให้ภาครัฐได้มากขึ้น ด้วยการพัฒนาคุณภาพสินค้าและบริการให้มีคุณสมบัติ มาตรฐาน ตรงตามความต้องการของภาครัฐ

โฆษกประจำสำนักนายกฯ กล่าวว่า ด้านการเตรียมความพร้อมและส่งเสริม SME ทุกกลุ่มให้ปรับตัวจนเข้มแข็งและเติบโต ด้วยการสร้างความพร้อมให้นักเรียน นักศึกษา ในการเป็นผู้ประกอบการยุคใหม่ พัฒนาศักยภาพธุรกิจ SME ทั่วไปอย่างรอบด้าน เพื่อให้สามารถดำเนินธุรกิจได้อย่างมืออาชีพและในกลุ่มที่มีความพร้อม ก็มีศักยภาพเพียงพอในการขยายกิจการได้ช่วยเหลือและสนับสนุน SME กลุ่มเฉพาะ ให้มีทักษะ ความสามารถ ในเชิงธุรกิจที่เพียงพอต่อการสร้างรายได้ได้แก่ กลุ่มผู้ประกอบการสูงอายุ ธุรกิจยังชีพ และธุรกิจการเกษตร พัฒนาสภาพแวดล้อมให้เอื้ออำนวยและช่วยสนับสนุนการดำเนินธุรกิจของ SME อย่างมีประสิทธิภาพ เช่น สนับสนุนให้ SME มีเงินทุนที่เพียงพอต่อการดำเนินธุรกิจ สร้างและพัฒนาบุคลากร แรงงาน ให้มีคุณภาพ สร้างมูลค่าเพิ่มของธุรกิจด้วยการเทคโนโลยีและนวัตกรรม ปรับปรุงกฎหมาย กฎระเบียบ เพื่อลดอุปสรรค รวมไปถึง การพัฒนาระบบบริการภาครัฐที่ทันสมัยด้วยดิจิทัล เพื่อการเข้าถึงที่ง่ายของ SME เป็นต้น

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

'เศรษฐา' อย่าสับสน! โพลวัดผลงาน ไม่ใช่เรตติ้งนายกฯ

นายเทพไท เสนพงศ์ อดีต สส.นครศรีธรรมราช พรรคประชาธิปัตย์ โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กว่า อย่าสับสน !!! ระหว่างผลงาน กับการเลือกนายกฯ คนต่อไป

'ภูมิธรรม' ยันยังไม่เลิก 'ไร่ละพัน' แจง 'ปุ๋ยคนละครึ่ง' หวังช่วยชาวนาอีกทาง

'ภูมิธรรม' แจงไม่ได้ยกเลิกไร่ละพัน พร้อมดึงกลับมาใช้ถ้าราคาข้าวตก ย้ำคนละส่วนกับปุ๋ยคนละครึ่ง ชี้ สส. รุมค้าน เหตุไม่เข้าใจถ่องแท้ไปฟังเกษตรกรมา

แจกเงินดิจิทัล1หมื่นบาท ปิดปาก 'ปุ๋ย คนละครึ่ง'?

รัฐบาลเพื่อไทยนำโดย เศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และ ภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกฯ และ รมว.พาณิชย์ ผนึกกำลัง ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รมว.เกษตรและสหกรณ์ ในฐานะเลขาธิการพรรคพลังประชารัฐ

'รังสิมันต์-มาริษ'โต้เดือดปมธนาคารไทยมีเอี่ยวช่วยซื้ออาวุธให้รัฐบาลเมียนมา!

'โรม' จี้ถามจุดยืนประเทศ หลังมีแฉธนาคารในไทย เอี่ยวใช้ธุรกรรมการเงินฆ่าชาวเมียนมา ซัด รบ.ต้องชัดเจน ด้าน 'รมว.กต.'โต้ไม่พบหลักฐานธนาคาร-รัฐบาลไทยเข้าไปเอี่ยว รับการคว่ำบาตรเป็นเรื่องยาก